ชีวิตยิ่งกว่าละคร! ของอดีตเฮดบัตเลอร์ชื่อดังแห่งนิวยอร์ก

ชีวิตยิ่งกว่าละคร! ของอดีตเฮดบัตเลอร์ชื่อดังแห่งนิวยอร์ก

ชีวิตยิ่งกว่าละคร! ของอดีตเฮดบัตเลอร์ชื่อดังแห่งนิวยอร์ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

HELLO! พามารู้จักเรื่องราวชีวิตที่ครบรสยิ่งกว่าละครเรื่องไหนๆ ของคุณจอม-ภูมิพันธ์ เอี่ยมปรเมศวร์ อดีตเฮดบัตเลอร์ที่กระทบไหล่บุคคลระดับวีวีไอพีระดับโลกทุกวันตลอดเวลาเก้าปีในนิวยอร์ก ผู้ผ่านมาแล้วทั้งช่วงที่นิวยอร์กเฟื่องฟูและตกต่ำ

คุณจอม-ภูมิพันธ์ เอี่ยมปรเมศวร์
ชีวิตวัยเด็กของคุณจอม ผู้เป็นลูกชายคนเดียวในจำนวนพี่น้องสี่คน ของคุณพ่อ นาวาอากาศโท ประพันธ์ และ คุณแม่ ประจวบ เอี่ยมปรเมศวร์ เรียกได้ว่าเป็นเด็กหัวดีและที่สำคัญเป็นนักกิจกรรมตัวยง ซึ่งเป็นดั่งจุดเชื่อมที่ทำให้เขาเป็นที่รักของเพื่อนๆ

"เข้าไปอยู่เตรียมฯ ปีแรกจอมก็ถูกจองตัวเป็นเชียร์ลีดเดอร์เลย เพราะตัวสูงขาวแล้วกล้าแสดงออก นับจากนั้นไม่ว่าจะมีกิจกรรมอะไร ทุกคนเป็นต้องนึกถึงจอมๆๆๆๆ แล้วเราเองก็ทำได้ทุกอย่าง รำวงมาตรฐาน โต้วาที ชมรมอะไรต่อมิอะไรเรียกเราหมด"

“อาจารย์ที่สอนวิชาหลักๆ เห็นจอมทำกิจกรรมเยอะ ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ กลัวพ่อแม่มาต่อว่าถ้าเราเอ็นท์ไม่ติด ก็เลยเรียกจอมมาติวเข้มตัวต่อตัว  คนอื่นเค้าเตรียมตัวกันสามปี จอมอ่านหนังสือ 20 วันก่อนเอ็นท์เลย ตอนนั้นเลือกอักษรศาสตร์ จุฬาฯ อันดับหนึ่ง แต่มาติดรัฐศาสตร์การทูต จุฬาฯ ถามว่าเสียใจไหม เสียใจ แต่มาคิดอีกทีเราเอ็นท์ติดก็บุญแล้ว แล้วก็เลือกภาษาเยอรมันเป็นวิชาเอก อังกฤษวิชาโท เพราะจะเป็นทูตต้องรู้หลายภาษา จอมเลยได้เดินไปเรียนภาษาเยอรมันที่คณะอักษรศาสตร์อาทิตย์ละสามวันสมใจ"

งานแรกในชีวิต

"จอมโชคดีมากที่ได้รับโอกาสจากทุกคนรอบตัว” คุณจอมซึ่งในตอนนั้นอยู่ปีสุดท้ายในรั้วมหาลัยเน้นย้ำกับเราถึงโอกาสที่ทำให้จอมเป็นจอมอย่างทุกวันนี้  “พี่ดุจเป็นเพื่อนพี่ปิ๋ม (การะเกด สารสิน) เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณวัลลิยา ปังศรีวงศ์ ซึ่งเปิดโรงแรมเคปพันวา ที่เป็นหนึ่งในห้าโรงแรมที่ดีที่สุดในภูเก็ตในยุคนั้น"

คุณจอม-ภูมิพันธ์ เอี่ยมปรเมศวร์
"จอมได้รับมอบหมายให้ทำตำแหน่ง Management Trainee พนักงานที่นั่นส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีไม่มีอะไรทำ คือเป็นชาวบ้านขายที่ได้แล้วก็ขี้เกียจอยู่บ้าน ฉะนั้นพนักงานเหล่านี้จะขับรถหรู ใส่ทองจากข้อมือถึงข้อศอก ดุว่าพนักงานไม่ได้เลย เพราะคนพวกนี้ดุและหัวรุนแรง แต่เราไม่ได้เป็นคนหาเรื่องคนอยู่แล้ว จอมจะรู้ว่าต้องดีลกับคนพวกนี้อย่างไร พูดด้วยก็ไม่พูด ถามอะไรก็ไม่ตอบ ต้องหาเอาเอง ก็ใช้วิธีลงไปคลุกด้วยเลย ไปถูพื้น ลงไปในน้ำคลำ ทำทุกอย่างกับเขา พอวันหยุดเขาชวนไปตะลุยเกาะแก่ง เราไปด้วยหมด หลังจากนั้นเขารักเรามาก ตอนที่จอมลาออกร้องไห้กันใหญ่เลย"

"ตำแหน่ง Management Trainee เป็นตำแหน่งที่ดีมากสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านการโรงแรมมาเหมือนอย่างจอม เพราะเราได้ไปฝึกงานกับทุกแผนก เราก็ได้เรียนรู้ ทำให้รู้สึกว่าฉันรักอาชีพนี้แล้วละ เพราะเราได้ต้อนรับแขกระดับโลกตั้งแต่เราอายุเพียง 21 เช่นพระราชอาคันตุกะของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่เป็นกลุ่มภริยาวุฒิสมาชิกอเมริกัน ผู้บริหารนิตยสารโว้ก และอีกมากมายที่จอมต้องคอยดูแล เราจึงได้คำตอบให้กับตัวเองว่าเราเลือกได้ว่าจะอยู่ตรงไหนของสังคมก็ได้ ถ้าเรามีความสามารถ"

คุณจอมทำงานที่เคปพันวาจนกระทั่งจบการศึกษา จึงต้องกลับมารับพระราชทานปริญญาบัตร แล้วโชคชะตาก็พลิกผัน เพราะทนคิดถึงมารดาและพี่น้องเพื่อนฝูงที่กรุงเทพไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจลาออกไปเป็น Sale Executive ที่โรงแรมรอยัลปรินเซส ซึ่งในห้วงเวลานั้นเป็นบูติกโฮเต็ลแห่งแรกของไทย ในเครือโรงแรมดุสิตธานี

"ด้วยความที่เป็นโรงแรมมีชื่อเสียง ทำให้มีเด็กหัวกะทิไปทำงานที่นั่นเยอะ เจ้านายถามจอมเลยว่า จะไปเรียนเมืองนอกหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าทำๆ ไปแล้วจะไปเมืองนอก ก็เลยบอกว่าไม่ไปครับ เพราะคิดว่าอย่างมากบ้านเรามีเงินส่งเราเรียนโทที่เมืองไทยเท่านั้น แต่ทีนี้เพื่อนกลุ่มเดียวกันจะไปเมืองนอกกันหมด อยากให้เราไปด้วย ตอนนั้นพ่อกำลังจะเกษียณจากกองทัพอากาศ ถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านจะมั่นคงแล้ว เพราะพี่สาวทุกคนได้ทำงานดีๆกันหมด แต่เราก็ไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะไปใช้ชีวิตอย่างเพื่อนๆเราในบอสตัน จึงบอกเพื่อนๆว่าเราจะเรียนโทรออยู่ที่เมืองไทย แต่เพื่อนๆก็ไม่ยอม"

"แม่เพื่อนเป็นผู้จัดการแบงค์ ก็บอกเดี๋ยวจะให้เงินกู้ไปเรียน แต่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทีนี้พี่สาวทุกคนไม่สนับสนุนเลย เพราะจอมเริ่มมีสังคมกลางคืน เราไปเสียคนที่โน่นแน่ แต่ด้วยความที่แม่กลัวลูกจะเสียใจ เพราะก่อนหน้านั้นจอมไปสอบสจ็วตแล้วไม่ได้ ทั้งที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ที่ใครเห็นก็พูดกรอกหูว่าเราต้องเป็นสจ๊วต พอตกรอบแรกก็ผิดหวังมาก เพราะไม่เคยคิดว่าเราต้องไปทำงานออฟฟิศ แม่รู้ว่าเราเสียใจมากเลยแอบเอาที่นาที่ท่านมีไปค้ำประกัน แล้วก็จัดการส่งเสียให้จอมจนเรียนจบปริญญาโท"

ในดินแดนแห่งเสรีภาพ

ชีวิตในสหรัฐอเมริกาเปิดโลกใหม่ให้กับคุณจอมเป็นอย่างมาก และทำให้เขาได้เติบโตในอีกมิติหนึ่ง ที่สำคัญคือเขาได้ใช้ชีวิตตามที่ใจตนต้องการ และแน่นอนการปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยงในเมืองหลวงของโลก ที่ขึ้นชื่อในเรื่องปาร์ตี้แบบRock Star

"จอมไปเรียนโท การบริหารการโรงแรมและการท่องเที่ยวที่ Johnson & Wells ซึ่งเป็นโรงเรียนการโรงแรมTop 5ของอเมริกา ที่เมืองโพรวิเดนซ์ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างบอสตันกับนิวยอร์ก เป็นเมืองเล็กๆที่สวยงาม แต่ไม่มีอะไรทำเลย เหมาะกับการไปเรียนหนังสือ ถ้าอยากสนุกก็ไปวีคเอนด์ที่นิวยอร์กเพราะขับรถเกือบสามชั่วโมง วันธรรมดาอยากแว้บก็ไปบอสตันเพราะอยู่ใกล้แค่สี่สิบห้านาที"

คุณจอมกับเพื่อนร่วมงานต่างชาติในปาร์ตี้เล็กๆที่นิวยอร์ก

"ตอนนั้นบอสตันมีแต่ลูกมหาเศรษฐี และมีคลับไฮโซอยู่แห่งหนึ่งที่มีแต่ลูกคนรวยระดับท็อปจากทั่วโลกไปปาร์ตี้กัน แล้วจอมเป็นคนที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แต่งตัวสวยไว้ก่อน แล้วชอบเต้น ก็เลยเต้นสุดเหวี่ยง จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฝ่าฝูงคนในฟลอร์ เอานามบัตรมายื่นให้ แล้วบอกว่า My boss wants to meet you. ทีแรกเราก็งงว่าเต้นแรงผิดด้วยหรือ ปรากฏว่าเจ้าของคลับอยากให้ไปออดิชั่นเป็นแดนเซอร์ของคลับ เพื่อนก็ยุเอาเลยๆ พาไปออดิชั่นที่คลับใหญ่ชื่อ Cat Club ซึ่งเป็นโรงละครเก่าในไชน่าทาวน์ของบอสตัน มีวงดังจากอังกฤษมาเล่นพอดี จอมก็เต้นกับแดนเซอร์ตัวแม่ของบอสตันเลย ปรากฏว่าแดนเซอร์อื่นหยุดหมด เพราะจอมเต้นแรงมาก เจ้าของคลับเดินมาปรบมือบอกเยี่ยมมาก You got the job. จอมเป็นเอเซียคนเดียวที่ได้ขึ้นไปเต้นบนโพเดียม มี Follow Spot ส่องตลอดเวลา เด็กบอสตันทุกคนรู้จักจอม"

คุณจอม หนุ่มเอเชียขาวสูงกับลีลาการแด๊นซ์ที่ไม่ธรรมดา


"ระหว่างที่เป็นแดนเซอร์มีเพื่อนรุ่นน้องมาเที่ยวจากนิวยอร์ก ชื่อว่าคุณโจ(ประสพสุข ถวิลเวชกุล) คุณโจเป็นคนที่รู้เรื่องกินเรื่องดื่มเป็นอย่างดี พอจอมเต้นเสร็จเขาก็บอกว่าคุณเด็ดมากเลย เรียนการโรงแรมมาใช่ไหม จบแล้วไปสมัครงานที่โรงแรมผมสิ St.Regis มีแต่คนดังระดับโลกพักที่นั่น  จอมชอบนิวยอร์กอยู่แล้วได้มีโอกาสไปเจอคุณโจที่นิวยอร์ก พอเห็นโรงแรม St.Regis ก็ท่องไว้ในใจ ว่าเราต้องมาทำงานที่นี่ให้ได้"

คุณจอมและคุณพ่อคุณแม่ในวันสำเร็จการศึกษาปริญญาโทจากสถาบันการโรงแรมที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา

"พอเรียนจบ ทั้งครอบครัวก็บินไปร่วมพิธีรับปริญญาบัตร เสร็จพิธีจอมก็ขับรถพาพ่อแม่และพี่สาวเที่ยวทางเหนือจนถึงแคนาดาจนทั่ว ขากลับเลยฝากทั้งครอบครัวไว้กับเพื่อนแม่ที่อยู่วอชิงตัน ดีซีเกือบอาทิตย์นึง เพื่อจอมจะได้วิ่งรอกสัมภาษณ์งานตามโรงแรมที่ที่ดีที่สุดที่เลือกไว้ทั้งหมดสิบแห่ง"

"หลังจากที่วิ่งสอบสัมภาษณ์ทุกโรงแรมที่สมัครไว้ เราก็คิดว่าอยากทำที่ St.Regis มากที่สุด แต่ไม่เรียกเราสัมภาษณ์ ทำยังไงดีอีกสองวันพ่อแม่จะมาแล้ว เลยพุ่งไปที่โรงแรม เพราะฝรั่งเขาชอบคน aggressive โทรหาฝ่ายบุคคลจากล็อบบี้ บอกว่าคุณโจเอาเรซูเมมาดรอปไว้ให้ ไออยู่ที่โรงแรมยูแล้ว มีเวลาสัมภาษณ์ไอไหม เขาบอกว่ามาเลยๆ สรุปว่าวันนั้นจอมผ่านสัมภาษณ์ผู้บริหารห้าคนจนถึงจีเอ็มเลย แต่ก็คิดว่าคงยาก เพราะเขาบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับไป ปรากฏว่ารุ่งขึ้นสิบโมงเช้ามีโทรศัพท์มาจาก St.Regis บอกว่า เราอยากให้คุณมาเริ่มงานเป็นบัตเลอร์ภายในสองอาทิตย์ พ่อแม่รวมทั้งเพื่อนคนไทยเลยต้องมาช่วยจอมแพ็คของย้ายของให้ทันเริ่มงาน"

เบื้องหลังบัตเลอร์

คำว่า "บัทเลอร์" เริ่มมาจากคำในภาษาฝรั่งเศส”Bouteillier”ในยุคนอร์แมน คือผู้รินไวน์ที่มีค่ามหาศาลในคฤหาสน์ของพวกขุนนาง และทำหน้าที่หัวหน้าคนรับใช้ที่จะคอยอำนวยความสะดวกให้กับเหล่าขุนนางในทุกเรื่อง โดยที่พวกขุนนางจะไม่ต้องลงไปออกคำสั่งกับบรรดาคนรับใช้  เมื่ออาชีพนี้เข้าไปแพร่หลายในอังกฤษ จึงผันเป็นคำว่า "Butler" หรือ "A gentleman of a gentleman" คือต้องเป็นผู้ดีเพื่อดูแลผู้ดี บัตเลอร์ในแต่ละที่จะต้องรู้ว่าเจ้านายของตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร และบัตเลอร์ก็จะเป็นผู้เนรมิตทุกอย่างให้เจ้านายมีแต่ความสุข

คุณจอม-ภูมิพันธ์ เอี่ยมปรเมศวร์

"บัตเลอร์ในโรงแรมก็เป็นคนกลางระหว่างแขกกับทุกแผนก แขกไม่ต้องติดต่อใครเลย อยากได้อะไรโทรหาบัตเลอร์คนเดียว จะสั่งอาหาร ดื่มกาแฟตอนเช้า แพ็คกระเป๋า ช่วยเลือกชุด ช่วยรูดซิป ผูกโบไท ฉะนั้นคนเป็นบัตเลอร์ ต้องไว รู้ทุกเรื่องในโรงแรม ต้องดูดี มารยาทสังคมต้องเป๊ะ ยิ่งรู้หลายภาษายิ่งดี"

หลักสูตรการอบรมบัตเลอร์ของ St.Regis นั้นมีที่มาจากเซอร์ไอเวอร์ สเปนเซอร์ ซึ่งเป็น Head Butler ของพระราชวังเคนซิงตัน ประเทศอังกฤษ

"จอมได้รับการเทรนอย่างเข้มข้น ทั้งในเรื่องอาหาร เครื่องดื่มทุกชนิดในเมนูของโรงแรม การดูแลรักษาข้าวของเครื่องใช้ วิธีการรับมือกับปัญหาร้อยแปด รวมถึงการปฐมพยาบาล โรงแรมSt.Regis เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในมหานครนิวยอร์ก ดังนั้นคนที่รวยที่สุด มีอำนาจที่สุด ดังที่สุด ต้องเลือกมาพักที่นี่ คนที่จะมารับมือกับแขกพวกนี้ให้พึงพอใจสูงสุด จึงต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดมาจากทั่วโลก และจะต้องผ่านการอบรมให้อยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน"

สองพี่น้องเวอร์ซาเชที่คุณจอมเคยให้การต้อนรับ และเป็นทำให้คุณจอมกลายเป็นที่รักและไว้วางใจของจิอานนี่จนกระทั่งเขาถูกฆาตกรรมที่ไมอามี นอกจากนี้โดนาเทลล่ายังน่ารักกับคุณจอมมาก


"จอมถูกดึงตัวไปทำงานกับทีมของGianni และ Donatella Versace เพราะบัตเลอร์ทั้งโรงแรมพูดกันว่าจอมเป็นลูกเศรษฐีจากเมืองไทยไม่ยอมกลับบ้าน ผูกนาฬิกาVersaceเรือนทองคำมาทำงานบัตเลอร์ นายแอบมองจอมแต่งตัวทุกวัน เลยส่งไปอยู่ทีมVersaceอย่างไม่ต้องทดสอบอะไรมาก"

ไม่นานเท่าไรเจียนนี เวอร์ซาเช่ มาซื้อแมนชั่นที่ไมอามี่ และดึงบัตเลอร์ที่โรงแรมไปทำงานด้วย ทำให้คุณจอมสามารถไต่เต้าจากตำแหน่งจูเนียร์บัตเลอร์ ไปเป็นหัวหน้าทีมอย่างรวดเร็ว

"แต่จอมไม่ได้ตำแหน่งมาง่ายๆ เพราะต้องโดนสับโขกให้ทำงานหนัก แล้วเขาเห็นเราไม่มีปากเสียง ต้องแอบไปร้องไห้คนเดียวอยู่บ่อยๆ เพราะว่าจริงๆแล้วเราเป็นคนปากร้าย และฤทธิ์เยอะด้วย แต่ต้องเก็บกดเพราะเรายังไม่มีอำนาจ ตีกับใครแพ้ก็ต้องกลับเมืองไทย ทำอะไรผิดก็ไม่มีใครสอน มีแต่หัวเราะเยาะ ทุกคนมาจากยุโรปเก่งกันหมด ไม่สอนกันต่างคนต่างทำงานแข่งกับเวลากว่าจะผ่านการอบรมทุกขั้นตอนยากลำบาก และขั้นตอนตัดสินขั้นสุดท้ายคือเราต้องดูแขกคนเดียวทั้งโรงแรมในช่วงกะที่เรียกว่า Overnight Shift คือจากห้าทุ่มถึงเช้า ซึ่งโหดที่สุด"

หลังจากทำงานได้ราวสามปี คุณจอมก็เป็นที่ปอปปูลาร์ของทั้งโรงแรม เพราะเขามีเรื่องโจ๊กภาษาอังกฤษอยู่เยอะ แต่งตัวเก่ง ชอบใส่ของแพง เป็นที่รู้กันว่าเขาใส่นาฬิกาเรือนทองของ Versace และดังไปถึงหูของเจียนนี เวอร์ซาเชเลยทีเดียว

"ปกติเขาไม่ให้พนักงานใส่นาฬิกาหรือรองเท้าแบรนด์เนม เพราะเกรงว่าแขกจะรู้สึกว่าเราข่ม แต่เวอร์ซาเชให้ใส่ เพราะมันเป็นนาฬิกาแบบอาร์ตติส แล้วเราทำงานให้เขา วันแรกที่เจอกันเขาถามเลยนะว่า ได้ข่าวว่ายูใส่นาฬิกาฉันหรือ ก็บอกว่า Yes! I am your fan. เขาเลยให้กระเป๋าสตางค์ ตอนที่เป็นบัตเลอร์ให้โดนาเทลลาเธอก็ให้พวงกุญแจเป็นที่ระลึก หลังจากเจียนนีถูกฆาตกรรม โดนาเทลลาก็กวาดทีมบัตเลอร์ของเจียนนีกับเอลตัน จอห์นไปอยู่ที่แมนชั่นหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จในนิวยอร์ก แต่ไม่เอาจอม เพราะจอมใช้วีซ่า ทีนี้จะให้ใครเป็นบัตเลอร์ของเอลตัน จอห์นละ แต่ส่งใครไปก็ถูกเด้งหมดเลย นายก็เลยไปบอกเอลตันว่าฉันมีเด็กไทยอยู่คนหนึ่ง ทำงานให้เจียนนี แล้วเจียนนีรักมาก ปรากฏว่าไปลองทำแล้วไม่มีข้อผิดพลาดใดๆเลย ก็เลยได้รับการบรรจุเข้าทีมเอลตันแต่โดยดี"

เซอร์เอลตัน จอห์น


"แล้วการได้เป็นบัตเลอร์ให้กับเอลตัน จอห์น ผู้ใช้ชีวิตยิ่งกว่าราชา ก็สอนงานให้จอมเป็นคนที่คล่องที่สุดในโรงแรม จอมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกบัตเลอร์ ซึ่งต้องควบคุมบัตเลอร์ทั้ง 50คน ให้พวกเขามีความสุข เพราะว่าพวกเขาจะต้องไปทำหน้าที่ให้แขกทุกคนในโรงแรมมีความสุขเช่นกัน"

หลังจากช่วงเวลาแห่งความสุขที่ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นไปเสียหมด ชีวิตของคุณจอมต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเหตุการณ์ฟองสบู่แตกที่สหรัฐอเมริกา และเหตุการณ์ 911 ที่ทำเอาช็อกกันไปทั่วโลก ประกอบกับพี่สาวที่เคยหายจากอาหารมะเร็งก็กลับมาเป็นอีกครั้ง และที่เหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เมื่อคุณพ่อต้องจากโลกนี้ไปตลอดกาล

หรือติดตามฉบับดิจิตอล ได้ทาง http://www.ookbee.com/Shop/Magazine/HELLO

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook