โสม (Ginseng) ประโยชน์ สรรพคุณของโสม

โสม (Ginseng) ประโยชน์ สรรพคุณของโสม

โสม (Ginseng) ประโยชน์ สรรพคุณของโสม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โสม (Ginseng) เป็นสมุนไพรที่ถูกวิจัยในทางการแพทย์แล้วพบว่า โสมมีสรรพคุณในการป้องกันและบำบัดรักษาโรคต่างๆได้โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผู้ใช้แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นรากของโสมหรือโสมที่สกัดมาแล้วไม่พบว่ามีอันตรายแต่อย่างใดแม้แต่การทำให้เกิดการเสพติดเหมือนยาแผนปัจจุบันก็ไม่มีรายงานในโสม

 


ดังนั้นโสมจึงได้รับความนิยมและความเชื่อถือมาเป็นเวลานานจนทุกวันนี้มีการนำโสมมาเพิ่มเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพต่างๆเช่น กาแฟโสม ที่มีสรรคุณทั้งในด้านลดน้ำหนักและในเรื่องความสวยความงาม โสมได้ชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดีและเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มคนเกาหลี จีนและญี่ปุ่นจนมีคำกล่าวว่า โสมเป็นยาอมตะหรือยาที่มหัศจรรย์ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาช้านาน

โสม เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งมีสรรพคุณแตกต่างกันไปตามชนิดของสายพันธุ์นั้นๆ แต่โสมที่ดีที่สุดคือโสมที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเกาหลีและจีนเป็นส่วนใหญ่ สารสำคัญที่ตรวจพบในรากโสมที่มีฤทธิ์ในทางรักษาโรคคือ Ginsenosides ที่มีคุณสมบัติในการปรับสมดุลของร่างกาย (หยิน-หยาง) ได้เป็นอย่างดี โสมจะดีมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับปริมาณ Ginsenosides ที่มีอยู่ในรากโสมนั่นเอง

โสม ยังมีประโยชน์ในการช่วยให้เนื้อเยื่อดูดซึมออกซิเจนได้มากขึ้นจึงทำให้กระบวนการเผาผลาญอาการในร่างกายเกิดได้มากขึ้นซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดพลังงานแก่ร่างกายจำนวนมาก โสมยังเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่เป็นสาเหตุของการทำลายเซลล์ให้แก่ก่อนวัยและยังมีประสิทธิภาพในการเป็นภูมิคุ้มกันโรคต่างๆได้อีกด้วย

นอกจากนี้โสมยังเป็นสมุนไพรที่ได้รับการกล่าวขานถึงสรรพคุณในการบำรุงกำลัง ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยและลดความเครียดได้ หากใครทำงานหนักและเครียดให้กินโสมจะช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงและคลายเครียด โสมยังเป็นยาบำรุงให้เกิดผลดีต่อสมรรถภาพทางเพศอีกด้วย การใช้โสมให้ได้ผลดีต้องรู้วิธีใช้อย่างถูกต้องโดยหลังจากกินโสมแล้วประมาณ 3 ชั่วโมงไม่ควรกินอาหารอย่างอื่นตามและอย่าใช้โสมร่วมกับสารต่างๆที่มีภาวะความเป็นกรดเช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว ฯลฯ เพราะสรรพคุณของโสมจะถูกทำลายโดยความเป็นกรดได้

ขอบคุณข้อมูลจาก http://thai-good-health.blogspot.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook