ลงทุนหุ้นสไตล์ 3 ก๊ก

ลงทุนหุ้นสไตล์ 3 ก๊ก

ลงทุนหุ้นสไตล์ 3 ก๊ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายๆคนมักสอบถามผ่านอีเมลหรือเฟซบุ๊คอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับการใช้เงินทำงานแทนผ่านการลงทุนกับหุ้นสามัญ (ซึ่งมักเรียกสั้นๆว่าหุ้น) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บางคนอยากรู้ว่าควรจะลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวดี
บางคนอยากรู้ว่าควรจะซื้อหุ้นคุณค่า (Value Stock) หรือหุ้นโมเมนตัม (Momentum Stock)
บางคนอยากรู้ว่าควรจะเลือกหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ (Dividend Stock) หรือหุ้นที่ไม่จ่ายหรือจ่ายเงินปันผลน้อยๆ แต่มีอัตราการเติบโตสูงๆ (Growth Stock)

อยากจะบอกว่าคำถามเหล่านี้ถ้าจะเปรียบเทียบแล้วก็เหมือนกับคำถามที่ว่า ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน เพราะผู้ที่ชื่นชอบหรือนิยมรูปแบบการลงทุนนั้นๆ ก็มักจะหาหลักฐานหรือผลงานวิจัยทางวิชาการมาสนับสนุนความเชื่อของตนเองอยู่เสมอ

ในเมื่อไม่สามารถหาหลักฐานหรือผลงานวิจัยที่เป็นทางการมาฟันธงหรือคอนเฟิร์มได้อย่างแน่นอนว่ารูปแบบการลงทุนใดที่จะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่ากันในทุกๆสถานการณ์การลงทุน ก็คงไม่ผิดอะไรที่นอกจากเราจะรู้จักกระจายการลงทุนไปยังทางเลือกต่างๆอย่างที่เคยอธิบายกันไปแล้วในฉบับก่อนๆ เราก็ควรจะรู้จักกระจายรูปแบบการลงทุนในหลากหลายรูปแบบด้วยเช่นกัน

ผมจะขอตั้งชื่อรูปแบบการกระจายการลงทุนที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ว่าเป็น "การลงทุนสไตล์ 3 ก๊ก" เพราะเป็นรูปแบบการลงทุนที่จะแนะนำให้แบ่งเงินเป็น 3 กองเพื่อรองรับการลงทุนใน 3 รูปแบบดังนี้

การลงทุนระยะสั้นในหุ้นโมเมนตัม (Momentum Stock) เป็นการลงทุนภายใต้แนวคิดของการซื้อขายอ้างอิงโมเมนตัม
หลายคนอาจไม่เข้าใจว่า โมเมนตัม คืออะไร โมเมนตัมเป็นศัพท์ทางวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งใช้อธิบายลักษณะการเคลื่อนไหวของวัตถุต่างๆในการพุ่งไปข้างหน้าว่าขึ้นอยู่กับทั้งขนาดหรือมวล (Mass) ของวัตถุนั้น และความเร็ว (Velocity) ในการเคลื่อนไหว ทั้งนี้โมเมนตัมจะมีความสำคัญต่อการหยุดการเคลื่อนที่ของวัตถุ ทำให้ไม่สามารถที่จะหยุดการเคลื่อนที่ได้อย่างทันทีทันใด ยิ่งมีโมเมนตัมมากเท่าไรก็จะหยุดการเคลื่อนที่ได้ช้าลงเท่านั้น

ลองเปรียบเทียบระหว่างรถสิบล้อและมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีความเร็วเท่าๆกัน รถสิบล้อจะหยุดได้ช้ากว่ามอเตอร์ไซค์ แต่ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นเดียวกัน รถยนต์คันที่มีความเร็วสูงกว่าก็จะหยุดได้ช้ากว่ารถยนต์คันที่มีความเร็วต่ำกว่า

ผู้ที่เชื่อในแนวคิดการลงทุนแบบโมเมนตัม ก็มักจะสนับสนุนให้ลงทุนในหุ้นที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาอย่างต่อเนื่องในอัตราที่สูง เพราะเชื่อว่ามีแรงส่งจากความต้องการซื้อหุ้นอยู่อีกมาก ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มในการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อไป

ผู้ที่สนใจการลงทุนในหุ้นแบบโมเมนตัม จึงมักจะสนใจลงทุนในหุ้นที่มีค่าอัตราส่วนระหว่างราคาต่อกำไรต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio) หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า ค่าพีอี (P/E Ratio) สูงๆ

แต่ทั้งนี้ถ้าหากคุณจะลงทุนซื้อขายอ้างอิงโมเมนตัมดังกล่าว หรือที่บางคนเรียกว่าหุ้นเติบโตสูง (Growth Stock) ก็จะต้องรู้เท่าทันว่า หุ้นดังกล่าวจะมีเรื่องราวหรือผลประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างมากในอนาคต และต้องติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นรูปแบบการลงทุนที่อาศัยแรงส่งจากข่าวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหุ้นนั้นๆในระยะสั้น โดยอาจครอบคลุมระยะเวลาการลงทุนเป็นรายวัน หรือรายสัปดาห์ โดยผู้ลงทุนควรต้องมีความรู้ความเข้าใจในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิคประกอบ หรือติดตามแนวทางการวิเคราะห์หลักทรัพย์จากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค

การลงทุนในรูปแบบนี้มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง แต่ผู้ลงทุนก็อาจได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงด้วยเช่นกัน

การลงทุนระยะปานกลางในหุ้นปันผล (Dividend Stock) เป็นรูปแบบการลงทุนที่สนใจในการลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ลงทุนได้รับกระแสเงินสดตอบแทนจากการถือครองหุ้นดังกล่าวเป็นประจำเป็นงวดๆ เช่น ทุกๆ 6 เดือน หรือทุกๆ 1 ปี

การลงทุนรูปแบบนี้จะช่วยทำให้ผู้ลงทุนหลายๆคนที่คุ้นเคยกับการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์รู้สึกสบายใจว่าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสม่ำเสมอ คล้ายๆกับได้รับดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากนั่นเอง และทำให้สามารถได้รับกระแสเงินสดเพื่อนำไปใช้จ่ายต่างๆตามที่ต้องการ

การลงทุนในหุ้นปันผลควรเลือกลงทุนในบริษัทที่มั่นคง มีผลประกอบการที่มีเสถียรภาพ เพื่อให้มีความสามารถในการจ่ายปันผลตามที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

การลงทุนระยะยาวในหุ้นคุณค่า (Value Stock) เป็นการลงทุนในหุ้นที่มีราคาถูก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องมีราคาหุ้นละไม่กี่สตางค์หรือไม่กี่บาท แต่คำว่าถูกในที่นี้หมายถึง ราคาถูกกว่ามูลค่า
ถ้าจะถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าหุ้นดังกล่าวมีราคาถูกกว่ามูลค่า คำตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือว่า ก็ต้องไปประเมินมูลค่าของหุ้นดังกล่าวก่อน แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยซึ่งอาจมีข้อมูลหรือเข้าถึงข้อมูลได้ไม่เท่ากับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ก็คงต้องพึ่งพาบริการวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ
ทั้งนี้หุ้นคุณค่าที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่า อาจเป็นหุ้นที่ยังไม่ได้อยู่ในกระแสความสนใจของนักลงทุนโดยทั่วไป ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการลงทุนค่อนข้างยาวนาน บางครั้งอาจครอบคลุมระยะเวลาการลงทุนเป็นปี แต่นักลงทุนก็อาจได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงมากเช่นกัน

การลงทุนใน 3 รูปแบบนี้พร้อมๆกัน ก็จะช่วยให้นักลงทุนหลายๆคนสบายใจกับการลงทุนในหุ้น เพราะรู้สึกว่ามีโอกาสที่จะได้รับกำไรเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์อยู่เรื่อยๆ และถึงแม้ว่าอาจจะขาดทุนจากการลงทุนในระยะสั้น แต่ก็จะได้รับผลตอบแทนประจำทุกๆ 6 เดือนหรือ 1 ปี จากเงินปันผล รวมทั้งมีโอกาสที่จะได้รับกำไรสูงจากหุ้นคุณค่าในระยะยาว


ปรัชญาจากสามก๊ก
เดินหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook