รับประทานแอลคาร์นิทีน เพื่อลดน้ำหนัก

รับประทานแอลคาร์นิทีน เพื่อลดน้ำหนัก

รับประทานแอลคาร์นิทีน เพื่อลดน้ำหนัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนรับประทานแอลคาร์นิทีน เพื่อลดน้ำหนัก ลดความอ้วน อันตรายจากการกินยาลดความอ้วน, การอดอาหารเพื่อลดความอ้วน แล้วทำไมถึงอ้วนขึ้น,Yo-Yo Effect คืออะไร

ในร่างกายของมนุษย์เป็นกลไกที่ฉลาด เมื่อเราอดอาหารร่างกายก็จะคิดว่า เรากำลังจะอดตาย เพราะในร่างกายของมนุษย์ ไม่รู้ว่าเราอยากสวย อยากหล่อ หรืออยากลดไขมันส่วนเกิน กลไกทางธรรมชาติในร่างกายก็จะรีบเปลี่ยน น้ำตาล และ คาร์โบไฮเดรตเป็นไขมันเร็วขึ้น(เพื่อใช้เป็นพลังงานสะสม เพราะไขมันให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนถึง 2 เท่า) พร้อมกับ ลดอัตราการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism - เมตาบอลิ ซึ่ม) ในร่างกายลง ในช่วงแรกของ การอดอาหารน้ำหนักจะลด แต่ส่วนที่ลดจะเป็นน้ำและมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย ไม่ใช่ไขมันสะสม เนื่องจากการใช้พลังงานเท่าเดิม แต่ร่างกายได้รับอาหารน้อยลง ทำให้ไขมันยังเท่าเดิม

การอดอาหารตลอดปีเพื่อลดความอ้วนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หลังจากอดอาหารมาสักระยะ อัตราการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism) จะลดลง การอดอาหารติดต่อกันนาน 12 ชั่วโมง อัตราการเผาผลาญจะลดลงถึง40% การกลับมาทานอาหารเหมือนเดิมอีกครั้ง จึงทำให้ อ้วนมากกว่าเดิม เช่น ถ้าทานข้าว 1 จาน ร่างกายจะเผาผลาญน้อยลง ส่วนที่ไม่ได้เผาผลาญจะเก็บไว้เป็นพลังงานสะสม (ไกลโคเจน) หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นไขมันสะสม

การอดอาหารติดต่อกันนานๆให้ผลเช่นเดียวกับการ กินยาลดความอ้วน ซึ่งยาลดความอ้วนจะทำให้รู้สึก ใจสั่น คอแห้ง หิวน้ำ นอนไม่ค่อยหลับ หงุดหงิดง่าย หูแว่ว ประสาทสัมผัสเริ่มผิดเพี้ยน รับ ประทานอาหารได้น้อยลง หรือไม่หิวเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทานอะไรเลยก็ตาม หลังจากหยุดยาลดความอ้วน ระบบประสาทสั่งการเรื่องความหิวที่ถูกกดไว้มานานถูกปลดปล่อย พร้อมกับสูญเสียการควบคุมตัวเองเมื่อเห็นอาหารที่น่ารับประทาน การทานในปริมาณเพียงนิดเดียวก็สามารถทำให้อ้วนได้แล้ว เพราะระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายถูกทำให้ถดถอยจนอยู่ในระต่ำที่สุด เนื่องจากอดอาหารมานาน

 

 ลดความอ้วนลดความอ้วน

 

การออกกำลังกาย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1. แอนาแอโรบิค Anaerobic คือ การออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจนช่วยในการเผาผลาญ พลังงาน เป็นการระเบิดพลังงานในเวลาสั้นๆ เช่น การเล่นเวทหรือ ยกน้ำหนัก (Weight Training) กล้ามเนื้อที่ได้จากการออกกำลังกายประเภทนี้จะเป็นมัดกล้ามเนื้อขาว ซึ่งจะระเบิดพลังงานสูงสุดในระยะเวลาสั้นๆ พลังงานที่เผาผลาญไม่ใช่ไขมัน แต่จะเป็นพลังงานสะสมที่ร่างกายเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อและตับ (Glycogen-ไกลโคเจน) ในระยะยาวกล้ามเนื้อที่ใหญ่ ขึ้นจากการออกกำลังกายแบบ (Weight Training) จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี แม้ขณะนั่งอยู่เฉยๆหรือนอนหลับ

2. แอโรบิค Aerobic, คาร์ดิโอ Cardio คือ การออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจนช่วยใน การเผาผลาญไขมันไปใช้เป็นพลังงาน เป็นการออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป มีความต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 25 นาที เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค กล้ามเนื้อที่ได้จากการออกกำลังกายประเภทนี้ คือ มัดกล้ามเนื้อแดง ซึ่งจะเน้นความทนทาน

การออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกิน

หากเราต้องการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน จะต้องออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic), คาร์ดิโอ (Cardio) เช่น การ วิ่ง,ว่ายน้ำ,ปั่นจักรยาน ต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาที ขึ้นไป เพราะในนาทีที่ 1-25 ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานสะสมที่กล้ามเนื้อและตับ (ไกลโคเจน) หลังจากนาทีที่ 25 ร่างกายจะเริ่มนำไขมันมาเผาผลาญ การออกกำลังกายวันละ 10-15 นาที ไม่ช่วยเผาผลาญไขมัน หลายคนจึงเกิดการท้อแท้ เพราะออกกำลังกายไม่ถึง 30 นาที แล้วกลับไปรับประทานอาหารอย่างเต็มที่ โดยคิดว่าได้ลดไขมันไปบ้างแล้ว

คาร์ดิโอ Cardio คืออะไร

การออกกำลังกายเพื่อลดไขมันอย่างได้ผล การที่ร่างกายจะดึงไขมันมาเผาผลาญจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนช่วยในการเผาผลาญ เวลาเหายใจเข้าหัวใจก็มีหน้าที่สูบฉีดและส่งเลือดที่เป็นตัวนำออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆในร่างกายเพื่อเผาผลาญไขมัน

คาร์ดิโอ Cardio คำนวณได้โดยใช้สูตร 220 - อายุ (ปี) = อัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) ต่อนาทีสูงสุดที่ร่างกายรับได้

1. Low Intensity - คาร์ดิโอแบบความเข้มข้มต่ำ โดย Target Heart Rate (THR) อยู่ ที่ 55% - 65% ตลอดระยะเวลาการออกกำลังกาย

2. Medium Intensity - คาร์ดิโอแบบความเข้มข้นปานกลาง โดย THR อยู่ที่ 65% - 75% ตลอดระยะเวลาของการออกกำลังกาย

3. High Intensity - คาร์ดิโอแบบความเข้มข้นสูง โดย THR อยู่ที่ 75% - 85% ตลอดระยะเวลาการออก กำลังกาย

4. Extra High Intensity - คาร์ดิโอแบบความเข้มข้นสูงที่ใช้เทคนิคการฝึก แบบพิเศษเข้าช่วย THR อยู่เหนือระดับ 85% ขึ้นเป็นช่วงๆ โดยทั่วไปจะให้ THR อยู่ ที่ 90% - 95% หรือมากกว่าจนเฉียด 100% ของ Maximum Heart Rate คาร์ดิโอชนิดพิเศษพวกนี้ทำได้ยากมาก เลยส่งผลให้สามารถทำได้ในระยะเวลาที่สั้นมากๆ คือตั้งแต่แค่ 4 - 15 นาทีเท่านั้น ไม่อย่างนั้นร่างกายจะรับสภาพความรุนแรงไม่ไหว

 

 ลดความอ้วนลดความอ้วน

 

Hi-Balanz Tips

- การลดไขมันไม่เหมือนกับการลดน้ำหนัก ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องชั่งน้ำหนักทุกๆวัน

- การลดเฉพาะไขมันเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5 Kg./สัปดาห์

- การขับถ่ายบ่อยๆ ทำให้สูญเสียน้ำในร่างกาย และจะกลับมาใหม่เมื่อคุณดื่มน้ำ

- การควบคุมน้ำหนัก ต้องลดเฉพาะส่วนที่เป็นไขมันเท่านั้น

- น้ำหนักที่ลดลงเร็วส่วนใหญ่จะเป็นน้ำกับมวลกล้ามเนื้อใน ร่างกาย ไม่มีผลต่อการลดไขมัน

- รับประทานอาหารให้น้อยกว่า พลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน

- การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ 4-5 ครั้ง/วัน จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น

- ในขณะที่ออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic) นานกว่า 30 นาที ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญไขมัน แต่ถ้าเราดื่มน้ำหวานร่างกายก็จะไปเผาผลาญกลูโคสแทน ในกรณีเดียวกันถ้าเราหยุดพักนานกว่า 4 นาที ร่างกายก็จะกลับไปเผาผลาญพลังงานสะสมแทน

- กล้ามเนื้อจะช่วยเผาผลาญพลังงาน แม้ในขณะที่เรานั่งอยู่เฉยๆ หรือนอนหลับ

 

 ลดความอ้วนลดความอ้วน



สิ่งที่คุณจะได้รับจาก Hi-Balanz Vivid X-TRA Plus L-Carnitine

ลดไขมันตั้งแต่นาทีแรกที่ออกกำลังกาย (รับประทานก่อนออกกำลังกาย 30 นาที) ปริมาณการเผาผลาญขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำหลังทาน เช่น ทานแล้วเข้านอนก็จะเผาผลาญน้อยกว่าการไปเดิน หรือไปแอโรบิค

- ลดไขมันส่วนเกินทั่วร่างกาย โดยไม่สูญเสียน้ำและมวลกล้ามเนื้อ ไม่ทำให้เกิด Yo-Yo effect

- กระชับรูปร่าง, กระชับสัดส่วน, กระชับกล้ามเนื้อ, ลดหน้าท้อง, ลดพุง, ลดต้นแขน, ลดต้นขา, ลดเอว, ลดสัดส่วน

- ป้องกันอนุมูลอิสระที่เกิดจากการออกกำลังกาย บำรุงผิวพรรณ ลดการเสื่อมของเซลล์ ชะลอการแก่ก่อนวัย

- ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ที่เกิดจากไขมันสะสมในหลอดเลือด

- ลดระดับ LDL (Low Density Lipoprotein) และเพิ่มคอลเรสเตอรอลชนิดดี HDL (High Density Lipoprotein)

- ทำให้ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) อยู่ในระดับต่ำ

- ช่วยลดการสะสมของไขมันในตับ จากการดื่มแอลกอฮอล์

- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ

- ลดภาวะขาดสารแอล คาร์นิทีน สำหรับคนที่รับประทานมังสวิรัติอย่างเคร่งครัด เพราะเป็นสารที่ร่างกายได้รับจากเนื้อสัตว์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook