เทรนด์ยอดแย่แห่ง 2012 ที่ควรเลิกเสียที

เทรนด์ยอดแย่แห่ง 2012 ที่ควรเลิกเสียที

เทรนด์ยอดแย่แห่ง 2012 ที่ควรเลิกเสียที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

6 คนจากวงการแฟชั่นและสื่อมาเปิดอกว่าอะไรคือเทรนด์ยอดแย่ที่พวกเขาหวังว่ามันน่าจะอำลาไปพร้อมกับปี 2012

สมิลา วีณิน
รองบรรณาธิการ Life และบรรณาธิการ Muse บางกอกโพสต์

"ปี 2012 เป็นปีที่ดารามีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นมาก มีเจ้าแม่แฟชั่น แฟชั่นกูรูที่เป็นดาราเยอะแยะ ดารากลายเป็นผู้นำแฟชั่นสำหรับตลาดแมส และดาราก็ทำให้บล็อกเกอร์บางคนเกิด เจิดจรัส ได้รับขนานนามว่าตัวแม่แฟชั่น เพราะความใกล้ชิดดารา

อันที่จริงไม่ได้แอนตี้ดารานะคะ เพราะแฟชั่นระดับโลกที่ผ่านมา ก็ได้รับการถ่ายทอดผ่านดาราฮอลลีวู้ด เราคุ้นกับออเดรย์ เฮปเบิร์นในฐานะมิวส์ของจีวองชี่ เราเข้าใจการที่วง Sex Pistols เป็นตุ๊กตาขายของของวิเวียน เวสต์วู้ด

แต่สิ่งที่กลายเป็นเทรนด์ในหมู่ดีไซเนอร์และแบรนด์ในปัจจุบันที่มองว่าอยากให้น้อยลงกว่านี้อีกนิดคือ การใช้ endorsement จากดารา ส่งของให้ดาราใส่จนเกินพอดี

เข้าใจว่าการขายของเป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการขายของก็คือ การสร้างกลุ่มแฟนที่เข้าใจในแบรนด์และรักแบรนด์อย่างแท้จริง การเลือกใช้ทางลัดขายของฉาบฉวยอย่างการจับดารามาใส่ มันไม่ได้ช่วยในการสร้างแบรนด์ มันทำให้แบรนด์เป็น ‘เทรนด์' เป็นกระแสที่ดารานำ มหาชนตาม พอวันหนึ่งดาราเปลี่ยนไปใส่อย่างอื่น คุณจะเอาอะไรขาย? ก็เปลี่ยนดาราไปเรื่อยๆ เหรอ?

ที่สำคัญมันไม่ได้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคแฟชั่น ซึ่งเป็นกำลังซื้อของเรา เป็นคนที่จะหนุนวงการต่อไป ถ้าเรายินยอมกับการเลี้ยงเขาให้เป็นแค่ ‘คนซื้อของตามดารา' ต่อไปเราคงไม่มีลูกค้าที่มีสไตล์ มีรสนิยม และเข้าใจเรื่องแฟชั่นมาซื้อของ แล้วดีไซเนอร์เองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน"



ธีระพล พรมสุข
บรรณาธิการบริหาร cheeze magazine

"ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 40 แมทช์ชุดสวยๆ คู่ กับรองเท้า ‘flip flop' และผู้ชายอายุต่ำกว่า 40 สวมชุดหล่อกับ รองเท้า ‘crocs'

การประกาศ เรียกร้องความสนใจ ตีกัน แก้ผ้า ปาร์ตี้ เล่นยา บอกเล่า ในเรื่องที่ไม่ควรจะทำในที่สาธารณะ ด้วยการแชร์ลงใน Social Network และ YouTube ทางอินเตอร์เน็ต อย่าลืมว่าประเทศไทย อย่างไรก็ยังถือเรื่องกาละเทศะ

hashtag แบบไร้ความหมาย หรือ hashtag แบบไร้ตัวตน ไร้ความจำเป็น

จริงแล้วเชื่อว่าคำตอบน่าจะเป็นไปตามแต่ความคิดของแต่ละคน คงต้องใช้วิจารณญานอีกทีนะครับ"


ฤกษ์ อุปมัย
ช่างภาพอิสระและบรรณาธิการบริหารนิตยสาร DONT (Freelance Photographer and Editor-in-Chief at DONT Magazine)

"ลายสมมาตรบนเสื้อยืด - ไม่ถึงกับเกลียดครับ แต่มันกลายเป็นลายพิมพ์พื้นฐานของปี 2012 ไปแล้ว อยากให้ปีหน้าเราได้เห็นเทคนิคการพัฒนาลายพิมพ์แบบใหม่บ้าง"


Jacklyn JcReef : Santipong Kwanseng
Hairstylist

"แฟชั่นหรือเทรนด์ในปี 2012 ที่ดิฉันรับไม่ได้นั้นจริงๆ มีเยอะมากค่ะ แต่ดิฉันก็จะคิดว่านั่นคือการใจแคบ เพราะเรื่องรสนิยมคนเรามันต่างกัน แต่สิ่งที่ดิฉันเห็นว่ามันควรจะ ‘จบ' ไปพร้อมๆ กับปี 2012 นี้คือแฟชั่นบิ๊กอายค่ะ ใช่ว่าการใส่คอนเทคเลนส์ขนาดใหญ่เพื่อเสริมบุคลิกจะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เพียงแต่บางคน (ส่วนใหญ่) มักเลือกใช้เลนส์ที่ไม่เหมาะสมกับบุคลิคและหน้าตา โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นได้ว่าเป็นการเลียนแบบคนดังอย่างขาดสติ ซึ่งเราจะเห็นเด็กหมวยส่วนใหญ่ที่มักจะคิดว่าเลนส์บิ๊กอายนั้นจะทำให้ตาดูกลมโตขึ้น แต่มันกลับทำให้ดูประหลาดยิ่งกว่า ดังนั้นดิฉันคิดว่าสิ่งนี้ควรหมดวาระเทรนด์แห่งปีได้แล้ว

อันที่จริงดิฉันคิดว่าแฟชั่นต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยากให้ทุกคนตามอย่างมีสติและดูความเหมาะสม เราอาจจะรอดบ้างพลาดบ้างขอให้รู้ตัวและปรับใช้มันค่ะ"


Clay Hemmerich
Associate Editor, 2magazine

"Worst trend: Artist/Product collabs are cool and all, but this year the trend has definitely been played out. I'm glad local artists are getting attention from brand managers, but I'd like to see them get support to concentrate more on their own exhibitions."



มณฑล มาลีเมาะ (เมาะ)
New Media Executive
ELLE Magazine Thailand

"เรื่องแฟชั่นที่อยากบอกศาลาตอกฟาโลงกลบฝังให้มันกลายเป็นอดีตอันเหลาเหย่ของปี 2012 คือ "การบ้าแฟชั่นตามเซเลบริตี้แบบไร้สติ" ก่อนอื่นขอให้เข้าใจก่อนว่า ดารากับเราเกิดมาต้นทุนไม่เท่ากันหรอก เขามีหน้าตาสะสวย สูง ยาว ขาว นมใหญ่ ต่อให้เอาขี้มาโปะหัวก็อาจจะดูสวยขึ้นมาได้ ลำพังคนธรรมดา ถ้าบ้าใส่ บ้าแต่ง ตามเขาไปทุกอย่างมันต้องออกมาตลกแน่นอน เรื่องนี้เหมือนเส้นผมบังภูเขา แต่คนครึ่งค่อนประเทศมองข้าม ปีที่กำลังจะผ่านพ้นเราสู้รบกับ เครื่องหัวสารพัดผักผลไม้ส่งตรงจากตลาดไท กระเป๋าแบรนด์เนมราคาเหยียบแสน เทรนด์การแต่งตัวด้วยแบรนด์หรูตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ดูเหมือนคนบ้า ได้รู้จักกับแฟชั่นกูรู ตัวจริงบ้าง ตัวปลอมบ้าง ที่สมอ้างว่าส่งตรงนำเข้าจากหัวเมืองแฟชั่นทั่วโลก พบเจอบล็อกเกอร์ปลอมผู้ทรงภูมิ ลงแต่รูปงานที่ไปเฉิดฉายเฉยๆ ไม่เขียนบทความ เรื่อยไปจนถึงการถือถุงยูนิโคล่เดินชนกันทั้งเมืองเพราะใครไม่ถือนั้นคือเชย และส่งท้ายกันที่เอชแอนด์เอ็มกับคอลเล็กชั่นน่าเก็บอย่าง ADR และ MMMHM ที่คงจะเฮโลซื้อกันไปเก็บจริงๆ เพราะหาเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ในตู้มาแมตช์ไม่ได้ด้วยความที่ มันไม่ใช่สไตล์เรา ไปซื้อตามๆ เขาก็เท่านั้นเอง

คิดเล่นๆ ปี 2012 คนเสพย์แฟชั่นกันเหมือนเล่นสไลด์เดอร์ คือออกตัวแรงแล้วก็ไหลตามไปกับทุกอย่างที่ประดังประเดเข้ามา จนลืมไปว่าตัวตนของเราเองนั้นคืออะไร ชอบอะไร มีสไตล์ส่วนตัวเป็นแบบไหน หลายคนลืมไป ในขณะที่บางไม่รู้ว่า personal style คือสิ่งที่ทำให้แฟชั่นหลากหลาย สวยงาม และเป็นออริจินัล เรารอวันที่คนเหล่านั้นคนจะลื่นไหลตามสไลเดอร์ลงมาจนถึงน้ำเย็นๆ ข้างล่างสาดซ่าเข้าที่หน้า แล้วก็ตื่นขึ้นจากเกมม้าวิ่งตามแครอตบ้าๆ นี่สักที

personal style เป็นสิ่งที่หากันได้ยาก บางคนหาทั้งชีวิตก็ยังหาไม่ได้ แต่ tips เล็กๆที่เราอยากฝากไว้เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนรักแฟชั่นทุกได้ลองสำรวจตัวเองดูก็คือ "เมื่อไหร่ก็ตามที่เพื่อนๆ หรือคนรอบตัวคุณไปเห็นอะไรมาแล้วนำมาบอกคุณว่า พอเห็นเสื้อตัวนั้น พอเห็นวิวแบบนี้ พอได้กลิ่นแบบนั้น พอเห็นห้องแบบนี้ แล้วนึกถึงคุณขึ้นมาทันที" นั่นแหละเป็นหนึ่งสัญญาณที่ทำให้อมยิ้มได้ว่า คุณเริ่มมีแก่นแท้อะไรบางอย่างที่แสดงถึงตัวตนในแบบของคุณเอง เราขอให้รับฟังจากหัวใจตัวเอง หรือรับฟังจากเพื่อนที่หวังดีกับเรา ดีกว่าไปหยิบจับอะไรก็ไม่รู้จากเว็บบอร์ด จากรายการทีวีพูลไลฟ์ หรืออินสตาแกรมของใครๆ มาใส่หัว มาแต่งตัวแน่นอน


The more you like yourself, the less you are like anyone else, which makes you unique. -Walt Disney"

ที่มา Poppaganda.net

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook