ไขปริศนาเครื่องสำอาง "สเต็มเซลล์" ฟื้นฟูผิวได้จริงหรือ ?

ไขปริศนาเครื่องสำอาง "สเต็มเซลล์" ฟื้นฟูผิวได้จริงหรือ ?

ไขปริศนาเครื่องสำอาง "สเต็มเซลล์" ฟื้นฟูผิวได้จริงหรือ ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วงการความงามไม่เคยหยุดนิ่งในการต่อกรกับปัญหาความร่วงโรย ที่เสาะหาส่วนผสมให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสามารถชะลอความร่วงโรยของผิว จนก้าวสู่การฟื้นฟูความร่วงโรยให้เหมือนดุจย้อนเวลา ด้วยการนำวิทยาการล้ำหน้ามาใช้ ซึ่งหนึ่งในวิทยาการที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด และจัดว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการความงาม คือการนำ "สเต็มเซลล์" ซึ่งเป็น "เซลล์ต้นกำเนิด" จากสิ่งมีชีวิตที่สามารถแบ่งตัวสร้างเป็นเซลล์เนื้อเยื่อ อวัยวะต่าง ๆ มาใช้ในเครื่องสำอางบำรุงผิว โดยหวังผลลัพธ์ฟื้นฟูสุขภาพผิวเฉกเช่นการนำสเต็มเซลล์ไปใช้รักษาโรคความเสื่อมต่าง ๆ ในทางการแพทย์ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าวิทยาการสเต็มเซลล์จะสามารถใช้ได้จริงหรือ ครั้งนี้ ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับนานาชาติ อาวียองซ์ อะคาเดมี จะมาไขปริศนาดังกล่าวว่า จริงหรือไม่ที่สเต็มเซลล์สามารถฟื้นฟูผิวได้

ภก.ดร.พงศกรพัฒน์เผยว่า "ความน่าอัศจรรย์ของสเต็มเซลล์ หรือ เซลล์ต้นกำเนิด คือการสามารถแบ่งตัวเป็นเซลล์เนื้อเยื่ออวัยวะต่าง ๆ โดยหวังว่าหากนำสเต็มเซลล์จากสัตว์มาเติมลงในเครื่องสำอางแล้ว เซลล์ต้นกำเนิดเหล่านี้จะเข้าไปซ่อมแซมเซลล์เสื่อมสภาพได้ แต่การใช้สเต็มเซลล์ที่ได้จากสัตว์ นอกจากจะยังมีการถกเถียงเรื่องความปลอดภัยแล้ว ความเป็นจริงสเต็มเซลล์เหล่านี้ ก็ไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้เลยในกระปุกเครื่องสำอาง ดังนั้น ครีมบำรุงที่เติมสเต็มเซลล์ลงไปโดยตรง จึงอาจลงเอยด้วยเซลล์ที่ตายแล้ว และไม่สามารถทำงานฟื้นฟูผิว แต่กระนั้นก็อย่าเพิ่งสิ้นหวังกับวิทยาการสเต็มเซลล์ เพราะในท่ามกลางความกังขา ยังมีงานวิจัยเริ่มหันไปใช้สเต็มเซลล์จากพืชแทน โดยทำการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ของพืชในสภาวะควบคุมพิเศษให้เพิ่มจำนวนขึ้นหลายล้านเซลล์ เพื่อผลิตสารสำคัญที่มีประโยชน์ออกมา แล้วสกัดเอาเฉพาะสารบริสุทธิ์มาทดสอบประสิทธิภาพกับผิวหนัง โดยไม่ได้นำตัวเซลล์มีชีวิตไปใช้เลย ดังนั้น แม้ว่าสเต็มเซลล์ที่มีชีวิตอาจไม่สามารถนำมาใช้ฟื้นฟูผิวได้ แต่การนำสารสำคัญที่สกัดออกมาจากการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากพืช ซึ่งผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยฟื้นฟูผิวร่วงโรยได้จริงมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง จึงเป็นทางเลือกใหม่ของการพัฒนาวิทยาการสเต็มเซลล์"

มาถึงตรงยังคงมีความสงสัยต่อว่า แล้วสารสกัดสเต็มเซลล์จากพืชจะสามารถฟื้นฟูผิวได้อย่างไร ภก.ดร.พงศกรพัฒน์กล่าวต่อว่า "แม้วิทยาการเพาะเลี้ยงและสกัดสเต็มเซลล์พืชจะยังมีต้นทุนราคาสูงอยู่บ้าง แต่งานวิจัยด้านเครื่องสำอาง ก็เริ่มมีการนำสารสกัดจากสเต็มเซลล์พืชมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญ ในผลิตภัณฑ์ที่เน้นการทาฟื้นบำรุงเข้มข้นในรูปเซรั่มมากขึ้น แต่การทำงานฟื้นฟูผิวจะดีมากน้อยอย่างไรขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่มีอยู่ในสารสกัดของพืชนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น

งานวิจัยล่าสุดที่คัดเอาสเต็มเซลล์จากส่วนใบอ่อนของมะเขือเทศสายพันธุ์ Lycopersicon esculentum มาเพาะเลี้ยง เพื่อให้เพิ่มจำนวนได้หลายล้านเซลล์และสกัดสารสำคัญออกมา พบว่า สารสกัดจากสเต็มเซลล์มะเขือเทศ สามารถทำงานฟื้นฟูผิวร่วงโรยได้ด้วยกลไกที่ครอบคลุม เพราะพบว่าประกอบด้วย ทั้งสารแอนตี้ออกซิแดนท์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สารช่วยป้องกันพิษจากโลหะหนัก ตะกั่ว นิคเกิลในมลภาวะ จึงปกป้องเซลล์ ดีเอ็นเอ และ คอลลาเจนในผิวได้ดี รวมทั้งยังช่วยฟื้นฟูให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจน และโปรตีนอายุวัฒนะ เซอร์ทูอิน ซึ่งช่วยยืดอายุเซลล์ผิวได้อีกด้วย เมื่อโครงสร้างโดยรวมของผิวแข็งแรงขึ้นผิวก็จะสามารถซ่อมแซมฟื้นฟูความร่วงโรยได้ดีขึ้น จะเห็นได้ว่าสารสกัดสเต็มเซลล์แค่เพียงชนิดเดียวก็ทำงานฟื้นฟูผิวด้วยกลไกที่ครอบคลุมได้หลากหลายมิติ ซึ่งนับเป็นความน่าสนใจอย่างยิ่งของวิทยาการนี้"

อย่างไรก็ดี ในท่ามกลางกระแสการแข่งขันและการโฆษณาที่รุนแรง ผู้บริโภคควรพิจารณาเลือกผู้ผลิตเครื่องสำอางที่เชื่อถือได้ มิเช่นนั้นก็อาจถูกหลอกใช้เครี่องสำอางปนเปื้อนสารพิษที่มีจำหน่ายมากมายอยู่ในขณะนี้ และก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook