ทำ "บิกินี ไลน์- บราซิลเลี่ยน แว็กซ์" เสี่ยง!!! ผิวหนังติดเชื้อ

ทำ "บิกินี ไลน์- บราซิลเลี่ยน แว็กซ์" เสี่ยง!!! ผิวหนังติดเชื้อ

ทำ "บิกินี ไลน์- บราซิลเลี่ยน แว็กซ์" เสี่ยง!!! ผิวหนังติดเชื้อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์ ทีนเทศ

วันนี้ เรามีข่าวเตือนภัย (ทางสุขภาพผิว) สำหรับสาว สาว หนุ่ม หนุ่ม ที่ชอบทำ บิกินี ไลน์ ซึ่งหมายถึง การกำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศ ตรงส่วนที่ทำให้เวลาใส่บิกินี่แล้วจะไม่สวยออกไป หรือไม่ให้ขนมันแพลมออกมา กับ บราซิลเลี่ยน แว็กซ์ หรือวิธีกำจัดขนบริเวณน้องสาว หรือ น้องชาย แบบ โล้น เกรียนไปเลย ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีแพทย์ผิวหนังในฝรั่งเศสออกมาเตือนว่า สามารถทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสบริเวณผิวหนัง และที่ผ่านมา พบคนไข้ทั้งหญิง-ชายราว 30 คน ที่ติดเชื้อไวรัสบริเวณผิวหนัง จนต้องเข้ารับการรักษาตามคลินิกผิวหนังต่างๆ

ทั้งนี้ แพทย์ผิวหนังของฝรั่งเศส กล่าวในวารสารการแพทย์บริติช เมดิคัล เจอร์นอล ว่า การโกนหรือแว็กซ์ขน ล้วนก่อให้เกิดบาดแผลเล็กๆ บริเวณผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวอ่อนแอ เปราะบาง ต่อเชื้อโรค อย่างเช่น กลุ่มเชื้อพ็อกซ์ไวรัส (poxvirus) ตัวที่เรียกว่า Molluscum contagiosum หรือเรียกย่อว่า เอ็มซีวี (MCV) ที่ทำให้เกิดตุ่มผื่นเล็กๆบริเวณผิวหนัง และตุ่มนั้นสามารถแตกและแพร่กระจายได้ จากการเกาหรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์

ในรายงานระบุว่า จากการศึกษาในคนไข้ทั้ง 30 ราย อายุเฉลี่ยราว 29 ปี พบว่า มีคนไข้หญิงเพียง 6 ราย ที่เหลืออีก 24 ราย เป็นคนไข้ชายทั้งสิ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้ชายก็นิยมแว็กซ์ขน หรือโกนขนบริเวณอวัยวะเพศกันมาก และคนไข้เกือบทุกคนล้วนกำจัดขนบริเวณอวัยเพศออกทั้งสิ้น โดย 70% ใช้วิธีโกนขน!!!

สำหรับอาการที่เกิดขึ้นกับคนไข้ทั้ง 30 รายนี้ แพทย์ผิวหนังพบว่า คนไข้ทุกรายมีตุ่มผื่นเล็กๆ บริเวณหัวหน่าว ท้องน้อย หรือบริเวณขา ขณะที่คนไข้ 10 ราย มีตุ่มคล้ายหูดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ และมีการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวหนัง หรือตามขนที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนัง

อย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์ก็ว่า การกำจัดขนโดยวิธีโกน ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ผิวหนังจะติดเชื้อได้สูงกว่าวิธีอื่น อีกทั้งผลการศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับการกำจัดขนโดยวิธีเลเซอร์

"การกำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศ เป็นการตกแต่งร่างกาย เป็นการทำตามแฟชั่น โดยเฉพาะในกลุ่มหญิงสาว หรือเด็กสาววัยรุ่น แต่ปรากฏว่า ตอนนี้ยังเห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ชายด้วย สำหรับเหตุผลที่คนชอบไปทำนั้น ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเป็นไปได้ว่า อาจจะเกี่ยวพันกับภาพโป๊เปลือยทางอินเตอร์เน็ต" ทีมแพทย์ที่ศึกษาเรื่องนี้ระบุในรายงาน

หน้า 25 มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2556

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook