สาวนักสู้ “กล้วย คลองหอยโข่ง” สวมบทคนรับใช้ 12 ปี ไร้เงินเก็บ ผันเป็นนักร้อง เพลงดัง แต่ไม่มีคนจ้าง

สาวนักสู้ “กล้วย คลองหอยโข่ง” สวมบทคนรับใช้ 12 ปี ไร้เงินเก็บ ผันเป็นนักร้อง เพลงดัง แต่ไม่มีคนจ้าง

สาวนักสู้ “กล้วย คลองหอยโข่ง” สวมบทคนรับใช้ 12 ปี ไร้เงินเก็บ ผันเป็นนักร้อง เพลงดัง แต่ไม่มีคนจ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าคุณเป็นคอละครหลังข่าว คุณอาจเคยผ่านตากับนักแสดงสาวคนนี้ ซึ่งบทบาทที่เธอได้รับส่วนใหญ่จะเป็นบท “คนรับใช้” “กล้วย-ฐิภารินทร์ ยอดธนาสวัสดิ์” หรือกล้วย คลองหอยโข่ง อดีตนักแสดงสังกัดช่อง 3 ที่ตอนนี้ผันตัวเองเป็นนักร้องสังกัดค่าย Wefin และเป็นนักแสดงอิสระ ใครจะรู้ว่าหญิงสาวในวัย 30 คนนี้จะต้องกลายเป็นนักสู้สายแข็ง เพียงเพราะความฝันอยากเป็นนักร้องที่ฝั่งใจเธอมาตั้งแต่เด็ก

สายประกวดตัวจริง

กล้วยเป็นสาวสงขลา ฝันอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก จึงเริ่มเดินสายประกวดร้องเพลงมาตั้งแต่ตัวเองอายุได้เพียง 4   ขวบไม่ว่างานประกวดประจำเทศบาล ตำบล อำเภอ หรืองานอะไรก็ตามเธอกวาดเรียบ กระทั่งอายุ 15 ปีมีโอกาสเดินทางเข้ามาประกวดร้องเพลงเวที Panasonic Star Challenge  แม้จะได้รับรางวัลชนะเลิศ แต่เธอก็ทิ้งโอกาสที่จะเป็นนักร้อง เพราะหวาดกลัวที่มีคนมาชวนเธอไปทานข้าว เธอจึงตัดสินใจนั่งรถทัวร์กลับสงขลาบ้านเกิด และดำเนินชีวิตที่หล่อเลี้ยงด้วยความฝันของตัวเองต่อไป

กระทั่งต่อมาอายุ 18 ก็ได้เข้ามาประกวดรายการ The Singer ทางช่อง 3 กล้วยผ่านเข้ารอบและตอบรับการเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง กลายเป็นว่าฝันการเป็นนักร้องของเธอหยุดลงเมื่องานในวงการบันเทิงงานแรกของเธอคืองานแสดง

รับบท “คนรับใช้” ในละคร 12 ปี ไม่มีเงินเก็บ

หลังจากตัดสินใจย้ายจากบ้านเกิดเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ เพื่อเดินทางตามความฝัน งานแรกในวงการบันเทิงของเธอก็คือการเล่นละคร “สุดแต่ใจจะไขว่คว้า” ในบทเพื่อนนางร้าย เธอเริ่มต้นงานแบบคนไม่มีประสบการณ์ด้านการแสดง จึงรู้สึกว่างานแสดงเป็นเรื่องยาก แต่เพราะเธอมีความจำเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย และรายได้จากงานละครก็สามารถทำให้เธอส่งเสียตัวเองเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ส่งเงินให้ทางบ้าน ซื้อข้าวซื้อของให้พ่อแม่ได้ จึงทำให้เธอรักษาโอกาสนี้ไว้ แม้จะห่างไกลความฝันของการเป็นนักร้องก็ตาม

กระทั่งต่อมาบทบาทที่ทำให้คนรู้สึกเธอมากที่สุดกลับเป็นบท “คนรับใช้” จากซีรีส์ละครเรื่อง “สี่หัวใจแห่งขุนเขา” ที่ตอนนั้นเธอต้องเล่นตลอดทั้ง 4 ตอน ถือเป็นการพลิกบทบาทและทำให้เธอเข้าสู่การเป็นนักแสดงในบทคนรับใช้นับแต่นั้นเรื่อยมา

สำหรับเธอแล้วการรับบทเป็นคนรับใช้ ไม่ใช่งานต้อยต่ำแต่อย่างใดเพราะมันคือการแสดง และเป็นเรื่องของศิลปะ หากแต่บทคนรับใช้กลับทำให้เธอเห็นว่ามันเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ทำให้ละครมีความสมบูรณ์ขึ้นเพราะในละครนั้นประกอบไปด้วยนักแสดงที่เข้ามารับบทบาทมากมายพระเอก นางเอก พ่อ แม่ นางร้าย ทุกคนอาจจะรับบทบาทและมีหน้าที่สั่ง แต่ไม่มีคนรับคำสั่ง ซึ่งคนรับใช้คือคนรับคำสั่งที่จะเสริมให้ละครสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

อีกทั้งเธอยังได้พี่เลี้ยงฝีมือดีอย่างป้าหน่อย ปอบหยิบ หรือณัฐนี สิทธิสมาน ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องการรับบทเป็นคนรับใช้ และการทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งป้าหน่อยจะสอนทุกเรื่องทั้งเรื่องวินัยในการทำงาน ความรับผิดชอบต่องานที่ทำ เนื่องจากการทำงานละครนั้นเป็นการทำงานร่วมกับคนกลุ่มใหญ่จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทุกเรื่อง

แม้งานในวงการบันเทิงจะทำให้เธอมีรายได้เลี้ยงชีวิต แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการจะมีทรัพย์สินต่างๆ เป็นของตนเอง

“เงินละครได้เป็นก้อน แต่การถ่ายละครใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะได้เงินอีกก้อนตามมา ต้องบริหารเงินก้อนเดิมมาใช้ ทำให้ไม่มีเงินเก็บ”

เป็นนักร้อง “เพลงดัง” แต่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีงานจ้าง

เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนบอย พิษณุ เป็นคนแนะนำให้เธอไปออดิชั่นกับค่ายเพลงค่ายหนึ่งที่สร้างสรรค์งานเพลงลูกทุ่ง (ปัจจุบันปิดตัวลงแล้ว) ตอนนั้นน้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้มจนอดทนไม่ไหวต้องโทรไปบอกให้พ่อแม่รับรู้ เพราะถือเป็นก้าวแรกของการได้เป็นนักร้องหลังจากต่อสู้มาตลอดระยะเวลา 15 ปี

เพลง “ผัวทิ้ง” เป็นซิงเกิ้ลแรกในนาม “กล้วย คลองหอยโข่ง” ฉายาลูกทุ่งของเธอ บทเพลงโด่งดัง ประสบความสำเร็จในแง่ของความนิยม แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาดทุกทาง เนื่องจากเพลงดังขนาดมีคนนำไปร้องกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือเจ้าของบทเพลงนี้ และที่กระหน่ำซ้ำเติมไปกว่านั้นคือไม่มีใครจ้างเธอไปร้องเพลงเลย

แต่ทางค่ายก็ไม่ยอมแพ้ส่งซิงเกิ้ลภาคต่อออกมาต่อเนื่องในบทเพลง “อยากมีสามี” แม้จะมีการปรับเปลี่ยนมิวสิควิดีโอให้เห็นหน้าของกล้วยมากขึ้น ทิศทางชีวิตและความฝันของเธอดูเหมือนจะไปได้สวยเพราะเพลงได้รับรางวัลเพลงฮิตมาราธอน รวมทั้งเธอยังได้รางวัลศิลปินยอดนิยม ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเธอดัง และมีงานจ้างติดต่อเข้ามาแบบข้ามปี ซึ่งกลายเป็นความหวังว่าตนเองจะมีเงินเก็บ และชีวิตกำลังจะดีขึ้น

ความผิดหวังแบบฟ้าผ่าไม่เคยปราณีใคร เมื่อเพียงชั่วข้ามคืนเธอได้รับข่าวร้ายว่าค่ายปิดกะทันหัน ฝันของเธอที่วาดไว้จึงสลายไปหมดสิ้น น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความผิดหวัง ทำให้เธอตัดสินใจปิดช่องทางการติดต่อทุกช่องทาง และเดินทางกลับไปพักใจที่บ้านเกิดในจังหวัดสงขลาแบบไร้ทางออก มืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำอะไรต่อกับชีวิต

กลับมาเป็นนักร้องอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เปรี้ยง

หลังจากค่ายเพลงปิดตัวลง กล้วยกลับบ้านไปช่วยแม่ขายโจ๊ก ความฝันอยากเป็นนักร้องของเธอก็ยังคงอยู่  แต่ก็อับจนซึ่งหนทางเพราะเธอคิดไม่ออกว่าจะทำเพลงอย่างไร หรือไปติดต่อใครเพื่อให้เธอได้เป็นนักร้องสมใจ กระทั่งมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งติดต่อให้เธอกลับมาเป็นนักร้อง การกลับมาครั้งนี้ทำให้เธอได้มีผลงาน แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ทำเพลงแบบต้องควักเงินตัวเอง แม้มีงานจ้างแต่กลับต้องนำเงินนั้นมาใช้ทำเพลงต่อๆ ไป

“ก็ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองประสบความสำเร็จในไม่กี่ปี เพราะจะได้มีเงินไปทำอย่างอื่น ทำอะไรให้พ่อ แม่ เพราะตั้งแต่ทำงานมาได้แต่ดูแลตัวเอง แต่ไม่เคยทำอะไรให้พ่อ แม่เลย ทางเข้าบ้านที่ต่างจังหวัดก็ยังไม่เคยซ่อม”

แม้บางครั้งเธอจะคิดเปรียบเทียบชีวิตตนเองกับคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งๆ ที่ตัวเองเข้าวงการมานาน แต่ทำไมถึงยังไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น เธอก็ได้แต่คิด และยังคงยืนยันที่จะทำทุกอย่างเหมือนเดิม ให้เกียรติคนอื่น อะไรที่คิดว่าดีก็ยังทำต่อไป หรือใครที่มีปัญหาและมาขอคำแนะนำจากเธอ ในฐานะคนที่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็คอยให้กำลังใจคนอื่นเสมอ

ใครก็ตามที่กำลังท้อแท้ สิ้นหวัง และมองว่าชีวิตของตัวเองย่ำแย่ อยากให้เรียนรู้ชีวิตของสาวนักสู้คนนี้ เธอเป็นยอดนักสู้ คว้าทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา รักดี มองเห็นเรื่องลบเป็นเรื่องบวกและเติมพลังให้ตัวเองเดินต่อไปตามที่วาดฝันไว้เสมอ

 

 

 

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ ของ สาวนักสู้ “กล้วย คลองหอยโข่ง” สวมบทคนรับใช้ 12 ปี ไร้เงินเก็บ ผันเป็นนักร้อง เพลงดัง แต่ไม่มีคนจ้าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook