การผ่าตัดเพิ่มขนาดขององคชาต

การผ่าตัดเพิ่มขนาดขององคชาต

การผ่าตัดเพิ่มขนาดขององคชาต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
การผ่าตัดเพื่อขยายขนาดขององคชาตในทางการแพทย์ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ว่า เป็นการผ่าตัดที่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทางร่างกายให้แก่คุณผู้ชาย แพทย์บางท่านต่อต้านการผ่าตัดชนิดนี้เสียด้วยซ้ำ ในขณะที่แพทย์บางกลุ่มคิดว่าการผ่าตัดชนิดนี้ก็เปรียบเสมือนการผ่าตัดเสริมหน้าอกในผู้หญิงทั้ง ๆ ที่มีขนาดเต้านมปกติอยู่แล้ว หรือถึงจะเล็กกว่าคนอื่นก็ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด พอมีลูกมันก็โตขึ้นเองให้นมลูกได้สบายมาก อ้าว แล้วอย่างนั้นทำไมผู้หญิงที่ไปผ่าเสริมเต้านมถึงเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปเล่า บทความตอนนี้ผมได้ประมวลความคิดให้คุณผู้อ่านเข้าใจว่า

การผ่าตัดเพื่อให้องคชาตใหญ่ขึ้นนี่นะมันทำได้จริงหรือเปล่า แล้วมันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ใครบ้างที่สมควรจะทำผ่าตัดชนิดนี้

ขนาดขององคชาตที่ปกติควรจะเป็นเท่าไร
ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าขนาดของเจ้าองคชาตนี่มาตรฐานชายไทยมันเท่าไรกันแน่ ที่แน่ ๆ จากประสบการณ์ของผมที่ทำงานรักษาผ่าตัดโรคทางด้านนี้มาพอสมควร จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าในฝรั่งผิวขาวกับคนดำนี้ ขนาดค่อนข้างจะใหญ่กว่าคนไทยหรือคนเชียเอามาก ๆ เพราะฉะนั้นการกำหนดขนาดมาตรฐานของคนแต่ละเชื้อชาติก็คงต้องแตกต่างกันไป

ปัญหาที่พบอีกอย่างคือ การรายงานขนาดขององคชาตยังไม่มีวิธีมาตรฐานในการวัด ว่าจะวัดจากโคนให้เหมือนกันได้อย่างไร จะวัดตอนอ่อนตัว หรือแข็งตัวเต็มที่ แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าแข็งตัวเต็มที่ ขณะอ่อนตัวเองก็ตามเถอะเวลาอากาศหนาว ๆ สังเกตว่าเจ้าองคชาตของเรามันจะหดสั้นมาก ๆ เลย เห็นมั้ยครับไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย นี่ขนาดแค่การวัดขนาดเท่านั้นนะครับ
ในฝรั่ง ดร.ลี รายงานไว้ใน Johns Hopkins Medical Journal ปี ค.ศ.1980 ว่าขนาดขององคชาตตอนอ่อนตัวยาวเฉลี่ย 8 ซม. เส้นรอบวงเฉลี่ย 10 ซม. ถ้าจับยืดออกจะยาวเป็น 11 ซม. แต่ถ้าวัดตอนแข็งตัวเต็มที่จะมีความยาวและเส้นรอบวงพอ ๆ กันที่ 12.5 ซม.
ในคนไทยเคยมีการศึกษาเหมือนกัน โดยจ้างให้คุณหมอนวดทำการวัดให้ตอนแข็งตัวเต็มที่ปรากฏว่าความยาวเฉลี่ยของชายไทยอยู่ที่ 5.3 นิ้วหรือเท่ากับ 13.25 ซม. เอชักยังไงแล้วสิครับ ทำไมคนไทยยาวกว่าของฝรั่งเล่า เห็นไหมว่ามาตรฐานการวัดยังไม่มี ทำให้วิธีการวัดแตกต่างกัน อีกอย่างคือ อาจจะไม่ได้อบรมพนักงานที่ช่วยวัดก่อนว่าให้ใช้วิธีมาตรฐานอย่างไร


ขนาดเท่าไรจะถือว่าองคชาตเล็ก
อันนี้ยิ่งตอบยากเข้าไปใหญ่ เพราะใครเล่าจะเป็นคนกำหนดมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก แต่ทางการแพทย์ถือว่าถ้าองคชาตยาวเพียงพอที่จะยืนปัสสาวะได้โดยไม่หกรดกางเกง สามารถสอดใส่เข้าช่องคลอดได้ขณะมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้เวลาไปยืนปัสสาวะในส้วมสาธารณะแล้วขนาดพอดูได้ไม่เป็นที่อับอายสายตาชาวบ้าน อย่างนี้ถือว่าขนาดของท่านยาวเพียงพอ ฟังดูแล้วก็ยังกำกวมนะครับ
สมมุติว่าคุณผู้ชายราวหนึ่งยาว 5 นิ้ว แต่รู้สึกอับอายว่าของตัวเองเล็กไป สั้นไป อย่างนี้ก็ต้องถือว่ามีปัญหาใช่หรือไม่ ตำราบางเล่มถือว่าถ้าขณะแข็งตัวเต็มที่องคชาตมีความยาว 4 ซม. ขึ้นไปถือว่าสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติแล้ว ส่วนชายที่สั้นกว่านี้จึงจะถือว่าผิดปกติ ก็อีกนั่นแหละชาวที่ยาว 3 นิ้วครึ่ง แต่ว่าพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เป็นปกติแล้วเราจะถือว่าเป็นภาวะองคชาตสั้นหรือเปล่าเล่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเกณฑ์ในการวินิจฉัยว่าองคชาตเล็ก หรือสั้นนั้นมันยากจริง ๆ คงจะต้องเอาความรู้สึกของแต่ละคนเป็นหลัก


ใครสมควรที่จะได้รับการผ่าตัดเพิ่มขนาดขององคชาต
ในเมื่อมาตรฐานการวินิจฉัยทำได้ยาก แล้วทีนี้ใครจะเป็นคนตัดสินใจว่ารายนี้ควรจะได้รับการผ่าตัดแก้ไข รายนี้ยาวเพียงพอแล้ว โดยทั่วไปกลุ่มคนที่มีองคชาตเล็กผิดปกติมาแต่กำเนิดจะมีขนาดเล็กมาก ๆ (micropenis) เช่น องคชาตเล็กจากการขาดฮอร์โมนเพศชายมาแต่กำเนิด ซึ่งมีโรคต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะพวกที่มีความผิดปกติของโครโมโซม รวมทั้งในกลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุ และในคนไข้ที่ขาดเอ็นไซม์ 5-alpha reductase ที่ใช้ในการเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย หรือเทสโทสเตอโรน เป็นไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (5-alpha reductase deficiency syndrome) ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะไปกระตุ้นองคชาของเด็กให้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นแบบของผู้ใหญ่ และกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากเจริญเติบโต ในเด็กที่ขาดฮอร์โมนชนิดนี้ ก็จะมีองคชาตเล็กมาก ๆ บางรายถูกแจ้งเกิดเป็นเด็กผู้หญิง เพราะคิดว่าองคชาตเป็นคลิตอริส และคิดว่าถุงอัณฑะเป็นแคมนอกของเด็ก

นอกจากคนกลุ่มที่องคชาตเล็กแล้ว คนที่มีองคชาตโค้งงอยืดออกไม่ได้ (Peyronie’s disease) และคนที่ได้รับอุบัติเหตุที่องคชาตก็อาจจะเป็นอีกกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการผ่าตัดชนิดนี้ เพื่อให้กกลับมามีองคชาตที่มีขนาดใกล้เคียงกับปกติและมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สำหรับในคนที่ขนาดองคชาตดู ๆ แล้วก็เท่า ๆ กับคนปกติทั่วไป แต่มีความประสงค์ที่จะผ่าตัดให้มันใหญ่ขึ้น กลุ่มนี้ควรจะได้มีโอกาสพูดคุยกับจิตแพทย์ก่อน เพื่อประเมินว่ามีปัญหาต้องการให้ผ่าตัดแก้ไขให้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นปัญหารุ่นแรงจากต้นตอทางจิตใจ ซึ่งอาจจะต้องการการพูดคุยกับจิตแพทย์มากกว่า
มีวิธีการผ่าตัดอย่างไรบ้าง
การพยายามจะเพิ่มขนาดขององคชาตโดยการฉีดสารพาราฟิน ซึ่งปัจจุบันนี้หายากจึงเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะกอกเป็นวิธีที่นิยมทำโดยหมอเถื่อนที่มีอันตรายอย่างยิ่ง ห้ามกระทำโดยเด็ดขาด แม้ว่าจะไม่มีรายงานการเกิดมะเร็งภายหลังการฉีดสารเหล่านี้
ที่ประเทศเกาหลีมีรายงานการวิจัยโดยสำรวจชายที่ไปฉีดน้ำมันมะกอกเข้าที่องคชาตมา พบว่าชายกลุ่มนี้จำนวนเกือบจะร้อยละ 90 เกิดปัญหาขึ้น เพราะเป็นแผลเน่าเรื้อรัง ไม่ยอมหาย และในเวลาต่อมาน้ำมันมะกอกที่ฉีดก็จะไหลไปตามหัวเหน่า ปลายองคชาต ทำให้เสียรูปทรง กลายเป็นคนพิการ บางรายร่วมเพศไม่ได้มาแล้วปีแล้วเพราะองคชาตผิดรูป น้ำมันมะกอกไหลมาทางหนังหุ้มปลายจนดูเหมือนลูกตุ้ม

ทุกวันนี้มีวิธีการผ่าตัดเอเพิ่มขนาดขององคชาต (penile enhancement procedures) ที่นิยมทำกันง่าย ๆ ได้แก่ การทำผ่าตัดตบแต่งผิวหนัง (Z-plasty) ที่บริเวณผิวหนังตรงหัวเหน่า (penoscrotal junction) เป็นรูปตัว Z หรือ Z 2 ตัวติดกัน แล้วเย็บสลับให้ดูโคนองคชาตยาวขึ้น คืออาศัยการตกแต่งผิวหนังเพื่อให้ดูเหมือนว่าโคนองคชาตมันยื่นออกมามากขึ้น หรือการตัดเนื้อเยื่อที่ยึดกระดูกหัวเหน่าไว้กับองคชาต (suspensory ligament) เพื่อดึงให้องคชาตยืดออกมามากขึ้น ทำให้ดูเหมือนยาวขึ้น โดยอาจจะลงแผลเป็นรูปตัว V กลับหัว แล้วเย็บแผลเป็นรูปตัว Y เพื่อให้องคชาตดูเหมือนยืดออกมา แพทย์บางคนอาจจะเอาแท่งซิลิโคนเป็นแท่งรูปสามเหลี่ยมยัดใส่ไว้ระหว่างโคนองคชาตและกระดูกหัวเหน่าด้วยกันไม่ให้มันหดกลับเข้าไป

บางท่านนิยมเอาแผ่นไขมันบริเวณก้นทั้งสองข้างมาหุ้มล้อมรอบองคชาต หรือฉีดไขมันที่ดูดมาจากหน้าท้องเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังขององคชาต หรือตัดไขมันที่หัวเหน่าออก (suprapubic lipectomy)

อย่างไรก็ตามการผ่าตัดทุก ๆ วิธีที่กล่าวมานี้ไม่ใช่การผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดขององคชาตอย่างแท้จริง เพราะว่าขนาดขององคชาต (functional girth) ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เพิ่มจากขนาดของแกนขององคชาตที่เป็นเนื้อเยื่อประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อเรียบและเส้นเลือดฝอยเรียงตัวแบบคล้าย ๆ ฟองน้ำและจะมีการพองตัวขยายขนาดเวลาตื่นตัว (corpus cavernosum) แต่เพิ่มมาจากชั้นใต้ผิวหนังเท่านั้นเอง นอกจากนี้ไขมันที่ฉีดเข้าไปรวมทั้งแผ่นไขมันจะมีการสลายตัวไปเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยง


การเพิ่มขนาดขององคชาตจริง ๆ
ก่อนหน้านี้ขณะที่ผมศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศได้ทำการทดลองทำการผ่าตัดเพิ่มขนาดขององคชาตโ ดยการใช้เนื้อเยื่อเอสไอเอสที่ทำจากชั้นใต้เยื่อบุของลำไส้เล็กของหมู (porcine small intestinal submucosa หรือ SIS) เนื้อเยื่อชนิดนี้ไม่มีเซลล์อยู่เนื่องจากเลาะเอาชั้นเยื่อบุลำไส้ และชั้นกล้ามเนื้อออกจนหมด ดังนั้นจึงไม่เป็นสิ่งแปลกปลอมหรือเกิดการต่อต้านเมื่อนำมาใส่ในคน

นอกจากนี้ยังมีสารที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อให้เข้ามาทดแทน โดยที่ตัวเนื้อเยื่อเอสไอเอสจะค่อย ๆ สลายไปได้เอง มีรายงานการใช้เนื้อเยื่อชนิดนี้มาทดแทนอวัยวะอื่น ๆ ในคนมากมายโดยเฉพาะทางด้านศัลยกรรมระบบปัสสาวะ เช่น ใช้ทดแทนท่อปัสสาวะและท่อไตที่ฉีกขาด ใช้เย็บซ่อมแซมองคชาตที่โค้งงอจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบแกนขององคชาต (tunica albuginea)

โดยการทดลองนี้จะผ่าตัดเปิดเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบแกนขององคชาตของหนูทดลอง เลาะเปิดขยายโพรงภายใน แล้วเอาเจ้าเนื้อเยื่อเอสไอเอสนี้ยัดใส่เข้าไปหลาย ๆ ชั้น เสร็จแล้วจึงเอาเนื้อเอชนิดนี้อีกแผ่นมาปิดเสริมที่ชั้นเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบแกนขององคชาตอีกที เมื่อผ่าตัดเสร็จหนูที่ได้รับการผ่าตัดมีขนาดขององคชาตใหญ่ขึ้นชัดเจนทันที 2 เดือนต่อมาก็นำหนูที่ผ่าตัดมาดมยาสลบ วัดขนาดองคชาตอีกครั้งพบว่าองคชาตของหนูใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ปรากฏว่าเมื่อนำไปย้อมสีดูพบว่าเนื้อเยื่อที่ยัดไว้ภายในกลายเป็นแผลเป็นไปหมด คือใหญ่ขึ้นแต่ใช้การไม่ได้ดี อย่างไรก็ตามเนื้อเยื่อที่ปะไว้ด้านบนโตขึ้นมาสวยงามใกล้เคียงกับเนื้อเยื่อที่ปกติ

ต่อมาผู้เขียนจึงเกิดความคิดขึ้นว่า ถ้าเราผ่าตัดโดยเปิดชั้นเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบแกนขององคชาต เลาะเปิดขยายโพรงภายใน ลงแผลตามยาวขององคชาตเป็นรูปตัวไอ และปิดเสริมที่ชั้นเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบแกนขององคชาตด้วยเอสไอเอสนี้ เจ้าเนื้อเยื่อภายในแกนขององคชาตที่มีการพองตัวขยายขนาดเวลาตื่นตัวมันน่าจะพองยืดออกมาได้เองคล้าย ๆ ฟองน้ำ แล้วชั้นนอกที่ปิดด้วยเอสไอเอสนี้ เนื้อเยื่อปกติควรจะโตเข้ามาแทนที่ดังเช่นการทดลองครั้งก่อน ผมจึงได้ทดลองในหนูอีกเช่นกันจำนวน 10 ตัว โดย 2 เดือนหลังผ่าตัดก็ได้ทำการตรวจเนื้อเยื่อและวัดขนาดขององคชาต คราวนี้ปรากฏว่าเป็นไปดังที่คาด องคชาตหนูใหญ่ขึ้นชัดเจนและผลชิ้นเนื้อแทบจะไม่มีแผลเป็นเลย จึงมีความเป็นไปได้ที่จะนำมาผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย โดยขณะนี้กำลังวางแผนที่จะทำวิจัยในคนโดยจะทำในรายที่องคชาตขนาดค่อนข้างเล็กกว่าปกติ ท่านที่สนใจสามารถรับคำปรึกษาได้ที่คลินิกสุขภาพเพศชาย แผนกตรวจผู้ป่วยนอก ศัลยกรรม โรงพยาบาลรามา ในวันศุกร์ เวลาบ่ายโมงครับ แต่ขอให้เป็นท่านที่ประสบปัญหาจริง ๆ

อันที่จริงในคนก็มีการศึกษาที่คล้ายกันนี้ในประเทศบราซิล โดยใช้เนื้อเยื่อผิวหนังของตัวเอง เข้ามาปะเสริมเพื่อให้องคชาตมีขนาดใหญ่ขึ้น ปรากฏว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ แต่ไม่สามารถตัดบางส่วนขององคชาตมาดูให้แน่ใจว่า เนื้อเยื่อที่ปะเข้าไปตอบสนองดีดังเช่นที่ทำในสัตว์ทดลองหรือไม่ และวิธีนี้จะทำให้ต้องมีแผลอีกหนึ่งแผลตรงบริเวณที่เลาะผิวหนังออกมา สรุปคือการผ่าตัดเช่นนี้มีรายงานการทำในคนแล้ว เพียงแต่ว่าต้องลงแผลผ่าตัดอีกแผล ดังนั้นการใช้เนื้อเยื่อเอสไอเอสมาทดแทนจึงน่าจะมีความปลอดภัยสูง

คุณคงจะเห็นแล้วว่าการผ่าตัดเพิ่มขนาดขององคชาตทำได้ตั้งหลายวิธี ทั้งที่ตกแต่งให้สวยงามดูให้เหมือนใหญ่ขึ้น และทั้งแบบที่ทำให้ใหญ่ขึ้นจริง ๆ อย่างไรก็ตามการผ่าตัดแบบนี้ยังค่อนข้างมีข้อขัดแย้งกันอยู่มากว่าผิดศีลธรรมหรือไม่ แต่ที่มีประโยชน์แน่ ๆ คือในรายที่องคชาตเล็กผิดปกติจากโรคทางร่างกายมาแต่กำเนิด ส่วนชายที่อยากเสริมให้มันใหญ่กว่าธรรมชาติแพทย์ก็คงไม่สนับสนุนอยู่แล้วครับ อาจจะทำให้ในคนที่มีปัญหาทางจิตใจรุนแรงแต่อย่างไรก็ตามควรจะได้พูดคุยปรึกษากับจิตแพทย์ก่อนครับ

ผมไม่ได้มีเจตนาชักจูงให้คุณผู้ชายทั้งหลายออกมาผ่าตัดเสริมใหญ่กันนะครับ เพียงแต่นำวิธีต่าง ๆ มาเล่าให้ฟังกันเท่านั้น จะได้รู้ไว้ว่าเจ้าหนูน้อยประจำตัวของเรานะมันใหญ่เพียงพออยู่แล้วครับ อย่ากังวลกันเกินไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook