รักร่วม(สุข)เพศ (หญิงรักหญิง)

รักร่วม(สุข)เพศ (หญิงรักหญิง)

รักร่วม(สุข)เพศ (หญิงรักหญิง)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รักร่วม(สุข)เพศ (ตอนที่ 2)
นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล



เพิ่งเริ่มผ่านปีใหม่กันไปเพียงแค่เดือนเดียว หลายท่านคงยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข และสำหรับวันแห่งความรักในเดือนนี้ที่หนุ่มสาวหลายๆ คู่ให้ความสำคัญ ผมก็เคยให้แง่คิดในเรื่องการรู้จักแยกแยะ ระหว่างความรักและ sex เพื่อมิให้วันแห่งความรักกลายเป็นวันแห่งความทุกข์ตามมาในภายหลังไปบ้างแล้ว หวังว่าคุณที่ได้อ่านน่าจะยังพอจำกันได้นะครับ

ฉบับนี้ยังคงเป็นตอนต่อจากเรื่องที่นำเสนอไปเมื่อฉบับที่แล้ว ที่ว่าด้วยการมีความสุขในชีวิตของคนที่เป็นรักร่วมเพศโดยเฉพาะเกย์ เมื่อพูดถึงเรื่องของเกย์แล้วก็คงต้องพูดถึงเรื่องของกลุ่มที่เป็นทอมดี้หรือเลสเบี้ยนด้วย เพื่อมิให้น้อยใจ เดี๋ยวจะหาว่าไม่น่าสนใจและไม่ให้ความสำคัญ

ทอมดี้มีแบบไหนบ้าง

คุณอาจจะเคยเห็นสาวๆ บางคน เดินควงกับหนุ่มน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูมองละม้ายคล้ายผู้หญิง ซึ่งความจริงก็คือผู้หญิงนั่นล่ะครับ ดูผิวเผินก็เหมือนเพื่อนสนิทที่เดินจับมือ กอดกันไม่น่าเกลียดอะไร แต่บางคนรูปลักษณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างคือแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงเดินกอดกัน แต่ทว่าหญิงอีกคนดูแมนมากๆ เพราะผมสั้น ดูห้าวๆ บางคนก็เสียงใหญ่ๆ ถ้ามองข้างหลังก็คิดว่าเป็นผู้ชายได้ ความจริงเรื่องแบบนี้มีมานานไม่เฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น แต่มีอยู่ทุกวัย เหมือนกลุ่มเกย์ แต่การเปิดตัวหรือการยอมรับในสังคมยังไม่มากนัก อาจต้องแอบๆ หลบซ่อนไป

หลายคนที่เป็นแบบนี้อยากให้เรียกว่า “เลสเบี้ยน” มากกว่าคำว่า “ทอม” หรือ “ดี้” เหมือนกับที่เกย์ไม่อยากให้เรียกว่ากะเทยหรือตุ๊ด เนื่องจากบางคู่ก็ดูเป็นหญิงทั้งคู่ไม่มีใครที่ออกไปทางผู้ชายหรือผู้หญิงมากเกินไป ซึ่งสถานะแบบนี้ดูจะมีความสุขมากกว่าเพราะไม่ต้องคอยกังวลว่าใครจะมาสนใจหรือแอบนินทา แต่ว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง บทบาททางเพศก็เป็นแบบรักร่วมเพศซึ่งเป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคู่ไป

สาเหตุของการเป็นเลสเบี้ยน

มีผู้ปกครองหลายคนมาปรึกษาด้วยสีหน้าที่กลุ้มใจไม่น้อยไปกว่าการที่ ลูกชายเป็นเกย์เลย เพราะลูกสาวบางบ้านเริ่มแสดงกิริยาที่ออกจะ “แมน” มากเกิน คือมีวิถีชีวิต การพูด แนวคิดเป็นผู้ชายเสียมากกว่า ซึ่งพ่อแม่หลายคนไม่เข้าใจและบางครั้งก็ดุด่าว่ากล่าวห้ามปราม แถมบางบ้านโกรธลูกไปเลยก็มี

ความจริงแล้วสาเหตุมีอยู่หลายแบบดังต่อไปนี้

  • สาเหตุด้านปัจจัยชีวภาพ (Biological Factors)พูดง่ายๆ คือเรื่องของสมองและฮอร์โมนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง มีการพูดถึงฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่าเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มความต้องการทางเพศต่อเพศหญิง (คือความรู้สึกของเพศชายที่มีต่อเพศหญิง) และอาจจะแฝงด้วยพฤติกรรมก้าวร้าว (Aggressiveness) ซึ่งพบในเพศชายมากกว่าหญิงอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามสาเหตุนี้พบได้ไม่บ่อยในการพัฒนามาเป็นเลสเบี้ยน


  • สาเหตุด้านจิตสังคม (Psychosocial Factors)เป็นสาเหตุสำคัญในการแสดงออกถึงความเป็น “ชาย” หรือ “หญิง” พบว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เด็กประสบหลังจากคลอดออกมาแล้วมีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าฮอร์โมนหรือพันธุกรรม ตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์เสียอีก ดังนั้นการเลี้ยงดูมีผลต่อการพัฒนาจิตใจ อารมณ์ความรู้สึกของคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก


  • จากการศึกษาพบว่าเด็กที่มีพัฒนาการด้านนี้เกิดจากพื้นฐานอารมณ์แรกเกิดของตัวเด็กเอง (Temperament) ร่วมกับคุณภาพและทัศนคติในการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีของฟรอยด์ซึ่งให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งทางด้านจิตใจ ในช่วงพัฒนาการในวัยเด็ก ที่เรียกว่า ปมออดิปุส (Oedipal complex) อันประกอบด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวจริงๆ ร่วมกับแฟนตาซีของเด็กเองด้วย มีผลต่อความรู้สึกรักพ่อแม่ที่เป็นเพศเดียวกับตนเองหรือเพศตรงข้าม นำมาสู่การพัฒนาในตอนโตว่าจะชอบเพศเดียวกันหรือชอบเพื่อนต่างเพศ

    นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบอีกว่าในช่วงขวบปีแรกจนถึงอายุ 2-3 ขวบ คุณภาพของความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกก็มีส่วนในการพัฒนาเรื่องนี้ด้วย เช่น ลูกสาวที่มีสัมพันธภาพกับแม่ไม่ดี มีแม่ที่ก้าวร้าวมากๆ ก็อาจจะไม่สามารถเลียนแบบแม่เพราะรู้สึกเกลียดแม่ จึงหันไปเลียนแบบพฤติกรรมแบบผู้ชายของพ่อแทน หรือในบางบ้านที่พ่อก้าวร้าวมากๆ ลูกสาวสงสารแม่ พยายามปกป้องแม่ จนเกลียดอะไรทุกอย่างที่เป็นผู้ชาย แต่ในขณะเดียวกันก็วางตัวเป็นผู้ชายเพื่อให้ดูว่าตนเองสามารถเข้มแข็งปกป้องแม่ได้ หรือต้องการการยอมรับไม่แพ้เพศชายในบางสังคม เช่น สังคมที่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว เป็นต้น สาเหตุแต่ละครอบครัวอาจแตกต่างกันออกไป และบางครอบครัวก็มีความซับซ้อนไม่น้อย

    ส่วนสาเหตุที่คาดเดาว่าเป็นตามกระแสนิยมนั้น ยังไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร เพราะถ้าไม่มีใจชอบอยู่ลึกๆ หรือเป็นจริงก็คงเป็นแบบนี้ได้ไม่นาน ถึงจุดหนึ่งด้วยธรรมชาติของผู้หญิงคงไม่มีใครสามารถห้ามความรู้สึกหรือจิตใจได้หรอกครับ ผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงวันยังค่ำ เหมือนกับคนที่เป็นรักร่วมเพศก็คงเป็นอย่างนั้น ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนได้อย่างแท้จริง ถึงแม้จะทำเพื่อสร้างภาพหลอกคนอื่น แต่ในที่สุดความอดทนก็ย่อมมีขอบเขตจำกัดอยู่ดีอง


    พฤติกรรมทางเพศและอารมณ์ของเลสเบี้ยน

    เมื่อได้ทราบที่มาที่ไปว่ามีสาเหตุมาจากหลายๆ ส่วนแล้วนั้น คงทำให้เราเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนที่เป็นเลสเบี้ยนมากขึ้น ซึ่งอารมณ์ทางเพศนั้นคงถูกกำหนดมาด้วยทั้งสองปัจจัยดังกล่าว คือ ทั้งทางชีวภาพและทางด้านจิตใจหรือการเลี้ยงดูโดยเฉพาะในกลุ่มทอม แต่กลุ่มที่เป็นดี้ค่อนข้างซับซ้อนกว่า เพราะมีทั้งดี้จริงและไม่จริง คือ เป็นผู้หญิงที่ความจริงก็ชอบผู้ชาย และอยากมีsex กับผู้ชายมากกว่า แต่กลับไปชอบทอมเพราะทอมเอาใจเก่งกว่า บางรายนอกจากไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่จากผู้ชายแล้ว ยังต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ต่างๆ รวมทั้งเสียเงินเสียทองให้มากมาย แต่ในที่สุดเมื่อเจอผู้ชายที่เอาใจใส่หรือถูกใจกว่าทอมก็พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองกลับมามีแฟนเป็นชายต่อไป ในขณะที่ดี้หรือผู้หญิงหลายๆ คน เปรียบเทียบว่าทอมนั้นเอาอกเอาใจสารพัด แม้กระทั่งเรื่องบนเตียงที่ผู้ชายหลายคนยังทำให้ได้ไม่ดีเท่า

    ส่วนกลุ่มที่เป็นดี้จริงๆ นั้นอาจจะเคยหรือไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน แต่ไม่ประทับใจในความรักหรือความรู้สึกกับเพศตรงข้าม จึงเลือกใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิง(ทอม)อุ่นใจกว่า ประเภทนี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางจิตใจเป็นสาเหตุดังกล่าวแล้ว แต่ก็มีบางรายยังสับสนในบทบาทของตนเองว่าชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิงกันแน่ บางครั้งทอมบางคนก็แต่งงานมีสามี บางคนแต่งงานจนมีลูกแล้วต่อมาก็เลิกกับสามีแล้วมาอาศัยอยู่กับดี้ รวมๆ แล้วส่วนใหญ่ล้วนสร้างปัญหาตามมาให้กับลูกและตัวเอง ด้วยสาเหตุหลักก็คือปัญหาทางด้านบุคลิกภาพหรือ แนวคิดที่สับสนในบทบาทต่างๆ ของครอบครัว เด็กที่เกิดมาก็พลอยสับสนตามไปด้วย

    ในด้านอารมณ์นั้น นอกจากอารมณ์รักใคร่แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงในกลุ่มเลสเบี้ยนคืออารมณ์เวลาที่โกรธหรือไม่พอใจ และนำมาซึ่งการชิงรักหักสวาทกัน เป็นคำถามที่ผมมักถูกสื่อถามเป็นประจำว่า จริงหรือไม่ที่ทอมอารมณ์ร้อน คำตอบก็คือจริง แต่ไม่ใช่ทุกราย และก็ไม่ต่างกับชายจริงหญิงแท้หรอกครับ เพราะเวลาที่มีข่าวเกิดขึ้น สื่อมักจะหยิบจุดที่เป็นที่น่าสนใจมาพูดถึง โดยลืมเปรียบเทียบความถี่ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งพบว่ากลุ่มชายจริงหญิงแท้มีการรบราฆ่าฟันมากกว่าเสียอีก อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยและไม่ควรมองข้าม สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นเลสเบี้ยนโดยเฉพาะที่เป็นทอม เพราะเขามีลักษณะแสดงออกมาทางเพศชายมาก ความเสี่ยงในการแสดงออกทางด้านอารมณ์มีมาก ยิ่งเป็นวัยรุ่นอารมณ์ร้อนแล้วด้วย บวกกับการไม่ยอมรับหรือเข้าใจจากครอบครัว อาจทำให้ขาดการควบคุมอารมณ์ตัวเอง จนก่อให้เกิดคดีสะเทือนขวัญหรือนำมาซึ่งความสูญเสียมากมาย อย่างที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์


    คำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเป็นเลสเบี้ยน

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจกำลังกังวลและห่วงใยจนเป็นทุกข์ สำหรับครอบครัวที่ลูกเป็นดี้อาจจะดูไม่ค่อยออกเพราะพฤติกรรมที่แสดงออกก็ยังดูเป็นเด็กผู้หญิงอยู่ ในขณะที่ครอบครัวที่มีลูกเป็นทอมนั้นอาจกังวลหนักขึ้นเพราะดูท่าทีลูกสาวไม่เปลี่ยนกลับมาเป็นผู้หญิงจริงๆ เสียที นับวันยิ่งเป็นเหมือนผู้ชายมากขึ้น ด้วยความไม่เข้าใจและไม่ยอมรับพฤติกรรมเหล่านี้จึงทำให้หลายครอบครัวทุกข์ใจเป็นอย่างมากและหาทางออกไม่ได้ บางคนรู้สึกอับอายกลัวคนอื่นจะครหาจนไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว

    ดังนั้นคำแนะนำคือ

  • ตั้งสติดีๆ อย่าเพิ่งตกใจหรือตีตนไปก่อนไข้

  • อย่าแสดงท่าทีหรือสีหน้ารังเกียจลูกหลานของคุณ เพราะการแสดงให้เห็นว่าเราไม่ยอมรับในตัวเขา จะยิ่งทำให้เด็กเตลิดไปกันใหญ่ และอาจจะไปเข้ากลุ่มเพื่อนที่ไม่ดี ยิ่งทำให้เกิดผลเสียมากขึ้น

  • ลองสังเกตพฤติกรรมของลูก และให้เวลาพอสมควร ลองทดสอบดูบ้าง เช่น ลองชมเวลาที่เขาแต่งตัวออกไปทางผู้หญิง และดูปฏิกิริยาว่าชอบหรือไม่ชอบ ถ้าชอบก็ชมบ่อยๆ ถ้าไม่ชอบก็เฉยๆ อย่าพยายามฝืนใจหรือบังคับ

  • คอยตักเตือนหรือควบคุมพฤติกรรมอื่นๆ ที่ไม่เหมาะสม เช่น พฤติกรรมก้าวร้าว ใจร้อน ไม่ใส่ใจในการเรียน และการคบเพื่อนที่นิสัยไม่ดี ซึ่งถ้าปล่อยไว้จะเป็นผลเสียระยะยาวต่อไป

  • พึงระลึกเสมอว่า การเป็นเลสเบี้ยนนั้นมิใช่อันตรายของชีวิตหรืออนาคตของเด็กเสมอไป ถ้าเราสามารถควบคุมให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และมีสาเหตุจากหลายๆ อย่างที่ผ่านไปแล้ว อาจจะไม่สามารถแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้ แต่สามารถประคับประคองสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตได้

  • คิดเสียว่าอย่างไรเขาก็เป็นลูกของเรา และการเป็นรักร่วมเพศนั้นไม่ใช่เป็นการตัดขาดจากความเป็นสายเลือดเดียวกัน และไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นคนไม่ดี

  • เอาเวลาที่มัวเสียใจมาตั้งความหวังเพื่อทำให้ลูกเป็นคนดีมากกว่าการตั้งความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงรสนิยมทางเพศของลูกให้กลับมาเป็นตามที่ตนเองต้องการ (ซึ่งเสียเวลาเปล่า)


  • คำแนะนำสำหรับลูกที่เป็นเลสเบี้ยน

    การเป็นรักร่วมเพศของคุณนั้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวและคิดว่าไม่เดือดร้อนใครก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ปกครองนั้นยังไม่สามารถที่จะวางใจหรือปล่อยวางกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด เรื่องของพฤติกรรมที่ควรจะมาร่วมกันปรับปรุงหรือแก้ไขเพื่อให้ผู้ปกครองและตัวเราเองนั้นมีความสุขทั้งสองฝ่ายน่าจะเป็นสิ่งที่ควรทำ

  • ไม่ควรแสดงกิริยาท่าทางในเรื่องเพศออกนอกหน้า เกินงาม เช่น ในวัยที่ยังเป็นวัยเรียนอยู่ แม้ว่าจะบอกว่าเป็นเรื่องของผู้หญิงด้วยกัน แต่สมัยนี้เขาก็ดูกันออก เพราะจะมีคนคอยหมั่นไส้อยู่ อย่างน้อยก็รักษาหน้าคุณพ่อคุณแม่บ้าง

  • อย่างที่รู้กัน กลุ่มที่เป็นรักร่วมเพศบางคนก็มีปัญหาทางด้านอารมณ์ค่อนข้างมาก ดังนั้นการเลือกคบคนที่จะมาเป็นคู่ก็น่าจะเลือกคนที่คบแล้วตนเองและครอบครัวไม่เดือดร้อนด้วย

  • พยายามทำความเข้าใจผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่บ้างว่าสิ่งที่ท่านทำเพราะความเป็นห่วง อย่าตีความว่าท่านวุ่นวายกับชีวิต เพราะว่าถ้าท่านไม่รักไม่ห่วงใยก็คงไม่เข้ามาใส่ใจกับตัวเรามากมายนัก การมองโลกในแง่ที่ดีนั้นจะช่วยให้คุณเข้าใจความห่วงใยของอีกฝ่ายและหันกลับมามองตนเองว่าหน้าที่ในขณะนี้คือการต้องทำอะไร มากกว่าการหมกมุ่นอยู่กับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มากจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้เสียอนาคตได้

  • อย่าลืมพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าแม้เราจะเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ แต่เราก็สามารถทำตัวให้มีคุณค่า และสามารถเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และเป็นคนดีของสังคมได้ โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาตราหน้าหรือดูถูกว่าเราไม่มีอะไรมากกว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ และการใช้อารมณ์ไปวันๆ


  • เรื่องราวของทอมดี้ หรือเลสเบี้ยนที่ผมหยิบมาพูดถึงนี้คงจะให้ข้อคิดดีๆ บ้างสำหรับหลายคนที่ยังกังวลกับความรู้สึกและพฤติกรรมของตนเอง รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นเพศไหน เพศที่สาม เพศที่สี่ หรือที่เท่าไรก็ตาม คุณก็สามารถเป็นคนรักร่วมเพศที่มีความสุขได้เช่นเดียวกัน ถ้ารู้จักวางตัวให้เหมาะสมและมีสติพึงระลึกถึงหน้าที่ของตนเองอยู่เสมอ เมื่อนั้นคุณก็สามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมทั่วไปโดยไม่แปลกแยกนะครับ





    + สนุก! ถอดรหัสร้อน ถอดรหัสรัก แบบทดสอบ ตัวคุณ โทร. 1900 888 090

    เซ็กส์ของคุณเป็นแบบไหน? คุณหรือเขาเป็นเกย์หรือเปล่า?..และแบบทดสอบความรัก เซ็กส์อีกมากมาย



    + สนุก! สายสุขภาพทางเพศ โทร. 1900 888 185
    Hotline นกเขาไม่ขัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เรื่องจุดสุดยอด Gay Homosexual และสารพันปัญหาอื่นๆ
    แชร์เรื่องนี้
    แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook