บทนี้.. เหมือนต้องคำสาป!!?

ความจริงของวงการบันเทิงข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนในโลก ย่อมมีตั้งอยู่ และดับไป กันทั้งนั้น.. แต่ความจริงอีกข้อหนึ่งที่อาจจะไม่ใช่ทุกคนในวงการบันเทิงต้องเป็น ก็คือ การมีชื่อเสียงจากผลงานใดผลงานหนึ่งเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นจะไปทำมาหากินกับสิ่งใด ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ดังเท่าครั้งเดียวครั้งนั้นอีกแล้ว

คราวนี้ Movie News จะขอนำเสนอสกู๊ปพิเศษที่จะทำให้คุณรู้ว่า ความดังของพวกเขา มันมีอยู่จริง แต่เป็นประเภทดังกับบทๆเดียว แล้วหลังจากนั้นชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...!! ดั่งห้วข้อได้เกริ่นไว้ว่า บทนี้.. เหมือนต้องคำสาป!!?

“Harry Potter” by “Daniel Radcliffe”

นับตั้งแต่เข้าวงการอายุ 9 ขวบ กับการรับบทเล็กๆ ออกจอแค่ไม่กี่นาที ใช้เวลาเพียงอีกสองปีต่อมา เขาคนนี้ก็ได้กลายเป็นดาราเด็กที่โชคดีที่สุดในโลก เพราะได้สวมบทตัวเอกจากนวนิยายที่ขายดีที่สุดแห่งปลายยุค 90 ต่อเนื่องมาถึง 2000.. การได้เป็น “แฮร์รี่ พอตเตอร์” อาจจะถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ หนุ่มแดเนียล เคยได้รับ แต่เจ้าตัวคงไม่ปลื้มใจนัก หากจะเห็นว่ามันอาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิต

แม้จะกลายเป็นพระเอกหนุ่มที่ข้องเกี่ยวกับการมีหนังทำเงินที่สิริรวมแล้วทำรายได้ทั่วโลกไปเกือบจะแตะหมื่นล้านเหรียญ ซึ่งไม่ง่ายเลยจะมีใครเทียบขั้นได้ในเร้ววัน.. แต่ในโชคดี อาจจะมีโชคร้าย เพราะหลังจากที่ แดเนียล หมดซึ่งอายุขัยจากภาระหน้าที่ในการเป็นพ่อมดน้อยลงแล้ว ความพยายามที่จะยังคงยืนหยัดอยู่ในวงการบันเทิงต่อไป ก็กลายเป็นเรื่องที่ยากเย็นเข็ญใจนัก

เจ้าตัวพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะฉีกตัวเองออกจากภาพลักษณ์ของพ่อมดน้อย ทั้งไม่ว่าจะไปเล่นละครเวทีเป็นชายหนุ่มที่มีเพศสัมพันธ์กับม้า(ที่เป็นสัตว์) ใน “Equus” การรับบทดรามาเต็มตัวใน “December Boys” หรือเป็นพระเอกหน้าตาตื่นในหนังสยองขวัญ “The Woman in Black” ล้วนแต่ได้รับการตอบรับที่ไม่สวยงามตามต้องการ ยังไม่เคยมีบทไหนจะมาแทนที่ พ่อมดน้อย ที่ฝังอยู่ในใจของคนดูได้เลย.. ล่าสุดในปีนี้ ความพยายามครั้งใหม่ คือ การรับบทนักประพันธ์นิยายชายรักชาย ในหนังดรามา “Kill Your Darlings” และเป็นเด็กหนุ่มที่มีเขาหงอกจากหัว ในหนังสยองขวัญ “Horns” จะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ คนที่ตอบได้ คือ แดเนียลเอง ที่จะสร้างความโดดเด่นพอจะให้เราลืมการเป็นพ่อมดน้อย(อย่างน้อยๆก็ชั่วคราว)ได้หรือเปล่า?

“James Bond” by “Roger Moore”

แม้สายลับเจ้าเสน่ห์ “บอนด์… เจมส์ บอนด์” จะมีการเปลี่ยนไม้มาแล้วหลายครั้งหลายคน นับรวม(แบบจริงจัง)ก็ 6 คน แต่ถ้าจะหาว่ามีใครคนใดคนหนึ่งที่ เขาคือ เจมส์ บอนด์ และไม่เคยเปลี่ยนเป็นอื่นได้อีกเลย เขาคนนั้น ก็คงจะมีแต่ “โรเจอร์ มัวร์” ผู้เดียวคนนี้

ด้วยประการที่หนึ่ง เขาคือ เจมส์ บอนด์ ที่มีบทบาทในหนังแฟรนไชส์ชุดนี้อย่างยาวนานที่สุด รวม 7 ครั้ง ในระยะเวลา 12 ปี โดยไม่เคยถูกผู้สร้างเปลี่ยนเป็นคนอื่นเลย.. และประการที่สอง เขาคือ ภาพแทนของ เจมส์ บอนด์ ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งหน้าค่าตา วัยวุฒิ คุณวุฒิ มาดเท่ห์ มีเสน่ห์ และลีลาเฮฮา ซึ่งถือเป็นแบบฟอร์มที่ทำให้สายลับ 007 เป็นสายลับในอุดมคติที่อยากให้มีในโลกนี้ไปเลย

แต่เมื่อวัยของ มัวร์ ดูจะมากเกินไปที่จะพะบู๊กับผู้ร้ายได้โดยไม่เหนื่อยง่าย (รับบทครั้งสุดท้ายใน “A View to a Kill” ก็อายุอานามปาเข้าไป 58 ขวบแล้ว) ก็ถึงเวลาเกษียร และพอพ้นจากบทนี้ไป ด้วยวัยที่ไม่น้อยนี่แหละ จึงทำให้โอกาสจะรับบทในหนังอื่นๆได้อย่างหลากหลายมันน้อยลงไปด้วย.. กลายเป็นว่าต้องไปรับบทเป็นตัวประกอบ ที่อาจไม่สลักสำคัญในหนังมากเท่าไร หรือถึงจะสำคัญอยู่บ้าง ก็กลายเป็นบทที่ไม่น่าจดจำ หรืออยู่ในหนังที่ออกจะแป้กด้วยซ้ำ.. ชีวิตนี้ของ มัวร์ จึงเป็นได้แค่วนเวียนอยู่กับอดีตอันรุ่งโรจน์ ยามที่เขาเป็นสายลับ 007 เจ้าเสน่ห์ ที่ผู้คนยังคงจดจำ และทุกวันนี้ก็มักจะเห็นเขาในอีเวนท์ที่เกี่ยวข้องกับ เจมส์ บอนด์ ซะเป็นส่วนใหญ่

“Ash” in “Evil Dead” by “Bruce Campbell”

ชื่อของ “บรูซ แคมป์เบลล์” อาจจะไม่ใช่ชื่อที่ขายดี เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคอหนังน้อยคนจะคุ้นเคย.. แต่ถ้าเอ่ยนามของ “แอซ” พระเอกตายยากจากหนังสยองหลอนฮาฮีๆ ตระกูล The Evil Dead คงจะร้องอ๋อเพิ่มขึ้นมาทันที

บรูซ เข้าวงการนี้มาได้จากการเล่นหนังสั้นให้กับผู้กำกับมือใหม่หัดขับ “Sam Raimi” ที่เป็นมิตรสนิทของเขา แล้วด้วยความที่กอดคอกันเพื่อจะสร้างชื่อให้มีคนรู้จัก จนสามารถหาทุนมาสร้างหนังอย่าง The Evil Dead ได้ ก็ไม่แปลกที่แซมจะผลักดันเพื่อนตัวเองให้ออกกล้องในฐานะบทตัวเอก และด้วยความสำเร็จแบบฮิตเงียบๆ The Evil Dead ในปี 1981 ก็กลายเป็นจุดแจ้งเกิดนักแสดงวัย 23 ปี ให้กลายเป็นดาราหนังจอเงินเต็มตัว.. แต่ถึงจะมีผลงานเข้ามาเรื่อยๆ ก็ไม่เคยมีเรื่องไหนที่สร้างชื่อให้เขาได้ดีไปกว่า หรือเทียบเคียงกับการเป็น Ash ในแฟรนไชส์ Evil Dead ที่มีตามออกมาอีก สองเรื่อง ..หรือที่จะคุ้นหน้าค่าตากันกว่านี้อีกนิดก็คือ การรับเล่นหนังของเพื่อนแซม แบบว่ารับเชิญ หรือบทเล็กๆ (Cameo) จนกระพริบตาที อาจจะมองไม่ทัน เช่นใน Spider-Man ทุกภาค, Oz the Great and Powerful.. สงสัย บรูซ จะถูกสาปให้มาเป็นคู่บุญคู่กรรมกับ แซม ไรมี่ ซะจริงๆละมั้ง?

“Dana Scully” in “The X Files” by “Gillian Anderson”

ถ้าจะยกตัวอย่าง เพศแม่ ขึ้นมาสักคนที่ดังถูกคำสาปเอาไว้ ไม่ให้เป็นใครอื่นได้อีกในชีวิตนี้ ในหัวก็แวบเข้ามาเลย ว่าต้องเป็น “ดาน่า สกัลลี่” สตรีหมายเลขหนึ่งที่ แฟนๆแฟ้มลับคดีพิศวง ให้ความรักและเคารพผู้นี้

ในปี 1993 ชื่อของ “จิลเลี่ยน แอนเดอร์สัน” ไม่มีใครรู้จัก แต่การประกบคู่ที่เคมีเข้าขากันได้อย่างดีเยี่ยมกับ “David Duchovny” (ที่กำลังเป็นดาราดาวรุ่งที่น่าจับตามอง)ใน ซีรี่ส์ลึกลับระทึกขวัญ The X Files ก็ทำให้ Fox Mulder และ Dana กลายเป็นคู่หู FBI ที่เข้าขา และพาให้จิ้นไปถึงขั้นจับโยงคนคู่นี้ให้เป็นคู่รักกัน ทั้งในจอและในชีวิตจริง.. ด้วยระยะเวลาการออกฉายที่ยาวนานกว่า 10 ปี เป็นจำนวน 10 Seasons ทำให้คู่นี้กลายเป็นที่ต้องการตัวของฮอลลีวู้ด แต่ในขณะเดียวกัน คนดูออกจะฟินกับการเห็นพวกเขาเข้าคู่กันมากกว่า จึงทำให้ผลงานที่แยกคนละทางในช่วงนั้นออกมาไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก

ถึงปี 2002 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มาถึงจุดจบของ The X Files ย่อมเป็นความเสียดายอย่างถึงที่สุดสำหรับแฟนๆที่จะไม่ได้เห็น ฟอกซ์-ดาน่า อีกแล้ว.. แต่เส้นทางชีวิตในวงการแสดงของ เดวิด-จิลเลี่ยน ก็ใช่ว่าจะจบลงตรงจุดนั้น หากมันจะแตกต่างตรงที่ เดวิด ยังมีบทอื่นๆหลากแนวมาท้าทายเขาอยู่เรื่อยๆ ตลกก็มี ดรามาก็มา แถมเคยเป็นผู้กำกับหนังซะด้วย! เป็นชื่อที่ไม่ถูกลืม.. แต่ จิลเลี่ยน วนเวียนอยู่ในวงการด้วยฐานะตัวประกอบเล็กๆ ซะมากกว่า จนสุดท้ายเธอจะกลับมาขอมีบทเด่นอีกสักที ก็จำเป็นต้องกลับมารวมตัวกับ เดวิด ใน The X Files ฉบับหนังโรง ภาคที่สอง ชื่อตอน “I Want to Believe” เมื่อปี 2008 ซึ่งคนดูก็ดันให้การตอบรับน้อยจนกลายเป็นหนังแป้กได้ซะนี่!!.. ทุกวันนี้ ถ้าจะให้เห็นจิลเลี่ยน บ่อยหน่อยก็คงเป็นในแวดวงทีวี แต่ก็ยังไม่มีบทไหนจะหาญกล้าโชว์เด่นมาเคียงข้าง แม่นางดาน่า เป็นไปได้!!

“Superman” by “Christopher Reeve” & “Brandon Routh”

คาแรกเตอร์ที่อาจจะเป็นคำสาปที่อมตะไปแล้ว คงไม่พ้นซูเปอร์ฮีโร่จาก DC Comics “Superman” ที่ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน ย่อมต้องเกิดเรื่องร้ายๆกับคนที่แสดงเป็น ซูเปอร์แมน มาโดยตลอด

คนแรก อาจถือเป็น ร่างอมตะของ ซูเปอร์แมน ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย คนก็ยังจดจำได้เสมอว่าเขาคือใคร.. แต่คำสาปในกรณีของ คริสโตเฟอร์ รีฟส์ ไม่ใช่แค่ในแง่เล่นหนังเรื่องอื่นๆแล้วจะไม่รุ่งเท่า แต่มันอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ชีวิตเขาต้องประสบพบปัญหาทางกาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุตกจากหลังม้า แล้วทำให้ตัวเขาต้องเป็นอัมพาตทั้งลำตัว โดยนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต ไม่พอเท่านั้นยังมีผลในอีก 9 ปีต่อมา ซึ่งการที่นั่งรถเข็นไปกดทับแผล และลามจนกลายเป็นเชื้อ แล่นเข้าสู่หัวใจ โดยจากโลกไปในวัย 52 ปีด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน.. แม้ตัวจะจากแต่ชื่อเขาถือว่าอยู่ในความทรงจำของทุกๆคนที่รู้จัก ซูเปอร์แมน ซึ่งเป็นบทบาทหนึ่งเดียวที่โลกจะนึกถึงเขาตลอดไป

คนที่สอง รองจากล่าสุด คือ หนุ่มที่ฝากตัวอยู่ในวงการทีวีมาได้ระยะหนึ่ง ก็ได้รับโอกาสสำคัญกับการเป็น ซูเปอร์แมน ในเวอร์ชั่นของผู้กำกับ “Bryan Singer” เป็นหนังที่ออกฉายในปี 2006 โดยบ่งบอกถึงการกลับมาว่า “Superman Returns”.. แต่งานนี้ดูท่าจะเป็นโชคร้ายของหนุ่มแบรนดอน ซึ่งอาจจะเป็นที่รู้จักในฐานะซูเปอร์แมนอีกคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์ก็จริง แต่ตัวหนังก็ดูจะกลายเป็นความน่าผิดหวังทั้งในแง่เสียงชื่นชมและเงินรายได้ กลายเป็นการจอดไม่ต้องแจว อดโชว์แววต่อในภาคสองอย่างไม่ต้องสืบ.. หนำซ้ำเมื่อไม่ได้ไปต่อในบทซูเปอร์ฮีโร่ที๋โลกรัก เจ้าตัวจะหันไปเล่นบทเอกอื่นๆ ก็ไม่ได้รับการต้อนรับในแง่ดีจากคอหนังด้วยอีก กลายเป็นว่าวันนี้ เราอาจจะได้เห็นหนุ่มแบรนดอนอยู่บ้าง แต่นั่นก็มักเป็นบทตัวประกอบ ตัวรองๆ ที่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของหนังซะเท่าไหร่!

พูดถึง ซูเปอร์แมน.. ตอนนี้ ก็คงจะต้องเล็งเป้า(ที่ไม่ใช่จุดที่ดูตุงๆอันนั้น)ไปยังนักแสดงที่หาญกล้าจะมาท้าทายคำสาปอมตะนี้อีกสักครั้ง อย่าง “Henry Cavill” ซึ่งแววจะโด่งดัง ก็อาจจะมีอยู่แน่ๆ แต่ถ้าหนุ่มคนนี้ ไม่เป็นซูเปอร์แมนแล้ว เขาจะเล่นหนังเรื่องอื่นๆ แล้วทำให้คนดูเชื่อว่าเขาไม่ใช่ซูเปอร์แมน(ในเวลานั้น)ได้หรือไม่? นี่คงเป็นคำตอบที่ต้องให้ เจ้าตัว พิสูจน์ตัวเองดูสักตั้ง.. ว่าคำสาปนี้ จะถูกถอนในรุ่นเขา ได้สำเร็จหรือไม่?

Like Me @ http://www.facebook.com/Onc3.UPoN.a.MaN
And Follow Me @ http://twitter.com/once_upon_a_man
OncE UPoN’-‘a MaN