เพราะอะไร คนญี่ปุ่นกว่า 40% ถึงกลัวการสนทนาผ่านโทรศัพท์?

เพราะอะไร คนญี่ปุ่นกว่า 40% ถึงกลัวการสนทนาผ่านโทรศัพท์?

เพราะอะไร คนญี่ปุ่นกว่า 40% ถึงกลัวการสนทนาผ่านโทรศัพท์?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในยุคที่ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง แต่เพื่อนๆ รู้สึกกันหรือเปล่าคะ ว่าเรากลับใช้โทรศัพท์เพื่อพูดคุยสนทนาผ่านเสียงกันน้อยลงทุกวัน จากการสำรวจของบริษัทประกันภัยในประเทศญี่ปุ่นทำให้ทราบว่า ชาวญี่ปุ่นกว่า 40% กลัวการคุยโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ โดยการสำรวจดังกล่าวเปิดเผยว่า กว่าครึ่งของกลุ่มเป้าหมายการสำรวจ รู้สึกตระหนก และเป็นกังวลที่จะต้องโทรหรือรับโทรศัพท์ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็น “อาการกลัวโทรศัพท์” เลยทีเดียว เราไปดูผลการวิเคราะห์กันดีกว่า ว่าทำไมชาวญี่ปุ่นจึงรู้สึกกลัวการคุยโทรศัพท์กันแบบนี้นะ?

จากการวิเคราะห์ผลการสำรวจดังกล่าว ซึ่งเป็นการสำรวจในกลุ่มคนหนุ่มสาวจำนวน 300 คน ช่วงอายุระหว่าง 20-60 ปี โดยเนื้อหาหลักของการสำรวจคือ การสอบถามเกี่ยวกับความรู้สึกเป็นกังวลในตอนโทรออกหรือรับโทรศัพท์ เช่น รู้สึกตระหนกหรือเป็นกังวลหรือไม่ หากโทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์ที่ที่ทำงานดังขึ้น, เวลาจะจองร้านอาหาร จะเลือกใช้วิธีจองผ่านอินเตอร์เน็ตหรือโทรจอง เป็นต้น ซึ่งจากการสำรวจพบว่า 40.3% จากผู้ตอบคำถาม 300 คน เข้าข่าย “อาการกลัวโทรศัพท์”

จากการสำรวจทำให้ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีอาการกลัวโทรศัพท์จะมีแนวโน้มรู้สึกเป็นกังวลกับการใช้โทรศัพท์บ้านเป็นพิเศษ นอกจากนี้ผลสำรวจยังเปิดเผยว่า คนส่วนใหญ่มักเลือกทำการจองร้านอาหารผ่านอินเตอร์เน็ตมากกว่าโทรจอง โดยให้เหตุผลว่า ถ้าหากโทรจองไปจองแล้วทางปลายสายพูดจาไม่ดีละก็ จะพาลรู้สึกไม่ดีไปเสียเปล่าๆ ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ทำให้เกิดแนวโน้มในการไม่กล้าใช้โทรศัพท์ในกลุ่มเป้าหมายการสำรวจนั่นเอง

แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่ทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน ก็ต้องขอบอกว่าการโทรศัพท์ยังเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ชาวญี่ปุ่นเลือกใช้สำหรับการสนทนาเรื่องงานอยู่นะคะ เพราะการคุยกันผ่านโทรศัพท์ยังเป็นการสื่อสารตอบโต้ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และแสดงถึงความใส่ใจได้มากกว่านั่นเองละค่ะ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนต้องติดต่อสื่อสารกับคนญี่ปุ่นแล้วละก็ ลองพิจารณากันดูให้ดีแล้วกันนะคะ ว่าสถานการณ์ไหนควรติดต่อผ่านโทรศัพท์ หรือจะสบายใจกว่าหากติดต่อกันผ่านอีเมล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook