วิธีต้มผักที่ถูกวิธีเพื่อคงทั้งความอร่อยและคุณค่าสารอาหารของผักตามคำแนะนำของคนญี่ปุ่น

วิธีต้มผักที่ถูกวิธีเพื่อคงทั้งความอร่อยและคุณค่าสารอาหารของผักตามคำแนะนำของคนญี่ปุ่น

วิธีต้มผักที่ถูกวิธีเพื่อคงทั้งความอร่อยและคุณค่าสารอาหารของผักตามคำแนะนำของคนญี่ปุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อต้องการเตรียมผักในปริมาณมากเพื่อสมาชิกในครอบครัว หนึ่งในวิธีการเตรียมที่ง่ายที่สุดคือการนำผักมาต้มและรับประทานเป็นสลัดหรือจิ้มน้ำพริก คนญี่ปุ่นมีวิธีต้มผักทั้งผักใบและหัวโดยอาศัยลักษณะเฉพาะของผักเหล่านั้น มาดูวิธีการต้มผักเพื่อให้อร่อย ดูสวยงาม และคงคุณค่าสารอาหารไว้ตามที่คนญี่ปุ่นแนะนำกันนะคะ

วิธีการต้มผักเพื่อคงความอร่อย ความสวยงาม และคุณค่าสารอาหารไว้

การต้มผักโดยเติมเกลือสำหรับใบเขียว


การเติมเกลือเล็กน้อยลงไปในน้ำที่เดือดและเติมผักเขียวเช่น ผักปวยเล้ง ผักกาดกวางตุ้ง และบร็อคโคลี่ เป็นต้น ลงไปต้ม จะทำให้ได้ผักต้มที่มีสีเขียวสวย เนื่องจากเกลือจะทำให้โครงสร้างของคลอโรฟิลล์เสถียร ทำให้ผักที่ต้มมีสีเขียวสวยงาม หลังจากต้มในน้ำเดือดเป็นเวลา 2-3 นาที ให้นำผักใบ เช่น ปวยเล้งและผักกาดกวางตุ้งล้างในน้ำเย็น ส่วนบร็อคโคลี่หากปล่อยให้เย็นเองจะมีความอร่อยมากกว่านำไปล้างน้ำเย็น

การต้มผักโดยการเติมน้ำส้มสายชู


การต้มผักประเภทหัว เช่น รากบัวและรากโกะโบ (Burdock) ให้มีสีสวยตามธรรมชาตินั้นทำได้โดยการเติมน้ำส้มสายชูเล็กน้อยลงไปในน้ำที่เดือด น้ำส้มสายชูจะฟอกให้รากบัวและรากโกะโบมีสีนวลสวยและมีความกรอบอร่อย


การต้มผักกับน้ำซาวข้าว


การต้มเผือกในน้ำซาวข้าวจะช่วยลดเมือกออกจากหัวเผือกได้ดี ส่วนการต้มหัวไชเท้าในน้ำซาวข้าวจะช่วยลดรสขมของหัวไชเท้าได้ดี นอกจากนี้การต้มหน่อไม้โดยเติมรำข้าวลงไปจะช่วยขจัดรสเฝื่อนของหน่อไม้และทำให้หน่อไม้มีรสหวานอร่อย


การต้มผักในน้ำผสมแป้งสาลี


การต้มกะหล่ำดอกที่หั่นพอคำในน้ำผสมแป้งสาลี (ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ) จะทำให้ได้กะหล่ำดอกสีขาวสวยและขจัดรสขมของกะหล่ำดอกได้ดี


การต้มผักในเบกกิ้งโซดา


เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติในการทำให้ผักนิ่มและมีสีสวย เช่น หากใช้ต้มผักใบเขียวจะช่วยคงสีเขียวสวยของผักไว้ หากใช้ต้มกะหล่ำดอกจะทำให้ได้กะหล่ำดอกสีขาวสวย และหากใช้ต้มถั่วก็จะทำให้ถั่วนิ่ม เป็นต้น


เวลาที่เหมาะสำหรับการใส่ผักลงไปต้ม

โดยทั่วไปเวลาในการใส่ผักลงไปต้มนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของผักดังนี้คือ

หากเป็นผักใบและผักสีเขียว เช่น ปวยเล้ง บร็อคโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง และกระเจี๊ยบเขียว เป็นต้น ก็ใช้วิธีรอให้น้ำต้มเดือดก่อนแล้วจึงใส่ผักลงไปต้มในระยะเวลาสั้นแล้วตักผักขึ้นมาล้างด้วยน้ำเย็น (ยกเว้นบร็อคโคลี่ที่ปล่อยให้เย็นเองโดยไม่ต้องล้างน้ำเย็น)

หากเป็นผักประเภทหัว เช่น หัวไชเท้า รากโกะโบ มันฝรั่ง แครอท และรากบัว เป็นต้น ก็ใช้วิธีเติมน้ำไปพร้อมกับผักและต้มจนผักนิ่ม

ผักต้มเป็นผักที่ดีต่อสุขภาพที่สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นรับประทานได้หลายวัน หากต้องการต้มผักเพื่อคงความสวยงาม คุณค่าทางอาหาร และความอร่อยไว้ให้มากที่สุดก็ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูนะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook