เคล็ดลับง่ายๆ ลดความดันโลหิตสูงด้วยตัวเองได้แบบไม่ต้องใช้ยา

เคล็ดลับง่ายๆ ลดความดันโลหิตสูงด้วยตัวเองได้แบบไม่ต้องใช้ยา

เคล็ดลับง่ายๆ ลดความดันโลหิตสูงด้วยตัวเองได้แบบไม่ต้องใช้ยา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรคความดันโลหิตสูงคือ โรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่เกิดจากความดันภายในหลอดเลือดมีความสูงเกินปกติ โดยปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะมีค่าความดันตัวบนไม่เกิน 140 มิลลิเมตรปรอท และค่าความดันตัวล่างไม่เกิน 90 มิลลิเมตรปรอท หากสูงกว่านี้จะส่งผลทำให้ระบบการทำงานของหลอดเลือดหรือระบบไหลเวียนของเลือดทำงานผิดปกติ และนำไปสู่โรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคไตล้มเหลว และในวันนี้เราก็มีเคล็ดลับดีๆ ในการลดความดันโลหิตสูงได้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องใช้ยามาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ


ควบคุมอาหาร

อาหารบางประเภทอาจส่งผลต่อความดันโลหิตสูงได้ เช่น ไขมัน น้ำตาล แป้ง หรืออาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง สำหรับใครที่ชอบทานของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน หรือของหวาน ควรงดทานอาหารดังกล่าวและหันมาทานผักที่มีไฟเบอร์สูง โปรตีน และนมพร่องมันเนยแทนจะดีกว่า


ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายถือเป็นเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้โรคความดันโลหิตสูงของคุณดีขึ้น เพียงแค่ออกกำลังกายวันละประมาณ 30 – 45 นาที เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ เดินเร็ว หรือเต้นแอโรบิค ก็จะสามารถช่วยให้ความดันอยู่ในเกณฑ์ปกติได้มากขึ้นแล้ว


เลิกทานเค็ม

ความเค็มถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โดยเกิดจากโซเดียมที่เข้าไปกระตุ้นความดันเลือดให้สูงขึ้น ดังนั้น ควรเลิกปรุงอาหารด้วยน้ำปลา ซอส หรือผงชูรสมากเกินไป และควรงดอาหารรมควันต่างๆ เช่น ไส้กรอก แฮม หรือเบคอน รวมไปถึงของหมักของดองต่างๆ ด้วย


ลดการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

สำหรับใครที่ดื่มเหล้า เบียร์ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรลดปริมาณลงในแต่ละวันให้มากที่สุด เพราะแอลกอฮอล์ภายในเครื่องดื่มเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นให้ความดันเลือดสูงขึ้นมาก รวมไปถึงคนที่ชอบสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดแย่ลง ทำให้ไขมันสูงขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนัก และออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ไม่พอ


โรคความดันโลหิตสูง มักจะพบได้มากที่สุดในกลุ่มคนอายุ 35 ปีขึ้นไป ดังนั้น ใครที่พบว่าตัวเองเริ่มมีอาการของโรคความดันโลหิตสูงก็ควรหันมาปฏิบัติตัวใหม่โดยเริ่มต้นจากการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ลดปริมาณการกินเค็มเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณมากเกินไป และหากพบว่ามีอาการของโรคความดัน หรือเข้าข่ายเสี่ยงที่จะเป็นโรคดังกล่าวก็สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดตั้งแต่เนิ่นๆ เลยเป็นดีที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook