"เอิน ปัณณพร" น้องเล็ก "วีระภุชงค์" ตั้งเป้าพัฒนาธุรกิจทั้งทางโลกและทางธรรม

"เอิน ปัณณพร" น้องเล็ก "วีระภุชงค์" ตั้งเป้าพัฒนาธุรกิจทั้งทางโลกและทางธรรม

"เอิน ปัณณพร" น้องเล็ก "วีระภุชงค์" ตั้งเป้าพัฒนาธุรกิจทั้งทางโลกและทางธรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในเวลานี้หากพูดถึง 4 สาวแห่งบ้าน ‘วีระภุชงค์’ ทายาทรุ่นที่ 3 ของไทยนครพัฒนาผู้ผลิตยารายใหญ่ในประเทศไทย เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี และตกหลุมรักในความสวยน่ารักของทั้ง 4 สาว ที่ไม่ว่ารวมตัวกันเมื่อไหร่ก็เรียกรอยยิ้มได้อยู่เสมอ


ครั้งนี้ HELLO! ขอพามาทำความรู้จักกับน้องเล็กอย่าง ‘คุณเอิน - ปัณณพร วีระภุชงค์’ ลูกคนสุดท้องของ ‘คุณสุภชัย - พล.ต. หญิง ศิริพักตร์ วีระภุชงค์’ ที่แม้จะเด็กสุด แต่ความสวยมีเสน่ห์ตามพี่ ๆ มาแบบติด ๆ นอกจากนี้คุณเอินยังมีความมุ่งมั่นสานต่อธุรกิจด้านโรงแรมเครือ ‘โภคีธรา’ ของครอบครัวให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งทางโลกและทางธรรมอีกด้วย

ครอบครัววีระภุชงค์ จากซ้าย คุณเอิน-ปัณณพร, คุณออม-ปภาพินท์, คุณสุภชัย, พลตรีหญิง ศิริพักตร์, เอวา-ปวรวรรณ และอ๋อม ปุณณภาครอบครัววีระภุชงค์ จากซ้าย คุณเอิน-ปัณณพร, คุณออม-ปภาพินท์, คุณสุภชัย, พลตรีหญิง ศิริพักตร์, เอวา-ปวรวรรณ และอ๋อม ปุณณภา
ชีวิตวัยเด็กของน้องเล็กบ้านวีระภุชงค์เป็นอย่างไร โดนพี่ ๆ แกล้งบ้างไหม
ตอนเด็ก ๆ ไม่ค่อยโดนพี่ ๆ แกล้งนะคะ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ส่วนมากคือเอินจะชอบไปแกล้งคนอื่นมากกว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยโดนแกล้ง แต่พี่ ๆ จะชอบใช้มากกว่า เช่น ไปเปิดไฟให้หน่อย อะไรแบบนี้ แต่เอินก็ไม่ค่อยทำให้เท่าไหร่ พี่ ๆ ก็เลยไม่ค่อยกล้า 

โดนคุณพ่อคุณแม่โอ๋เป็นพิเศษไหม
คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ตามใจขนาดนั้นค่ะ ไม่ใช่ว่าอยากได้อะไรก็ได้ คุณแม่ค่อนข้างสอนให้มีความเป็นระเบียบวินัย ถ้าถามว่าสปอยล์ไหม อาจจะมีช่วงที่ซื้อของให้ แต่ก็ไม่ได้ให้ทุกอย่าง คุณพ่อคุณแม่อยากให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าการที่เราจะได้อะไร ขออะไร ก็ต้องหาเงินเอง อย่างตอนเด็ก ๆ คุณแม่ชอบพาไปห้าง ซึ่งเอินเป็นเด็กที่ชอบของเล่นใหญ่ ๆ คุณแม่เคยเล่าว่าเอินร้องไห้แล้วกลิ้งลงไปกับพื้นเนื่องจากอยากได้ของเล่น แต่ตอนจบคุณแม่ก็ไม่ให้ ปล่อยให้ร้องไห้ไป

คุณเอินกับคุณพ่อคุณแม่คุณเอินกับคุณพ่อคุณแม่
ภายนอกดูค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ไม่เหมือนน้องคนเล็ก ได้นิสัยส่วนนี้จากไหน
หลายคนชอบบอกว่าเอินไม่เหมือนน้องคนเล็กสุด เอวาจะเหมือนคนเล็กสุดมากกว่าถ้าเทียบจากนิสัย อาจจะเป็นเพราะว่าเอินโตมากับพี่ ๆ ได้เห็นพี่ออม พี่อ๋อมเริ่มทำงานหาเงินด้วยตัวเองได้ก็อยากทำตาม เหมือนเป็นแรงบันดาลใจของตัวเองว่าพอเห็นพี่ ๆ เริ่มทำงาน ก็รู้สึกอยากเรียนจบเร็ว ๆ จะได้หาเงินเร็ว ๆ อยากหาเงิน อยากทำงาน

สำเร็จการศึกษาด้านไหน
เอินเรียนจบด้านสังคมศาสตร์ค่ะ ชื่อคณะที่เป็นภาษาไทยชื่อว่า โลกคดีศึกษาและผู้ประกอบการสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พวกเรา4 คนไม่มีใครชอบเรียนเลขเลย จึงเลือกคณะที่ไม่ต้องเรียนเลข บวกกับคณะนี้เป็นคณะที่เปิดใหม่ เอินเป็นรุ่นที่ 3 พอเข้าไปเรียนรู้สึกว่าเป็นคณะที่สอนทุกอย่าง ไม่ได้สอนเพียงแค่ทำอะไรเพื่อสังคมเท่านั้น แต่ยังสอนเรื่องการทำธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการสังคมโดยเฉพาะ ซึ่งประเทศไทยไม่ค่อยมี


หลังจากเรียนจบแล้วกลับมาช่วยดูแลธุรกิจครอบครัวเลยหรือเปล่า
ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะไปศึกษาต่อที่อังกฤษ แต่เนื่องจากมีสถานการณ์โรคโควิด – 19 เกิดขึ้น จึงล้มเลิกความคิดแล้วตัดสินใจเข้ามาช่วยที่บ้านทำงานเลยดีกว่า จะได้เรียนรู้จากทั้งคุณพ่อและอากงไปเลย จะได้ไม่เสียเวลา โดยตอนแรกเข้าไปทำงานที่ฝ่ายจัดซื้อของไทยนครพัฒนา แต่รู้สึกว่าไม่ใช่งานที่ตัวเองชอบ เพราะลักษณะงานค่อนข้างซ้ำ ๆ เดิม ต้องอยู่แต่ในออฟฟิศ จึงย้ายมาทำงานด้านโรงแรมในเครือโภคีธราของครอบครัวแทน ซึ่งประกอบไปด้วย โซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา, โซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา, โซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท และโนโวเทล ภูเก็ต โภคีธารา

รับผิดชอบด้านไหนเป็นพิเศษไหม
เอินเพิ่งเข้ามาช่วยงานที่โรงแรมได้ประมาณ 3 เดือน คุณพ่อให้เรียนรู้งานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการขาย การตลาด คุยกับลูกค้า และพีอาร์ ซึ่งตอนนี้เอินทำงานเป็นเซลส์ได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับเอเยนต์ เป็นงานที่ค่อนข้างสนุกและท้าทายกว่าตอนอยู่ไทยนครพัฒนา นอกจากนี้ยังกำลังเรียนรู้งานด้านออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง ช่วยดูเรื่องโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ด้วย


เท่าที่ทำงานมาอยากพัฒนาธุรกิจโรงแรมของครอบครัวอย่างไรบ้าง
ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ธุรกิจต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด – 19 อาจต้องมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังไปต่อได้ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ ถามว่าทำยากไหม ถือว่ายาก เพราะไม่ว่าจะทำแคมเปญอะไรออกมา คนก็ไม่ไปเที่ยวอยู่ดี ตอนนี้จึงยังทำอะไรมากไม่ได้

“ส่วนเป้าหมายในอนาคตของตัวเอง เอินมองไว้ว่าอยากทำในสิ่งที่ช่วยเหลือคนอื่นได้มากขึ้น อย่างโรงแรมของครอบครัวก็อยากพัฒนาให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งทางโลกและทางธรรม คือนอกจากมีการเติบโตทางธุรกิจสร้างงานให้กับคนในพื้นที่แล้ว ยังต้องเป็นบริษัทที่พนักงานมีความเท่าเทียมกัน เนื่องจากธุรกิจโรงแรมของที่บ้านมีชาวต่างชาติเข้ามาร่วมงานไม่น้อย จึงมีปัญหาการเหยียดเชื้อชาติอยู่บ้าง”



เวลาว่างจากการทำงานชอบทำอะไร
ปกติชอบดูซีรีย์ค่ะ แล้วก็ร่วมกับเอวาทำช่อง TIKTOK ‘เอวา&เอิน’ นอกจากนี้ช่วงนี้ยังช่วยคุณแม่ทำกล่องปันสุขนำอาหารแห้ง ยา และสิ่งของจำเป็นไปมอบให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนจากสถานการณ์โควิด – 19 โดยเอินและพี่ ๆ เปิดให้คนขอเข้ามาทางข้อความในอินสตาแกรม และทำต่อเนื่องมาเป็นรอบที่ 3 แล้ว ตอนสามารถช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนไปได้มากกว่า 300 คน

ถือเป็นอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่นอกจากมุ่งมั่นสานต่อธุรกิจของครอบครัวแล้ว ยังไม่ลืมนึกถึงสังคม น่าชื่นชมสุด ๆ ไปเลยค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook