เทคนิคเลือกซื้อ เครื่องสำอางลดราคา

เทคนิคเลือกซื้อ เครื่องสำอางลดราคา

เทคนิคเลือกซื้อ  เครื่องสำอางลดราคา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การซื้อเครื่องสำอางในเทศกาลลดราคาต่างๆ ต้องดูให้ดี โดยเฉพาะเรื่องวันหมดอายุ เพราะส่วนใหญ่มักเป็นสินค้าที่เหลือเวลาในการใช้งานอีกไม่นาน เพราะใกล้หมดอายุแล้ว จึงสามารถนำมาเลหลังขายได้ราคาถูกขนาดนี้ ดังนั้นสำหรับคนที่แต่งหน้าเป็นประจำทุกวันก็ซื้อได้เลยค่ะ เพราะจะได้ใช้อย่างคุ้มค่าก่อนหมดอายุ แต่สำหรับคนที่นานๆ แต่งที ก็อย่าได้หลงระเริงซื้อกลับมาเยอะนักนะคะ เพราะถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเงินไปทิ้งเฉยๆ นั่นเอง sale เครื่องสำอาง ที่สำคัญก็คือ อย่าผลีผลามซื้อเพราะรู้สึกว่าราคาถูกเหลือเกิน หรือรู้สึกว่าสีสวยมาก เหลืออยู่แท่งเดียวแล้ว ไม่ซื้อไม่ได้ พี่บอกได้เลยว่า สีสันของเครื่องสำอางนั้นในที่สุดก็ต้องวนกลับมาแน่นอน โดยเฉพาะสีสวยๆ นั้น รอสักซีซั่นหรือสองซีซั่นก็กลับมาขายใหม่แล้วค่ะ ยามลดราคา เครื่องสำอางสีไหนเราก็ว่าสวย เพราะฉะนั้นอย่าลืมตัวลืมใจเทจนหมดกระเป๋าทุกครั้งที่เทศกาลลดราคามาถึงนะคะ พี่มีวิธีเลือกเครื่องสำอางที่ใกล้หมดอายุมาฝากดังนี้ค่ะ - เครื่องสำอางเนื้อครีม จำพวกลิปสติก ลิปกลอส รูจ และรองพื้นนั้น มักมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปีหลังจากเริ่มเปิดใช้ ดังนั้นจึงต้องคำนวนระยะเวลาการใช้งานหลังเปิดใช้ประกอบกับการดูวันหมดอายุที่ข้างกล่องด้วย - ลิปสติก ถ้าเริ่มมีเหงื่อหรือมีหยดน้ำเกาะที่เนื้อไม่ควรซื้อมาใช้แล้วนะคะ และเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งาน ควรใช้พู่กันทาปาก เพื่อลดการสัมผัสระหว่างผิวกับเครื่องสำอางโดยตรง เพราะความร้อนและแบคทีเรียจากร่างกายจะส่งผลให้เครื่องสำอางหมดอายุเร็วขึ้น - ลิปกลอส หากเนื้อลิปกลอสเริ่มมีรอบแยกของชั้นสีและน้ำชัดเจน แสดงว่าหมดอายุแล้วค่ะ - ครีมรองพื้น ถ้าเปิดมาแล้วเห็นเหงื่อผุดขึ้น หรือเริ่มเห็นชั้นไขมันชัดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงค่ะ แต่ถ้าครีมรองพื้นเป็นหลอดก็ให้ลองดมดูว่ามีกลิ่นหืนหรือไม่ - เนื้อแป้ง เครื่องสำอางจำพวกนี้ได้แก่ แป้งแข็ง อายแชโดว์ชนิดฝุ่น ซึ่งจะหมดอายุช้ากว่าพวกเนื้อครีม และหากเก็บรักษาดีๆ อาจจะอยู่ได้นานถึง 2 ปีเชียวนะคะ เพียงแต่ต้องดูแลรักษาความสะอาดของพัฟฟ์แต่งหน้าหรือแปรงต่างๆที่ใช้ปัด เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย หากจะซื้อสินค้าในยามลดราคา ให้เลือกซื้อเป็นพวกเนื้อแป้งดีกว่าค่ะ เพราะเก็บไว้ได้นานหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม วันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ก็ไม่ใช่ว่าจะเชื่อถือได้เสมอไป เพราะสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันและการเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้ผลิตภัณฑ์หมดอายุเร็วกว่าปกติ ดังนั้นทางที่ดีจึงควรหมั่นสังเกตเครื่องสำอางอยู่เสมอ ตามหลักการง่ายๆ ดังนี้ค่ะ 1. ดมกลิ่น การดมเป็นวิธีที่ง่ายและใช้ได้ผลมากที่สุด ดังนั้นเมื่อซื้อเครื่องสำอางมาใหม่ๆ ก็ให้ลองดมกลิ่นดูแล้วจำไว้ หลังจากนั้นก่อนจะใช้ก็ให้ดมกลิ่นดูก่อนเพื่อเปรียบเทียบกันว่ากลิ่นเปลี่ยนไปหรือยัง เพราะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เมื่อหมดอายุแล้วมักจะมีกลิ่นหืนค่ะ 2. ดูที่เนื้อครีม ถ้ามีการแบ่งตัวกันของเนื้อครีมและน้ำมันในผลิตภัณฑ์ หรือมีเม็ดเหงื่อขึ้นแล้ว ก็ไม่ควรนำมาใช้อีก เพราะเม็ดเหงื่อที่เราเห็นก็คือไขมันที่แยกตัวออกมาจากเนื้อครีมนั่นเอง ถ้าเห็นแบบนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า ทิ้งได้แล้ว 3. ลองดูก่อน ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ก็ทดลองทาใต้ท้องแขนดูก่อนแล้วทิ้งไว้สัก 30 นาทีก่อนนำไปใช้ เพื่อดูว่าแพ้หรือไม่ พี่ฮั้วขอบอก เครื่องสำอางที่ซื้อมาแล้วยังไม่ได้ใช้ ควรเก็บในถุงสูญญากาศ แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นช่องปกติโดยไม่ต้องเปิด (อย่าเก็บรวมกับพวกเนื้อและผักนะคะ เดี๋ยวมีกลิ่นที่ไม่น่าพิสมัยปะปนเข้าไปไม่รู้ด้วย) ส่วนเครื่องสำอางที่เปิดและสัมผัสกับอุณภูมิและอากาศภายนอกและอุณหภูมิจากนิ้วมือของเราแล้ว ไม่ควรนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นอีก ใช้ให้หมดไปเลยค่ะ ส่วนสาวๆ ที่ชอบเก็บเครื่องสำอางไว้ในรถต้องระวังนะคะ เพราะแดดจัดๆ และอากาศร้อยอบอ้าวในรถยนต์จะทำให้เครื่องสำอางมีอายุการใช้งานสั้นลงเป็นสองเท่าทีเดียว

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ ของ เทคนิคเลือกซื้อ เครื่องสำอางลดราคา

เทคนิคเลือกซื้อ  เครื่องสำอางลดราคา
เทคนิคเลือกซื้อ  เครื่องสำอางลดราคา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook