"ความรัก" มิสควีน ขอสิทธิ...รักเพศเดียวกัน

"ความรัก" มิสควีน ขอสิทธิ...รักเพศเดียวกัน

"ความรัก" มิสควีน ขอสิทธิ...รักเพศเดียวกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มงกุฎ "ควีน" เวทีสาวประเภทสอง "Miss International Queen" ประจำปี 2013 ตกเป็นของ "มาร์เซลา โอไฮโอ" สาวงามวัย 18 จากประเทศบราซิล ผู้ควบตำแหน่งชุดราตรียอดเยี่ยมมาครองอีก 1 รางวัล

ขณะที่ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 คือ "ชานเทล เดอมาโค" สาวงามจากสหรัฐอเมริกา ส่วนสาวไทย "เนฐนภาดา กัลยานนท์" คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 ควบขวัญใจช่างภาพเป็นรางวัลประจำปีนี้

หลังการประกวดจบลง บรรดาสาวงามที่ได้รับรางวัลพากันเดินสายขอบคุณถึงกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ จึงมีโอกาสพูดคุยกับ 2 สาวงามอย่างมาร์เซลาและชานเทล (เนฐนภาดา ติดภารกิจรับปริญญาบัตร) มาพูดคุยถึงปัญหาความเสมอภาคและสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของเพศที่สามในสังคมโลกอย่างเป็นกันเอง

ในประเด็นนี้ทั้งมาร์เซลาและชานเทลต่างยอมรับว่า การให้ความเสมอภาคและเปิดรับเพศที่สามในบ้านเกิดของตนเองยังคงอยู่ในสภาวะ 50/50 ไม่ได้เปิดกว้างอย่างที่ควรจะเป็นสักเท่าไหร่นัก

"ส่วนตัวแล้วก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศที่โดนสังคมเมินเฉยและแบ่งแยกออกมาอยู่แล้ว ซึ่งสาเหตุก็น่าจะมาจากการที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการปลูกฝังให้ยอมรับในเรื่องแบบนี้ เพราะฉะนั้น วิธีที่ฉันคิดว่าจะทำให้ตัวเองเข้าไปเป็นหนึ่งในสังคมแบบนั้นได้ คือ การวางตัวให้เป็นผู้หญิงให้มากที่สุด จนอีกฝ่ายไม่รู้สึกแปลกแยกว่าเราเป็นผู้หญิงข้ามเพศ แต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง" ชานเทลอธิบาย

ด้านมาร์เซลาบอกว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจลักษณะของ "Transexual" ว่าเป็นยังไง ทำให้คนกลุ่มนี้ยังไม่ยอมเปิดใจให้กับตนเอง

"สิ่งสำคัญที่จะทำให้คนยอมรับเรื่องนี้ได้ อันดับแรกจะต้องเริ่มจากการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่เฉพาะเรื่องเพศเท่านั้น แต่หมายถึงกลุ่มคนทั้งผิวขาว ผิวดำ หรือต่างเชื้อชาติ ซึ่งตรงนี้จะเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาหลาย ๆ อย่างในสังคมได้"

ชานเทลชี้แจงว่า วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการทำให้เพศที่สามเป็นที่ยอมรับ คือ การพยายามทำตัวเองให้ดีที่สุด และทำตัวเองให้มีคุณค่ามากที่สุดเป็นสำคัญ

อีกหนึ่งประเด็นของเพศที่สามซึ่งน่าสนใจ คือ "การจดทะเบียนสมรสอย่างถูกกฎหมาย" ชานเทลพูดถึงเรื่องนี้ว่าเป็นสิ่งที่ดีมากทีเดียวที่หลายคนเริ่มลุกขึ้นมาให้ความสนใจกับสิทธิมนุษยชนดังกล่าว ซึ่งการที่คนจะรักกันนั้นเป็นสิทธิ์พื้นฐานที่ใคร ๆ ก็มีได้ ไม่ว่าจะเป็นชายกับชาย หรือว่าชายกับหญิงก็ตาม

"ความจริงแล้วเรื่องทะเบียนสมรสก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญมากนัก เพราะมันเป็นแค่กระดาษใบหนึ่งเท่านั้น เพราะต่อให้วันหนึ่งกระดาษใบนั้นไม่อยู่แล้ว ความรักของคนสองคนก็ยังไม่ได้หายไปไหน มันเป็นเรื่องของคนสองคน หากเขาอยากอยู่ด้วยกันก็ต้องปล่อยให้เขาได้อยู่กัน ไม่ใช่ไปห้าม" เจ้าของมงกุฎควีน 2013 กล่าวปิดท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook