5 วิธีหยุดทานขนมหวานโดยไม่ทำให้รู้สึกเครียด

5 วิธีหยุดทานขนมหวานโดยไม่ทำให้รู้สึกเครียด

5 วิธีหยุดทานขนมหวานโดยไม่ทำให้รู้สึกเครียด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ว่าขนมหวานเป็นอาหารที่ทำให้คนมีความสุข แต่ในช่วงที่กำลังลดน้ำหนัก การรับประทานของหวานจะกลายเป็นศัตรูสำคัญของการลดน้ำหนัก มารู้วิธีหยุดทานขนมหวานในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักโดยไม่ทำให้คนหลงรักขนมหวานรู้สึกเครียดจากคำแนะของคนญี่ปุ่นกันค่ะ

ขนมหวานที่มีปริมาณแคลอรี่สูงเป็นอาหารที่ทำให้อ้วนได้ง่าย ดังนั้นเมื่อเริ่มตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักคนส่วนใหญ่มักคิดหยุดทานขนมหวานเป็นอันดับแรก จะเลิกทานขนมหวานได้หรือไม่นั้นไม่เกี่ยวว่ามีจิตใจเข้มแข็งหรืออ่อนแอ แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินและไลฟ์สไตล์ที่ทำให้บรรลุเป้าหมายได้โดยไม่ทำให้รู้สึกเครียด ซึ่งมีวิธีดังต่อไปนี้

1. รับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ

การรับประทานทานขนมหวานเยอะมีสาเหตุมาจากความหิวเพราะทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือไม่รับประทานอาหารบางมื้อ การรับประทานอาหารวันละสามมื้อในเวลาที่ห่างกันอย่างเหมาะสมจะทำให้รู้สึกอิ่มและรับประทานของหวานน้อยลง

2. ไม่รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเพียงอย่างเดียว

หากงานยุ่งหรืออาศัยอยู่ตามลำพังก็มีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารง่ายๆ ที่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนใหญ่ เช่น ขนมปัง 2 ชิ้นเป็นอาหารมื้อเข้า สปาเก็ตตี้หรือราเม็งเป็นอาหารมื้อเที่ยง และข้าวหน้าเนื้อเป็นอาหารมื้อเย็น เป็นต้น การรับประทานอาหารที่มีแป้งสูงจะทำให้รู้สึกหิวเร็วแม้ว่ารับประทานเข้าไปในปริมาณมาก แทนการรับประทานอาหารจานเดียวที่ประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตสูง ให้ลองเพิ่มผัก โปรตีน และซุปลงไปในมื้ออาหาร ซึ่งจะทำให้รู้สึกอิ่มนานจนไม่นึกอยากกินขนมหวาน

3. อย่าจำกัดปริมาณอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต

คนจำนวนมากจำกัดปริมาณแป้งเพื่อลดน้ำหนัก แต่การจำกัดและลดปริมาณอาหารประเภทแป้งมากเกินไปจะทำให้รู้สึกอยากรับประทานของหวานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งของหวานที่มีปริมาณพลังงานสูง เช่น ช็อกโกแลต ขนมอบ และเค้ก เป็นต้น เหตุผลที่ทำให้อยากรับประทานของหวานมากขึ้นเพราะว่าร่างกายจะส่งสัญญาณการขาดพลังงานไปยังสมอง ทำให้สมองสั่งการให้ร่างกายหาของหวานมาทดแทนพลังงานให้แก่ร่างกาย ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่สามารถหยุดรับประทานของหวานได้ สิ่งแรกที่ควรทำคือให้รับประทานอาหารมื้อหลักที่มีอาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าวและเมล็ดธัญพืช เป็นต้น จนรู้สึกว่าอิ่มอย่างพึงใจ ซึ่งจะส่งผลให้อยากรับประทานขนมหวานน้อยลง

4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ตอนที่ออกกำลังกายระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มสูงขึ้นชั่วคราวและทำให้ความรู้สึกหิวหายไป ในขณะเดียวกันการออกกำลังกายจะช่วยบรรเทาความเครียดและความเหนื่อยล้าทางกายจึงช่วยป้องกันความรู้สึกอยากรับประทานขนมหวานที่มีสาเหตุมาจากความเครียดได้ดี มีคนจำนวนมากสามารถหยุดรับประทานขนมหวานได้จากการหมั่นออกกำลังกาย โดยการออกกำลังกายนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นการวิ่งหรือการออกกำลังกายหนักๆ แค่เดินให้มากกว่าปกติก็สามารถช่วยลดความอยากรับประทานขนมหวานได้


5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

หากนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอหรือนอนดึกเป็นประจำจะทำให้เกิดความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนและส่งผลให้รู้สึกมีความอยากกินอาหารเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การนอนดึกจะทำให้รู้สึกหิวและทำให้รับประทานอาหารว่างรวมถึงขนมหวานได้ง่ายขึ้น ดังนั้นลองพยายามปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นเพื่อให้นอนหลับได้สนิทและช่วยป้องกันไม่ให้รู้สึกอยากรับประทานขนมหวานได้ดี
 

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและไลฟ์สไตล์ไปพร้อมกับค่อยๆ ลดปริมาณขนมหวานเป็นวิธีการที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้ดีกว่าการตัดขาดจากขนมหวานแบบหักดิบจนทำให้เกิดความเครียดแล้วหันกลับมารับประทานขนมหวานเยอะขึ้นกว่าเดิม ลองใช้วิธีข้างต้นในการลดขนมหวานในขณะที่กำลังลดน้ำหนักดูค่ะ

สรุปเนื้อหาจาก allabout

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook