วิธีทำชากระเจี๊ยบแดงและประโยชน์ของชาในมุมมองของคนญี่ปุ่น

วิธีทำชากระเจี๊ยบแดงและประโยชน์ของชาในมุมมองของคนญี่ปุ่น

วิธีทำชากระเจี๊ยบแดงและประโยชน์ของชาในมุมมองของคนญี่ปุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระเจี๊ยบแดงปลูกได้มากในเมืองไทยและนำมาใช้ดื่มให้ชื่นใจคลายร้อยตั้งแต่สมัยโมราณ ในญี่ปุ่นก็ปลูกกระเจี๊ยบแดงได้ที่จังหวัดโอกินาว่า และชากระเจี๊ยบแดงก็เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่คนญี่ปุ่นให้ความสนใจว่าดีต่อสุขภาพ มาดูประโยชน์ของชากระเจี๊ยบแดงและวิธีเตรียมชากระเจี๊ยบแบบคนญี่ปุ่นกันนะคะ

ประโยชน์ของชากระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดงหรือโรเซรุ (ローゼル) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hibiscus sabdariffa คนญี่ปุ่นนิยมนำกระเจี๊ยบแดงมาทำเป็นชาเพราะกระเจี๊ยบแดงอุดมไปด้วยวิตามินซี กรดซิตริก กรดมาลิก โพแทสเซียม แอนโทไซยานิน และกรดอะมิโน การดื่มชากระเจี๊ยบแดงเป็นประจำมีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้

ช่วยชะลอความแก่และทำให้ผิวพรรณสวยงาม

ชากระเจี๊ยบแดงอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวพรรณเหี่ยวย่นไว ป้องกันการเกิดกระและฝ้า อีกทั้งกรดซิตริกและกรดมาลิกจะช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ขึ้นมา และช่วยเสริมการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย

ช่วยลดการบวมน้ำของร่างกาย

ชากระเจี๊ยบแดงอุดมไปด้วยโพแทสเซียมซึ่งมีฤทธิ์ในการระบายของเหลวและโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ช่วยลดอาการบวมน้ำและอาการเมาค้าง นอกจากนี้กรดซิตริกจะช่วยให้การไหลเวียนเลือดดี ซึ่งจะช่วยให้การขับของเสียออกจากเลือดและร่างกายได้ดี

ประโยชน์ด้านอื่นๆ

กรดซิตริกและกรดมาลิกช่วยให้การไหลเวียนเลือดดี ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันความดันโลหิตสูง นอกจากนี้แอนโทไซยานินยังช่วยบำรุงสายตา บรรเทาอาการเจ็บคอและอาการภูมิแพ้จากละอองเกสรด้วย

 

วิธีการเตรียมชากระเจี๊ยบแดง

1.เก็บผลกระเจี๊ยบแดงจากต้น และใช้มีตัดเอาก้านและฐานผลออก

2. แยกกลีบของกระเจี๊ยบแดงออกมา ล้างให้สะอาด วางให้สะเด็ดน้ำ และซับน้ำที่เหลือออกด้วยผ้าสะอาดหรือกระดาษชำระสำหรับงานครัว

3. นำกลีบกระเจี๊ยบแดงไปตากแดดไว้เป็นเวลา 2-3 วัน แล้วจึงเก็บกลีบกระเจี๊ยบแห้งไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท

4. นำชาที่เตรียมไว้มาต้มในน้ำเดือดประมาณ 8-10 นาที แล้วจึงเทชาใส่ถ้วยผ่านตะแกรงกรอง และดื่มแบบไม่เติมน้ำตาล หากชากระเจี๊ยบแดงมีรสเปรี้ยวมาก ก็นำสมุนไพรที่มีกลิ่นรสเข้ากันได้ดีกับชากระเจี๊ยบแดง เช่น เปปเปอร์มินต์และตะไคร้ มาผสมทำเป็นชารสผสมเพื่อลดรสเปรี้ยวได้

ในอดีตกระเจี๊ยบแดงเป็นยาอายุวัฒนะของคนชนชั้นสูงในอินเดียและอียิปต์ และถูกใช้เป็นเครื่องดื่มเพื่อความงามของผู้หญิงในสมัยก่อน ปัจจุบันชากระเจี๊ยบแดงได้รับความนิยมว่าเป็นชาเพื่อสุขภาพและความงาม อย่างไรก็ตามด้วยมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มชากระเจี๊ยบแดงในปริมาณเกินวันละ 700 มิลลิลิตร และคนที่มีปัญหาไตทำงานบกพร่องก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชานี้นะคะ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ วิธีทำชากระเจี๊ยบแดงและประโยชน์ของชาในมุมมองของคนญี่ปุ่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook