คืนเต้าให้ผู้ป่วย"มะเร็ง"

ชมพูนุท นำภา มะเร็งเต้านม ภัยร้ายอีกชนิดหนึ่งที่นอกจากจะทำให้เสียสุขภาพกายแล้ว ยังทำร้ายสุขภาพจิตของผู้หญิงอย่างร้ายแรง เพราะโรคร้ายชนิดนี้แนวทางการรักษาแพทย์จำเป็นต้องตัดเนื้อร้ายทิ้งทั้งเต้า ผู้หญิงที่ไหนจะทำใจได้!! เมื่อต้องเสียของรักของหวงสมบัติที่มีติดตัวมาแต่อ้อนแต่ออก และเป็นสัญลักษณ์ของเพศแม่ บางรายทำใจไม่ได้เป็นทุกข์ทั้งชีวิต แต่มาถึงยุคนี้สาวๆ ทั้งหลายที่โชคร้ายประสบกับโรคมะเร็งเต้านม ไม่ต้องเสียอกเสียสุขภาพใจอีกต่อไป เพราะปัจจุบันด้วยวิทยาการแพทย์ที่ก้าวหน้า ได้มีการผ่าตัดเสริมสร้าง "เต้านม" ขึ้นมาใหม่เพื่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เรียกว่า "การสร้างเต้านมใหม่ด้วยแผ่นผิวหนังและไขมันหน้าท้อง"(TRAM Flap) วิธีการนี้เป็นการสร้างเต้านมให้เหมือนจริง โดยไม่ใช้วัสดุแปลกปลอม แต่จะใช้ไขมันบริเวณหน้าท้องมาเสริมสร้างเต้านมใหม่ทดแทนของเดิมที่ถูกตัดทิ้ง ที่สำคัญแพทย์บอกว่า วิธีนี้นอกจากคุณผู้หญิงจะได้เต้าใหม่กลับคืนมาแล้ว ยังทำให้ไขมันหน้าท้องหายไปได้อีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!! แต่หญิงสาวที่เป็นมะเร็งเต้านมทั้งหลายก็ต้องทำใจว่า วิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อยู่ที่ 170,000 บาทต่อรายต่อคอร์ส วิทยาการนี้ค้นพบกันมานานถึง 16 ปีแล้วแต่ไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก ที่มาเผยตอนนี้เพราะโรงพยาบาลกรุงเทพถือโอกาสนำออกมาให้บริการแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม เพราะเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 34 ปีโรงพยาบาลกรุงเทพ โดยการจัดเป็นโครงการ "ผ่าตัดคืนเต้าแก่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม" นายแพทย์ศุภกร โรจนนินทร์ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ศีรษะ คอ และเต้านม ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ โรงพยาบาลกรุงเทพ อธิบายถึงโครงการว่า เป็นการคืนประโยชน์สู่สังคม ให้มีการผ่าตัดคนที่ฐานะยากจนแต่จำเป็นต้องตัดเต้านมทิ้ง เนื่องจากเป็นมะเร็ง โดยที่โรงพยาบาลไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับบริการในโครงการ ต้องเป็นผู้ป่วยมะเร็งที่ถูกตัดเต้านมออกไปแล้ว อายุไม่เกิน 50 ปี สุขภาพแข็งแรง เป็นผู้มีรายได้น้อย และไม่มีโรคประจำตัวที่ร้ายแรง เช่น โรคเอดส์ เบาหวานระยะรุนแรง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจซึ่งเป็นโรคที่เสี่ยงต่อการผ่าตัดดมยาสลบ และผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้จะผ่านการอนุมัติเห็นชอบจากคณะกรรมการโรงพยาบาล และคณะแพทย์ที่จะทำการรักษาก่อนด้วย ผู้ป่วยที่สามารถเข้าร่วมโครงการสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน ไปจนถึง 30 พฤศจิกายน 2548 โดยการกรอกใบสมัครที่แจกไปตามโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ และในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ 16 แห่ง แล้วส่งกลับไปที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ผู้ที่จะได้รับการรักษาฟรีทุกขั้นตอนนี้จะมีเพียง 10 รายเท่านั้น "ประเทศแรกที่ทำคือสหรัฐอเมริกา โดยจะใช้แผ่นผิวหนังและไขมันที่หน้าท้องของผู้ป่วย ได้มาจากกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องย้ายขึ้นไปเพื่อทำเต้านมใหม่ เพราะเนื้อและผิวหนังบริเวณหน้าท้องมีสภาพ ความยืดหยุ่น สีผิว และความหนาของผิวหนังใกล้เคียงกับเต้านมที่จะเอาไปสร้าง ส่วนท้องที่ตัดออกไปก็จะเย็บติดเข้ามาใหม่ ทำให้มีแผลเหมือนแผลตอนคลอดลูก" ส่วนมากแล้วคุณหมอบอกว่า จะแนะนำผู้ป่วยที่ตัดเต้าทำการผ่าตัดพร้อมกันไปเลยจะได้เจ็บทีเดียว และเสียเงินรอบเดียวด้วย แล้วยังบังคับแผลเป็นได้ด้วย สำหรับวิธีการนั้น คุณหมอศุภกรบอกเริ่มขั้นแรกต้องตัดเต้านมทิ้งก่อน จากนั้นก็เตรียมเนื้อข้างล่าง แล้วย้ายขึ้นมาสอดขึ้นมาทำเต้านมใหม่ หากใช้ทีมเดียวต้องใช้เวลา 6-7 ชั่วโมง จึงต้องใช้ทีมแพทย์ 2 ทีม ทีมหนึ่งตัดเต้านมออก ขณะเดียวที่อีกทีมเลาะไขมันหน้าท้อง เมื่อผ่าตัดเต้านมเสร็จ ข้างล่างก็เสร็จพร้อมกัน วิธีนี้ลดเวลาการผ่าตัดลงเหลือประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้น จะทำหัวนมขึ้นมาใหม่ ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้วคนไข้จะได้เต้านมที่ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด "การทำหัวนม คือหากหัวนมด้านหนึ่งใหญ่เกินเราจะตัดไปครึ่งหนึ่ง แล้วย้ายมาปลูกข้างใหม่ ผลจะทำให้หัวนมที่ใหญ่เล็กลง และได้อีกข้างที่มีขนาดเท่ากัน ส่วนปานนมที่อยู่รอบๆ เราจะใช้วิธีการสัก เช่น นำสีน้ำตาล สีแดง สีชมพู ผสมกัน แต่ถ้ากรณีหัวนมไม่ใหญ่เกินเราก็ใช้วิธีปลูกโดยใช้เนื้อแถวนั้น แล้วใช้สีสักแล้วยกขึ้นมาม้วนไปม้วนมาให้เป็นหัวนม แล้วสักให้สีเหมือนจริง" หมอศุภกรอธิบาย เรียกได้ว่าเหมือนจริงทุกประการยกเว้นให้นมลูกไม่ได้เท่านั้น เพราะเต้าใหม่ที่ได้เป็นไขมันล้วนๆ ส่วนผลข้างเคียงนั้นมีเพียงแผลเป็น และไขมันตรงกล้ามเนื้อหน้าท้อง ที่เรียกว่า "ซิกแพ็ค" จะเหลือข้างเดียว แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่เหมือนผู้ชาย การลุกนั่งอาจจะแข็งแรงน้อยลงไปหน่อย แต่ถ้าเย็บแผลข้างในดีๆ ก็ไม่เป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม หมอแนะนำว่าทางที่ดีควรตรวจก่อนที่จะเป็นมะเร็งเต้านมระยะรุนแรง เพราะถ้ายังเป็นแค่ระยะที่ 1 หรือที่ 2 แพทย์สามารถเก็บเต้านมไว้บางส่วน พร้อมกับรักษาโดยการฉายรังสี จากนั้นเพียงแต่ทำการผ่าตัดไขมันหน้าท้องมาเสริมเข้า และถ้าบางคนหัวนมไม่มีมะเร็งผู้ป่วยก็จะได้หัวนมเดิมอีกด้วย คุณหมอศุภกรบอกว่า ปัจจุบันผู้หญิงมั่นใจในการฉายรังสีมากขึ้น ตอนนี้ตัวเลข ประมาณ 38% ที่เก็บเต้านมไว้ได้ อีกประมาณ 60% ต้องตัดเต้านมออก ซึ่งอุบัติการณ์มะเร็งเต้านมในประเทศไทย สำหรับกรุงเทพฯ มีคนเป็นมะเร็งเต้านม 30 ต่อ 100,000 คน ส่วนต่างจังหวัดจะน้อยกว่า ถ้าคิด 20 ต่อ 100,000 คน ก็จะตกประมาณ 6,000 รายต่อปี สำหรับปัจจัยการเป็นมะเร็งเต้านม ไม่รู้แน่ บางครั้งบอกว่าเพราะอาหารฟาสต์ฟู้ด แต่ที่รู้แน่ๆ คือฝรั่งเป็นมาก คนเอเชียเป็นน้อย คนญี่ปุ่นเป็นน้อย แต่ลูกหลานคนญี่ปุ่นที่ไปอยู่อเมริกา กลับเป็นเท่าคนอเมริกัน มะเร็งเต้านมไม่มีอาการเตือน ดังนั้น ทันทีที่รู้สึกผิดปกติ คลำเจอก้อนเนื้อ ควรรีบไปหาแพทย์ เพราะถ้าเจอเร็วเท่าไหร่การรักษามะเร็งร้ายก็มีโอกาสหายขาดสูงขึ้นเท่านั้น