4 พื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของชีวิตรัก

4 พื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของชีวิตรัก

4 พื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของชีวิตรัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ฉันเฝ้าพินิจไตร่ตรองทั้งจากหลักความสัมพันธ์ที่ศาสดาเอกของโลกสอนเรามา ทั้งจากตัวอย่างคู่เพื่อนรักหรือคู่ชีวิตที่รักกันยั่งยืนจริงๆ แล้วนำมาวัดกับ “ความต้องการแท้จริงในตัวมนุษย์ทุกคน” ที่อิงบนพื้นฐานของการ “อยากได้รับความรักและการยอมรับ” และ “ต้องการความสุข ไม่ปรารถนาความทุกข์” เหมือนกันหมดทั้งโลก ถึงค้นพบว่า ความรักที่แข็งแกร่งทนทานท้ากาลเวลาและอุปสรรคทั้งหลาย ทุกคู่ล้วนมอบคุณสมบัติรักแท้ 3 ข้อแรกแก่กัน ส่วนคู่ที่แม้จะอยู่กันเนิ่นนานจนแก่ชราผมหงอกขาวก็ยังหวานชื่นและรักใคร่กันเสมอ เพราะนอกจากมี 3 ข้อแรกแล้ว พวกเขายังมอบข้อ 4 ให้แก่กันและกันด้วย 4 คุณสมบัติรักแท้ที่ทำให้ชีวิตคู่ยั่งยืน 1. ความไว้ใจ (Trust) ในบรรดาเสาเอก 4 ต้น เสา “ไว้ใจ” ถือเป็นเสาเอกเสาแรกที่สำคัญที่สุดของความรักและชีวิตคู่ ขาดเสาต้นนี้ไม่ได้เลย เพราะชีวิตคู่จะพังทลาย และความรักจะกลายเป็นนรกทั้งเป็น คุณจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับคนคนหนึ่งได้อย่างไรโดยที่คุณไม่กล้าไว้ใจเขาเลย แต่น่าแปลกใจเหลือเกินที่ผู้หญิงมากมายยอมทนอยู่กับคู่รักที่ “ไว้ใจไม่ได้” หลายคนมาบ่นให้ฉันฟังซ้ำซากว่าแฟนช่างไว้ใจไม่ได้ ทำให้ผิดหวังตลอดเลย เช่น ไว้ใจไม่ได้เรื่องเงิน-แอบถอนเงินจากบัญชีร่วมไปใช้โดยไม่บอกกล่าว หรือไปก่อหนี้ไว้เรื่อยๆ โดยที่ไม่บอกเมีย ไว้ใจไม่ได้เรื่องความรับผิดชอบ เช่น แฟนใช้ให้ไปทำอะไรมักไม่ได้เรื่อง ผิดพลาด ล้มเหลว หรือทำผิดสเปกที่สั่งไว้ จะโดยความโง่หรือความดื้อรั้นของสามีก็แล้วแต่ แต่ทำภรรยายั๊วะขาดได้ทุกทีที่ใช้ให้ไปทำอะไร ไว้ใจไม่ได้เรื่องชู้สาว-อันนี้ไม่ต้องบรรยาย เพราะเป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นในเมืองไทยนาทีละหลายคู่ ปัญหาคือบ่นซ้ำซากแล้วได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ถ้าเราแก้ตั้งแต่ต้นตอไม่ได้ คือสั่งสอนกันตั้งแต่ลูกหลานเป็นวัยรุ่นกำลังจะโตเลยว่า “ดูให้ดีก่อนคบหากับใคร ว่าเขาเป็นคนไว้ใจได้หรือไม่” ก็ต้องแก้ที่ปัจจุบัน คือเดินออกมาจากสภาพชีวิตที่บั่นทอนนั้นซะ วันนี้คุณจงถามตัวเองว่าความสัมพันธ์ของคุณในอดีต หรือวันนี้ คุณไว้ใจคู่ของคุณได้หรือไม่ เขาทำตัวสมคุณค่าของการไว้ใจหรือเปล่า และตัวคุณเองได้ทำตัวมีค่าคู่ควรที่เขาจะกล้าไว้ใจหรือยัง ตอบใช่ทั้งสองฝ่ายคุณถึงจะอยู่เป็นคู่กันได้อย่าง “มีความสงบสุข” หรือ peace อย่างแท้จริง เพราะความไว้ใจช่วยให้ชีวิตสงบสุขค่ะ แต่ถ้าคำตอบคือ “ไม่ใช่” เลือกเอาค่ะว่า คุณจะดันทุรังทุกข์ต่อไปหรือเลือกยุติความทรมานตั้งแต่ตอนนี้ 2. ความนับถือให้เกียรติกัน (Respect) มนุษย์ทุกคนต้องการการเคารพนับหน้าถือตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่มีความหมายกับเรา เช่น ครอบครัว เพื่อนๆ และคนที่เรารัก ทว่ามีกี่ครั้งแล้วที่คุณเห็นเหตุการณ์ “ไม่ให้เกียรติ” ที่คนซึ่งขึ้นชื่อว่ารักกันแต่กลับกระทำต่อกันได้โดยไม่คำนึงเลยว่าอีกฝ่ายจะรู้สึก “ด้อยค่า” หรือถูกดูหมิ่นน้ำใจแค่ไหน ฉันขอบอกเลยว่า วิธีทำให้คู่รักของคุณหมดรักและหมดเสน่หาในตัวคุณได้เร็วมากไม่ใช่การนอกใจค่ะ แต่คือการทำลายความนับถือตัวเองเข้าไว้ ไม่ว่าจะทำลายความนับถือที่เขามีต่อตัวเอง (ด้วยการหมั่นตำหนิวิจารณ์เขา ดูถูกเขาว่าไม่ได้ดั่งใจคุณ ไม่เคยทำอะไรถูกใจ ไม่มีดีให้คุณภูมิใจสักอย่าง สู้ผู้ชายคนอื่นไม่ได้ หักหน้าเขาต่อหน้าคนอื่น-โดยเฉพาะต่อหน้าผู้ชายด้วยกันนี่หนักสุด ฯลฯ) หรือทำลายความนับถือที่เขามีต่อคุณ (เช่นทำตัวเป็นผู้หญิงหิวรัก ไขว่คว้า ไร้ค่า เมาเละเทะหมดสภาพ ฯลฯ) นั่นแหละเร็วที่สุดๆ เลย! เสน่หาทางเพศที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิงมีส่วนเกี่ยวพันขึ้นตรงกับ “ความยกย่องนับถือ” ที่ผู้หญิงมีต่อผู้ชายคนนั้นจริงๆ ค่ะ ยิ่งผู้หญิงยกย่องและชื่นชมผู้ชายเท่าไหร่ เขาจะยิ่งเสน่หาต่อเธอมากขึ้นตามนั้น ไม่เชื่อฉันท้าให้ไปถามผู้ชายดู ส่วนการ “ให้เกียรติ” คู่ จะมีส่วนเกี่ยวพันกับ “ความเกรงใจ” สังเกตดูสิคะ ผู้ชายมีอำนาจที่ “เกรงใจเมีย” เมียของเขาเหล่านั้นมักเป็นผู้หญิงที่วางตัวดีมาก ให้เกียรติคู่ของเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่ออกฤทธิ์ออกเดชไม่เกรงใจกันหรือแสดงชัดว่าเธอมีอำนาจเหนือคู่แม้แต่น้อย ผู้หญิงเรา...ถ้าอยากให้ผู้ชายเกรงใจ เราต้องให้เกียรติผู้ชายของเราก่อนค่ะ 3. ความเห็นใจและเข้าใจ (Empathy) ฉันจำได้แม่นยำถึงบทสัมภาษณ์ของโจวเหวินฟะ ช่วงที่เขากลับมาดังสุดทั่วเอเชีย ยุคทำงานกับจอห์นวูใน “โหดเลวดี” ซึ่งเป็นยุคก่อนที่เขาจะมาดังระดับโลกในฮอลลีวูดเสียอีก เขาพูดว่าช่วงนั้นเขาโหมถ่ายหนังหนักมาก ไม่เคยมีเวลาได้พักผ่อนเลย ร่างกายปวดร้าว ตาแดงก่ำไปหมด หมดแรงทุกวันจนต้องล้มตัวนอนที่โซฟา หลับได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องฝืนกายไปทำงานอีก “ผมจำได้เลยว่าผมลืมตาตื่นมาวันหนึ่ง เห็นภรรยาเอาหัวผมนอนหนุนตักเธอ น้ำตาเธอไหลมาโดนหน้าผม ผมตกใจมากคิดว่าเธอเป็นอะไรไป เธอกลับบอกว่า สงสารคุณเหลือเกิน ทำไมคุณต้องเหนื่อยอย่างนี้” โหจวเหวินฟะเล่าในบทสัมภาษณ์ว่าเขาตื้นตันใจเหลือเกินจนพูดไม่ออก ที่เห็นภรรยารักเขาเห็นใจเขาขนาดนี้ ฉันไม่แปลกใจเลยอีกเช่นกันที่เขาไปดังในฮอลลีวูดได้โดยยกย่องภรรยาว่าเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (ขณะที่เมื่อก่อนเขายกย่องแต่คุณแม่) โจวเหวินฟะไปที่ไหนจะให้เครดิตภรรยาคนนี้ตลอดมา คนที่ใกล้ชิดเขามักพูดเป็นเสียงเดียวว่าเขาปรึกษาหารือภรรยาในทุกเรื่องในฐานะผู้จัดการชีวิต ก็เพราะเขาค้นพบด้วยตัวเองแล้วว่า (จากปากคำของเขา) “ผู้หญิงคนนี้รักผมจริงๆ” การที่เราจะเข้าใจคนคนหนึ่งได้อย่างลึกซึ้ง เราต้องมีความ “เห็นอกเห็นใจ” ก่อน โดยที่ยังไม่ต้องคิดเลยว่าเราเข้าใจเขาหรือไม่ แค่เห็นใจ สงสารความทุกข์ยากของเขา อยากช่วยเหลือเขาให้พ้นทุกข์ และอยากให้เขามีความสุขก่อน แล้วความเข้าใจจะตามมาเองโดยอัตโนมัติ ไม่มีสายตาคู่ไหนที่ทำให้เราชื่นใจจนเปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิต มากเท่าการที่เห็นสายตาของคนที่มองเราด้วยความรัก แต่ไม่มีสายตาใดที่กินใจเราเท่ากับสายตาของคนรักที่เห็นใจเราอย่างลึกซึ้งอีกแล้ว เพราะคนเราทุกคนจะมากจะน้อยมีความกลัวอยู่ในหัวใจทั้งนั้น คือกลัวคนจะรู้จักตัวจริงของเราแล้วยอมรับเราไม่ได้ เรากลัวมากว่าเมื่อไหร่ที่เราผิดพลาดล้มเหลว เราจะถูกตำหนิ ถูกซ้ำเติม ถูกหัวเราะเยาะ หรือถูกทอดทิ้ง 4. รู้คุณค่าของคนรัก (Appreciation) ฉันชอบชื่อหนังสือเล่มล่าสุดของจอห์น เกรย์ เจ้าของหนังสือยอดฮิต “ผู้ชายมาจากดาวอังคาร และผู้หญิงมาจากดาวศุกร์” มาก เขาเปลี่ยนจากเจ้าพ่อวิชาความสัมพันธ์แบบฮาวทูจ๋า มาเป็นคนที่เข้าใจชีวิตมากขึ้น เขาเลยตั้งชื่อหนังสือที่เตือนสติคนได้ดีมาก Have What You Want and Want What You Have : มีสิ่งที่คุณต้องการ หรือต้องการในสิ่งที่คุณมี ปีนี้เป็นปีที่ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่า ความทุกข์ส่วนใหญ่ของฉันและคนทั่วไป นอกจากทุกข์เพราะ “เสียใจกับอดีตที่ล่วงไปแล้ว และกังวลในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง” แล้ว เรายังหาเรื่องทุกข์เพราะ “อยากได้ในสิ่งที่เราไม่มี” อีกด้วย เรามักเสียเวลาทั้งชีวิตไขว่คว้าหาสิ่งที่เราไม่มี เพื่อที่ว่าเมื่อได้มาแล้วเราเชื่อว่าเราจะเป็นสุขมาก หัวใจสำคัญของความสุขที่แท้จริงคือ “การรู้ซึ้งถึงคุณค่าของสิ่งที่เรามีในวันนี้” เราใช้ชีวิตแบบ “ไขว่คว้า” แต่ไม่เคยเริ่มต้นใช้ชีวิตแบบ “ขอบคุณ” เลย ชื่อหนังสือของจอห์น เกรย์ กระตุ้นเตือนให้ฉันหวนคิดถึงช่วงเวลาทุกข์ทนมืดมิดในอดีตว่าฉันทุกข์เพราะอะไร ฉันทุกข์เพราะเอาแต่จมอยู่กับความสูญเสียและความไม่มี จึงก่นตัดพ้อโชคชะตาว่าโหดร้ายกับฉันเหลือเกิน แต่...ฉันลืมไปจริงๆ ลืมไปสนิทเลยว่า... ฉันควรขอบคุณชีวิตทุกวัน ที่แม้ฉันเกิดมาไม่เคยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากพ่อแม่เลย ไม่เคยมีมรดกใดๆ ก็จริง แต่ฉันได้รับพรให้เกิดมาเป็นคนมีสติปัญญาสูง รู้จักคิดเป็น ซึ่งเป็นสมบัติมหาศาลกว่าตัวเงินมากนัก ฉันควรขอบคุณชีวิตทุกวัน ที่แม้ฉันล้มเหลวหรือผิดพลาด แต่ฉันได้รับพรให้เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียน จึงทำให้ศึกษาหาทางออกในข้อผิดพลาดนั้น แล้วแก้ไขเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ การรู้จัก “ซาบซึ้งในคุณค่า” ของคนรักจะทำให้ทุกวันที่คุณอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องห่วงว่า “แล้วเราจะเบื่อหน่ายกันไหม” “รักของเขาจะจืดจางลงไหม” แล้วเรายังจะไม่ต้องเสี่ยงกับการเก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ข้างในจนเป็นชนวนของการเลิกราแบบเลวๆ อีกด้วยค่ะ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ 4 พื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของชีวิตรัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook