รู้ได้ไงสามีมี “กิ๊ก”

รู้ได้ไงสามีมี “กิ๊ก”

รู้ได้ไงสามีมี “กิ๊ก”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พอเจอใครสักคนที่สามารถเติมเต็มตรงนี้ได้ มันก็เลยเป็นเรื่อง

วันนี้มีเรื่องเล่าให้กันฟังสนุกๆ แบบไม่ซีเรียสครับ แต่แค่ชื่อเรื่อง “ทำอย่างไรเมื่อสามีมีกิ๊ก” จะไม่ให้ซีเรียสก็คงจะเกินห้ามใจแล้วครับ

"กิ๊ก" ไม่ใช่ “ชู้”
ก่อนอื่นก็ต้องรู้จักคำว่า “กิ๊ก” เสียก่อน คำนี้เพิ่งมีใช้กันก็คงไม่เกินห้าปีนี้เองครับ ไม่รู้ว่ามนุษย์คนไหนในประเทศไทยเป็นคนบัญญัติขึ้น แต่ต้นตอดูเหมือนจะมาจากการวิจัยของนิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ นี่เองครับ ซึ่งได้ทำวิจัยเรื่อง “กิ๊ก…มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน” เขาบอกว่า “กิ๊ก” น่าจะย่อมาจากคำว่า “กุ๊กกิ๊ก” ซึ่งแปลว่า จู๋จี๋กัน กะหนุงกะหนิง จะพูดว่า “กุ๊กกิ๊ก” มันก็ยาวไป เรียกแบบวัยรุ่นหน่อยก็เลยเหลือแค่คำว่า “กิ๊ก” ก็เป็นอันรู้กัน

จะว่าไปแล้ว “กิ๊ก” ก็คือ ความรู้สึกที่เป็นมากกว่าเพื่อน มีความรู้สึกพิเศษ ผูกพันกันคิดถึงกัน แต่ก็ไม่ใช่แฟนกัน จะมีอะไรกันหรือเปล่าก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือไม่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ ไม่ได้อยากที่จะ ร่วมหอลงโรง อยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า ไม่ได้อยากอยู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้อยากนอนเตียงเดียวกัน แต่ถ้าเห็นหน้ากันทุกวันคุยกันนานๆ ก็คงดี ต่างจาก “ชู้” เพราะชู้นั้นมีความเป็นเจ้าของ ต้องการแย่งเอาเขามาเป็นของเราให้ได้ รู้อย่างนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย ยังไง กิ๊ก ก็ยังดีกว่า ชู้ ตั้งเยอะ แต่ก็ไม่แน่นะครับ เพราะอยู่กันไปอยู่กันมาก็เริ่มมีความรู้สึกผูกพันกันมากขึ้น จนความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ อยากอยู่ด้วยกันไปตลอดก็ย่อมอาจเกิดขึ้นได้ กิ๊กธรรมดาๆ ก็อาจเลื่อนขั้นกลายเป็นชู้ทีหลังก็ได้...ใครจะไปรู้

ทำไมต้องมี “กิ๊ก”
ชีวิตคู่ของแต่ละคนมันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนกันหมดเสมอไป บางคนก็ไม่รู้หรอกครับว่าตัวเองขาดอะไร แต่พอเจอใครสักคนที่สามารถเติมเต็มตรงนี้ได้ มันก็เลยเป็นเรื่อง ...ช่วงที่ผ่านมาก็มีหนังเกาหลีเรื่อง Full House สไตล์รักหวานแหวว มีประโยคเด็ดที่ว่า “ขอเพียงแต่...เราได้เจอกันก่อนหน้านี้...” เวลาพูดก็ต้องพยายามทำเสียงนุ่มๆ โรแมนติกเอาไว้หน่อย ช่วงหนังเรื่องนี้ฮิต ภาวะกิ๊กก็เลยระบาดกันอย่างหนัก รวมทั้งที่โรงพยาบาลของผมด้วย

ชีวิตของแต่ละคนมันก็มีอะไรแตกต่างกันตั้งเยอะ ปกติแล้วเมียที่บ้านที่ถือว่าเป็นคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ก็มักจะต้องเป็นคนที่เข้าใจกันมากที่สุด แต่เวลาอยู่ด้วยกันบางทีก็อาจมีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจกันบ้าง เมียที่บ้านก็เลยไม่ใช่คนที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่องเสมอไปครับ ภาระนี้ก็เลยต้องเป็นหน้าที่ของที่ชอบมาถูกที่ถูกเวลาซะทุกที เป็นใครสักคนที่เข้าใจ...กิ๊กนั่นเองครับ

ผู้ชายบางคนก็ชอบให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองนั้นแน่ เรื่องผู้หญิงไม่มีใครเจ๋งกว่าข้า มีความสุขกับการมีใครไว้หลบๆ ซ่อนๆ รู้สึกดีเป็นคนมีค่า เป็นคนของสังคมที่ใครๆ ต้องการ มองรอบๆ ตัวเราก็มักจะเจอคนอย่างนี้เยอะ ถึงจะแต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว แต่เดี๋ยวก็ไปกุ๊กกิ๊กกับคนนั้น จนเขาแต่งงานไปก็เปลี่ยนไปกุ๊กกิ๊กกับคนนี้ พวกนี้สงสัยน่าจะมีปมด้อยอะไรสักอย่างเป็นแน่แท้

ผู้ชายบางคนก็รู้สึกว่าตัวเองแก่ช้าแต่คนที่บ้านแก่เร็ว อยู่กันไปอยู่กันมาก็ซ้ำซากจำเจแต่ของเดิมๆ ส่วนกิ๊กคือความสดใส ซาบซ่า มีชีวิตชีวา แฮปปี้กระตู้วู้ ชุ่มชื่นหัวใจ น่าค้นหา สวีตหวานแหวว และความรู้สึกที่บรรยายไม่หมด นอกจากนี้ยังรู้สึกถึงความท้าทาย การได้คบหาคนหลากหลายรูปแบบ หลายรสชาติ ได้ทำอะไรที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจ แก้เหงา แก้เบื่อ แก้เซ็ง แต่จะให้ไปมีเมียน้อยเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่อยากจะรับผิดชอบ เดี๋ยวจะมาเรียกร้องนั่นนี่ให้ปวดหัว ต่างคนต่างอยู่สบายใจกว่า

รู้ได้ไงสามีมี “กิ๊ก”
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสามีมีกิ๊ก ... อันนี้ก็ขึ้นกับฝีมือล้วนๆ สามีเจ้าเล่ห์ก็จับยาก เมียช่างสังเกตหน่อยก็จับง่าย ลองดูข้อสังเกตกันง่ายๆ กันดีกว่าครับ

1. มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเห็นได้ชัด แต่ไหนแต่ไรที่ตัวอ้วนกลมลงพุง หัวยุ่งรุงรัง จะบอกยังไงให้ลดหุ่นลดพุงเสียบ้าง ท่านก็ยังเฉยมีความสุขกับการไปทำงาน แล้วก็กินๆนอนๆ อยู่มาวันนึงไม่รู้มีลูกฮึดอะไรขึ้นมา อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาวิ่งจ๊อกกิ้งแต่เช้ามืด ชาวบ้านชาวช่องตกใจกันหมด คุมน้ำหนักลดหุ่นจะดูเพรียว หน้าตาผมเผ้าทำซะหล่ออย่างกับคนละคน จากไม่เคยใส่น้ำหอม วันนี้ท่านก็ใส่น้ำหอม เดินตัวหอมฉุยไปเจ็ดแปดถนน รองเท้าปอนๆ ก็อุตส่าห์ลงทุนนั่งขัดซะมันวับ ถ้าเป็นอย่างนี้ค่อนข้างชัวร์ ไม่มีมั่วนิ่ม เขาเรียกว่ามันมี “Something wrong”

2. พฤติกรรมเปลี่ยนไป มีอาการชอบอยู่คนเดียว นั่งอมยิ้มบ้าง เหม่อลอยบ้าง ชอบอ่านหนังสือรักๆ ใคร่ๆ จากแต่เดิมที่อ่านแต่ขายหัวเราะ ชอบฟังเพลงรักหวานฉ่ำ อย่าง ปนัดดา เรืองวุฒิ ทั้งๆที่แต่ก่อนฟังแต่ไมเคิล แจ๊คสัน อยู่ก็มาบ้าดูแต่หนังเกาหลีอย่าง Full House ทั้งๆ ที่แต่ก่อนดูแต่หนังยิงกันเลือดท่วมจอ ชอบเขียนคำกลอน แอบเขียนอะไรเงียบๆอยู่คนเดียว พอเดินผ่านไปผ่านมาก็ทำแอบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้ก็ชัวร์เหมือนกัน เค้าเรียกว่า กำลัง “Fall in love”

3. เวลาที่หายไป แต่ก่อนยังมีเวลาพาลูกพาเมียไปดูหนัง ไปเที่ยวชายทะเล แต่ตอนนี้สิ ดูยุ่งไปหมด เดี๋ยวจะประชุม เดี๋ยวจะสัมมนา เดี๋ยวจะทำโอที เวลาที่อยู่เจอกันที่บ้านจะน้อยลง แล้วก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรที่ไหนด้วยสิ อาการนี้ต้องอาศัยการสำรวจอย่างละเอียดก็พอจะบอกได้ แต่ก็ต้องแอบๆดูหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวไก่ตื่นแล้วจะหาอะไรไม่เจอเลยวันหลัง

จับไต๋สามีมี “กิ๊ก”
* อันดับแรก เอาเสื้อมากางดูเลยว่ามีร่องรอยอะไรตรงไหนหรือเปล่า มีเส้นผมยาวๆที่ไม่ใช้ผมเราติดมาหรือเปล่า แล้วก็ดมดูด้วยอย่างตั้งใจ ดูว่ามีกลิ่นน้ำหอม กลิ่นสาบสาวแปลกปลอมติดมาด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่มีหลักฐาน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยมักจะปากแข็ง ไม่มีทางยอมรับอะไรง่ายๆหรอก แต่ถ้ามีหลักฐานดี ต้อนดีๆเดี๋ยวก็สารภาพเสียงอ่อยแล้วล่ะครับ

* โทรศัพท์เจ้าปัญหา.....จะมีอาการวุ่นวายเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถืออย่างเห็น ได้ชัด ปกติเวลาคุยโทรศัพท์ก็จะคุยได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน แต่วันดีคืนดี พอมีโทรศัพท์มาก็ดูลิงโลดผิดปกติเวลารับโทรศัพท์ก็จะเดินออกไปคุยกระซิบ กระซาบกันไกลๆ กลัวใครเขาจะได้ยิน บางทีต้องเดินออกไปคุยนอกบ้าน ไปคุยในห้องน้ำบ้าง แอบคุยตอนดึกๆบ้าง แล้วเวลาโทรไปหาก็จะสายไม่ว่าง หรือไม่ก็รับสายบ่อยผิดปกติ ตัวโทรศัพท์ก็จะเอาติดตัวไว้ตลอดเวลา ....เผลอเมื่อไหร่ ลองเปิดเช็คเบอร์ที่โทรเข้ามา เดี๋ยวก็ได้รู้เรื่อง

รู้แล้ว ทำไงดี
อันดับแรกก็ต้องเข้าใจไว้ก่อนว่าก็แค่มีกิ๊กเท่านั้นเอง มันไม่ได้มีอะไรเลวร้ายมากมาย ไม่มีอะไรที่ต้องแตกหักกันไปข้าง เพราะยังไงเมียก็ยังสำคัญกับชีวิตเขามากกว่ากิ๊ก แล้วมีกิ๊กก็ดีกว่ามีเมียน้อยตั้งเยอะ ....แล้วการมีกิ๊กก็เป็นการทดสอบความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจของสามีได้เป็น อย่างดี ถ้าเขามีกิ๊กก็แสดงว่าภูมิต้านทานต่อผู้หญิงยังต่ำ วันหลังก็ต้องระวังให้มากๆ เพราะคราวหน้าอาจเป็นมากกว่ากิ๊กก็ได้
ยิ่งถ้าเรารู้จักกิ๊กของสามีด้วยก็ยิ่งดี พยายามศึกษาดูเขาไว้ เพราะกิ๊กมักจะเป็นส่วนขาดที่บ้านใหญ่อย่างเราไม่มีให้เขา จนต้องไปหาเติมเต็มหาจากที่อื่น

หลากวิธีจัดการ“สามี”
การจัดการกับสามีก็มีหลากหลายรูปแบบแล้วแต่ราย หากสามีอยู่ในโอวาทดี ก็แค่หาโอกาสพูดกันตรงๆ ออกแรงว้ากนิดหน่อยก็คงกลับเนื้อกลับตัวได้ไม่ยาก แต่ในบางรายที่สามีเป็นประเภทพ่อปลาไหล หากจับไม่มั่น คั้นไม่ตาย ยังไงก็ทำไขสือ ไม่รู้ไม่ชี้ ก็คงต้องใช้แผนพิฆาตกิ๊กขั้นเด็ดขาด ออกงานสังคมกับสามีอย่าได้ขาด ทั้งงานแต่ง งานเลี้ยงของเพื่อนๆสามีทั้งหลายไปหมดทุกงาน ไม่มีการปล่อยออกไปวันแมนโชว์เด็ดขาดครับ เพราะตอนนั้นแหละที่กิ๊กจะมาแทนที่เรา

แล้วถ้าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักมักจี่กับเพื่อนๆของสามีเลย ตอนนี้ก็ต้องไปรู้จักเพื่อนๆฝูงเค้าให้หมด ตีสนิทเข้าไว้ เวลามีอะไรจะได้ไม่ตกข่าว แถมเพื่อนๆนี่แหละตัวดีที่คอยยุ คอยลุ้น คอยเชียร์ให้มีกิ๊ก รู้จักกันไว้ วันหลังจะได้เกรงใจกันบ้าง

สำคัญที่สุด แล้วต้องรอบคอบที่สุด ก็ตอนรบขั้นแตกหักกับกิ๊กนี่แหละ แต่ก็ต้องจำเอาไว้ก่อนว่า จริงๆแล้วกิ๊กไม่ได้น่ากลัวอะไร เพราะโดยมากกิ๊กก็ไม่ได้มีความผูกพันทางใจอะไรกันมากมาย แล้วกิ๊กก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากด้วย ดังนั้นก็ไม่ต้องบู๊หนักจนตายกันไปข้าง แค่คุยกันเบาๆก็พอ ผู้หญิงด้วยกันก็ต้องเข้าใจกันอยู่แล้ว แต่หากเราไปใส่อารมณ์ชี้หน้าด่ากันฉอดๆ อย่างนี้เป็นได้เรื่อง แทนที่หล่อนจะสงสารบางทีก็อยากเอาชนะ หรือโดนด่าซะเยอะก็เลยอยากแกล้งเอามันก็มี

แล้วก็อย่าลืมไปว่า การที่สามีไปมีกิ๊ก สะท้อนให้เห็นว่าตัวเราเองยังมีอะไรที่ไม่สมบูรณ์แบบตามความต้องการของสามี เพราะ กิ๊ก คือส่วนที่เติมเต็มตรงนี้ให้เขา ตรงนี้นี่แหละที่เรายังไม่มี พยายามเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส สามียังมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปตั้งเยอะแยะ ..ทำไมเราจะทำไม่ได้บ้าง.....พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจากเตียง ไปออกวิ่งออกกำลังกาย ลดหุ่นให้ดูสวยเพรียวที่สุด สนใจดูแลตัวเอง ตัดผม ตัดชุดใหม่ๆ ทำให้เขาตกใจบ้างว่ามีอะไรเกิดขึ้น...แล้วเราก็ไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษ เรียนคอมพิวเตอร์อะไรก็ได้ แล้วกลับมาเล่าให้เขาฟังบ่อยๆว่า เพื่อนๆชมว่าดูดีจัง นึกว่ายังไม่มีสามีนะเนี่ย ผู้ชายน่ะถ้าไม่มีเรื่องอะไรที่มันสุดๆจริงๆจะกลัวเสียของรักที่สุด การเปลี่ยนแปลงตัวคุณเองเล็กๆน้อยๆแค่นี้ก็อาจจะช่วยอะไรได้ตั้งเยอะ

อย่าลืม ให้เวลากับครอบครัวมากๆ สร้างครอบครัวให้แข็งแรง แล้วไม่ต้องไปแคร์อะไร ปล่อยให้พวกกิ๊กอกหักกันไปเองครับ.....

ข้อมูลจาก : ModernMom

รูปจาก : stockPhoto

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook