อภัยภูเบศร เดย์ สปา จาก หญ้ารีแพร์ สู่ธุรกิจพัฒนาแพทย์แผนไทย

อภัยภูเบศร เดย์ สปา จาก หญ้ารีแพร์ สู่ธุรกิจพัฒนาแพทย์แผนไทย

อภัยภูเบศร เดย์ สปา จาก หญ้ารีแพร์ สู่ธุรกิจพัฒนาแพทย์แผนไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โดย น้ำหวาน ฉิมหลวง
ที่มา นสพ.มติชน

ถึงวันนี้ถ้าพูดถึง "หญ้ารีแพร์" หรือ "หญ้าฮี๋ยุ่ม" ไม่มีใครไม่รู้จัก ด้วย สรรพคุณช่วย "คืนความสาว" ทำให้ "ฮี๋ยุ่ม" กลายเป็นสมุนไพรในฝันของหญิงสาวทั่วประเทศชั่วข้ามคืน ซึ่งนอกจากคุณสมบัติช่วยให้มดลูกเข้าอู่และช่วยกระชับช่องคลอดได้อย่างทันใจ ยังช่วยลดการอักเสบ บวม สมานแผล

หญ้ารีแพร์เป็นพืชตระกูลเดียวกับ ไผ่ ลำต้นมีลักษณะตรงขึ้นเป็นข้อ คล้ายกับกิ่งไผ่ขนาดเล็ก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ใบมีขนาดกว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร ยาว 6.5-15 เซนติเมตร ส่วนของใบจะมีเส้นใบเป็นลายทางชัดเจน มีขนขึ้นขอบใบโดยรอบ บางใบจะพบเป็นลอนเป็นคลื่นเล็กๆ ทั้งสองด้าน ส่วนของกิ่งจะแผ่ออกเป็นก้านสั้นๆ

หากลูบสัมผัสจากโคนใบถึงปลายใบจะมีความนุ่มลื่น แต่ถ้าลูบย้อนกลับมาจะรู้สึกสาก นี่คือวิธีสังเกตง่ายๆ ของต้นหญ้ารีแพร์

ตลอด เวลาที่ผ่านมา พืชชนิดนี้ขึ้นอยู่ตามพื้นดินตามสวนป่าทั่วไป หลายคนคิดแค่ว่าเป็นเพียงวัชพืชที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากมักจะเห็นขึ้นปะปนอยู่ร่วมกับวัชพืชชนิดอื่นตามพื้นดิน จนกระทั่งกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยได้ออกมาบอกถึงสรรพคุณหญ้าชนิดนี้

ล่า สุดที่งานเปิดตัว "อภัยภูเบศร เดย์ สปา" ที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี มีการเปิดตัวสปาที่รวบรวมองค์ความรู้แผนไทยและภูมิปัญญาพื้นบ้านที่เน้น เรื่องการปรับสมดุลร่างกาย มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์จาก "หญ้าฮี๋ยุ่มหรือหญ้ารีแพร์" ไม่ว่าจะเป็น สเปรย์หญ้ารีแพร์ ใช้ฉีดเพื่อกระชับผิว คืนความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น กระชับใบหน้า, ชาชงหญ้ายุ่ม สำหรับชงดื่มคืนความกระชับ แก้ปวดเมื่อย สมานแผล รวมไปถึงเครื่องสำอางจากหญ้ารีแพร์ ที่เตรียมพัฒนาเข้าสู่ธุรกิจสปาไทย

ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ออกมาไขข้อกระจ่างใจเกี่ยวกับหญ้ารีแพร์ให้ฟังว่า

"หญ้ารีแพร์ หรือ หญ้าฮี๋ยุ่มที่ภาษาชาวบ้านเรียก เป็นยาบำรุงเส้น เอ็น เยื่อบุตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ให้ความชุ่มชื้น ผู้หญิงถ้าช่องคลอดแห้ง หากได้รับประทานหญ้าตัวนี้ก็จะมีความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่ไม่ค่อยได้รับการเปิดเผย เป็นความจำเป็นที่ผู้หญิงสมัยก่อนบอกกัน แต่ความรู้นี้ไม่ค่อยได้รับการบันทึก เนื่องจากอยู่ในวิถีชีวิตและผู้หญิงไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ แต่ในปีนี้หญ้าตัวนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ถือได้ว่าเป็นการประกาศอิสรภาพของผู้หญิง"

"ในสมัยก่อนมีการใช้หญ้า รีแพร์ที่หลากหลาย ถ้าในช่วงที่ผู้หญิงคลอดต้องการความเข้มข้น ต้องใช้ตั้งแต่การต้มอาบ ต้มแช่ กินใบอ่อนของหญ้ารีแพร์ด้วย โดยนำมานึ่งกิน แต่ถ้าต้องการการซ่อมแซมที่เยอะก็ต้องอบรมควันและแช่ด้วย การรมควันก็ใช้ 2 อย่างคือใช้แบบหญ้าแดดเดียวกับหญ้าแห้ง ถ้าหญ้าแห้งต้องใส่กระบอกไม้ไผ่เพื่อให้เกิดควัน ภูมิปัญญาสมัยก่อนจะใช้ควันหรือไฟอ่อนๆ และย่างให้เป็นหญ้าแดดเดียว ใช้ถ่านที่เป็นไม้ผุให้ได้ความร้อนอ่อนๆ อยู่ไฟประมาณ 10-15 นาที ช่วยลดอาการอักเสบ และช่วยให้มดลูกเข้าอู่ หากต้องการยกกระชับช่องคลอด

สมัย ใหม่มีการพัฒนามาใช้ไฟ UV แต่มีข้อเสียที่ว่าบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงจะดำ เพราะต้องถ่างขาและใช้แสงยูวีถ่ายลงไป แต่ในการกินทั่วไปก็สามารถกินเพื่อให้ผิวพรรณสดใสเต่งตึงได้เช่นกัน ชาวบ้านในปราจีนบุรีนิยมรับประทานมาตั้งแต่เด็กๆ จนอายุ 60 กว่าปีก็ยังดูสาวไม่แก่ตามวัย เพราะฉะนั้น จะมีการกินแบบไม่ต้องป่วยก็ได้" ดร.ภญ.สุภาภรณ์บอกและว่า

หญิง หลังคลอดจำเป็นต้องฟื้นตัวหลังคลอดอย่างรวดเร็ว หญิงสมัยก่อนมีลูกเยอะเพราะใช้สมุนไพร หญ้าชนิดนี้เมื่อก่อนชาวบ้านมักนำมาใช้ต้มอาบ ต้มรมควัน ต้มดื่มหลังคลอด จากประสบการณ์ของผู้ใช้ได้ผลดี มีประสิทธิภาพ มีรสขม ช่วยขับปัสสาวะ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เข้าอู่เร็ว ทำให้เส้นเอ็นของกระดูกแข็งแรง เนื้อเยื่อของปอดแข็งแรง

ที่สำคัญคือ เป็นสมุนไพรที่หาได้ง่าย และหากนำมาปรุงแต่งให้เหมาะสม เราก็จะได้เรียนรู้สรรพคุณของสมุนไพร และจะได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

"หญ้ารีแพร์ประกอบด้วยซิลิกา ที่เป็นสารตั้งต้นของคอลลาเจนทำให้มีความกระชับมากขึ้น เราได้มีการสกัดเป็นสเปรย์มาใช้ฉีดบำรุง ถือเป็นนวัตกรรมจากภูมิปัญญา และตอนนี้ที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยได้มีการวิจัยเพิ่มเติม อภัยภูเบศรก็จะนำความรู้จากภูมิปัญญาปู่ย่าตายายมาพัฒนา ที่ผ่านมาเราคิดเสมอว่าเราไม่ใช่เจ้าของ แต่เราเน้นเอาไปใช้ประโยชน์"

สำหรับ กระแสความนิยมหญ้ารีแพร์ตอนนี้ หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมบอกว่าถือเป็นเรื่องดี ทางโรงพยาบาลอภัยภูเบศรได้พยายามฟื้นฟูให้ชาวบ้านหันกลับมาหาการใช้สมุนไพร มากขึ้น เพราะจะทำให้สามารถพึ่งตนเองได้ ปลูกเอง ต้มกินเอง หรือเอามาทำสดๆ กินก็ได้

จากชื่อเสียงอันโด่งดังของสรรพคุณที่ช่วยคืนความสาวของ หญ้ารีแพร์นี่เอง ทำให้กลายเป็นของมีค่าถึงขนาดมีการลักลอบขโมยขุดไปขายกันจนเป็นข่าวครึกโครม ด้วยราคาที่พุ่งสูงกิโลละหลายร้อยบาท และเป็นที่ต้องการอย่างมาก

ดร.ภญ.สุ ภาภรณ์บอกว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไร ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่อยากมีรายได้ มันเหมือนการสร้างเศรษฐกิจให้กับชาวบ้าน ที่สามารถเพิ่มรายได้จากสิ่งที่มีอยู่แล้วตามพื้นดินให้กลายเป็นของมีค่า เพราะเพิ่งมีการประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่เชื่อว่าหญ้ารีแพร์ตัวนี้จะไปได้ดี ตลอดการทำงานที่ผ่านมาถ้ามีคนมาบอกจะไม่เชื่อทีเดียว เราจะดูที่ว่าใครบอกเรา บอกกี่คน มันปลอดภัยไหมและนำมาศึกษา ทดลองหลายขั้นตอนจนมั่นใจแล้วจึงประกาศให้ผู้คนทั่วไปรับรู้

ในอนาคต อาจพัฒนาเป็นสมุนไพรที่สำคัญ ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาเป็นยาอบ ยาอาบ และเป็นน้ำยาบ้วนปาก ใช้ในทุกส่วนของร่างกายเพื่อให้ผิวพรรณยืดหยุ่น เต่งตึง เราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยอย่างหนึ่ง เพราะมีการใช้กันอย่างกว้างขวาง สมัยก่อนเรามีข้อจำกัดแค่การใช้ในผู้หญิงที่คลอดลูกอยู่ไฟ แต่ปัจจุบันเรามีโรงพยาบาล มีนวัตกรรมที่ทันสมัย ข้อจำกัดเหล่านั้นก็ถูกทำลายลง สามารถที่จะพัฒนามาใช้ได้ในทุกเพศทุกวัย และสมุนไพรเองก็ดูแลทุกเพศทุกวัยมาตั้งแต่ในอดีต

"จากการทำงานที่ ต่อเนื่องของอภัยภูเบศร ทำให้สมุนไพรที่ไม่เป็นที่รู้จักได้กลับเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสลดพังพอนตัวเมียในการรักษาเริม งูสวัด เพชรสังฆาตในการรักษาริดสีดวง หมามุ่ยที่ทุกคนไม่คิดว่าเมล็ดมันสามารถที่จะบำรุงกำลัง รากสามสิบที่ถูกนำมาพัฒนาสู่อาหารในด้านต่างๆ รวมถึงยาต่างๆ ด้วยความที่เชื่อมั่นว่าแผ่นดินนี้ยังมีอะไรที่เรายังไม่รู้และเป็นสิ่งที่ ปู่ย่าตายายเราสั่งสมไว้ ที่จะนำมาสู่การดูแลสุขภาพของผู้คน นำไปสู่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ นวัตกรรม ให้อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่เรามี"

เพื่อว่าเราจะได้ไม่ต้องไปยืมจมูกคนอื่นหายใจ แต่สามารถดูแลสุขภาพให้มีคุณภาพชีวิตได้ด้วยสิ่งที่เรามี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook