เมื่อแมลง หรือ สิ่งแปลกปลอมเข้าหู...ควรและไม่ควรทำอย่างไร?

เมื่อแมลง หรือ สิ่งแปลกปลอมเข้าหู...ควรและไม่ควรทำอย่างไร?

เมื่อแมลง หรือ สิ่งแปลกปลอมเข้าหู...ควรและไม่ควรทำอย่างไร?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อแมลงหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าหู
คอลัมน์ คลินิกหู คอ จมูก

การที่หูของเรามีรูหูเป็นช่องลึกเข้าไปด้านใน ทำให้มีโอกาสที่สิ่งแปลกปลอมจะหลุดเข้าไปได้ ตามธรรมชาติรูหูจะมีความลึก สิ้นสุดที่แผ่นเยื่อแก้วหูยาวประมาณ 3 - 4 ซม. ส่วนรูหูของเด็ก ความยาวของท่อจะสั้นลงตามอายุ รูหูนี้ค่อนข้างคดเคี้ยวเป็นรูปตัวเอส (S) ไม่ได้เป็นท่อตรงๆ ทำให้สิ่งแปลกปลอมยิ่งเข้าไปอยู่ลึกเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเอาออกยากมากขึ้น ที่สำคัญ ยิ่งลึกประสาทความรู้สึกเจ็บปวดจะมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นกลไกตามธรรมชาติที่มีไว้เพื่อป้องกันอันตรายต่อแผ่นเยื่อแก้วหู ที่พร้อมจะฉีกขาด เป็นรอยทะลุได้อย่างง่ายดาย

และนี่ก็เป็นอุปสรรคสำคัญ เมื่อสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก การเอาสิ่งแปลกปลอมออกจะทำให้คนไข้เจ็บปวด และไม่ร่วมมือ โดยเฉพาะเด็กเล็ก บางครั้งความยุ่งยาก อาจถึงขั้นนำไปสู่การต้องดมยาสลบ เพื่อคีบเอาสิ่งแปลกปลอมออก สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดในการเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากรูหู คือต้องระวังอย่าให้เป็นอันตรายต่อแผ่นเยื่อแก้วหู เพราะถ้าเกิดทะลุแล้ว ความยุ่งยากจะตามมาอีกอย่างมากมาย คนไข้อาจจะมีอาการหูอื้อ การได้ยินเสียงลดลงและสุดท้ายอาจต้องผ่าตัดปะแก้วหู จึงต้องระวัง

เราสามารถแบ่งสิ่งแปลกปลอมได้ 2 ชนิด คือ สิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น ลูกปัดพลาสติก เศษของเล่นชิ้นเล็กๆ ยางลบ เมล็ดพืช สำลี ที่เกิดจากหัวไม้พันสำลีหลุดจากแกน เศษผม ฯลฯ กับสิ่งที่มีชีวิต เช่น แมลงตัวเล็กๆ ได้แก่ มด เห็บ แมลงหวี่ มดมีปีก หรือแมลงสาบ เป็นต้น ทั้ง 2 ชนิดนี้ จะทำให้เกิดอาการไม่เหมือนกัน การรักษาก็จะแตกต่างกัน

อาการที่พบเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู คือ ถ้าเป็นสิ่งไม่มีชีวิต อาการจะไม่รุนแรง ขึ้นอยู่กับขนาด รูปร่างลักษณะ และความลึกที่สิ่งแปลกปลอมอยู่ เช่น รู้สึกแน่นๆ รำคาญในรูหู ถ้าขนาดใหญ่ก็จะอุดรูหู ทำให้ได้ยินเสียงลดลง หูอื้อ มีเสียงดังในหู ถ้าเป็นเศษผมที่เข้าไปติดอยู่ใกล้เยื่อแก้วหูก็จะเกิดเสียงดังคอกแคลก เวลาที่สั่นหรือเคลื่อนไหวศีรษะ

ในผู้ป่วยที่เป็นเด็ก อาการเหล่านี้ เด็กจะไม่สามารถบอกกับพ่อแม่ได้ พ่อแม่ต้องคอยสังเกต ถ้าเป็นเศษเมล็ดพืช เช่น ข้าวโพด สิ่งแปลกปลอมชนิดนี้สามารถเกิดการเน่าเสีย ก็จะทำให้มีกลิ่นเน่าเหม็นออกมาจากหู ร่วมกับการอักเสบของหูชั้นนอก มีน้ำไหลจากหู และเกิดการปวดขึ้นมาได้ ส่วนสิ่งที่มีชีวิต จะเกิดอาการปวดขึ้นมาทันที ผู้ป่วยจะได้ยินเสียงการบิน หรือเดินของแมลงในหู ยิ่งถ้าแมลงตัวใหญ่เดินหรือดิ้นไปมาใกล้แก้วหู จะปวดทรมานสุดบรรยาย

การรักษา คือ การเอาสิ่งแปลกปลอมออกโดยไม่ทำอันตรายต่อแผ่นเยื่อแก้วหู โดยแพทย์หู คอ จมูก จะมีเครื่องมือหลายชนิด เช่น เครื่องดูด, ตะขอขนาดเล็ก,ห่วงขนาดเล็ก, ปากคีบขนาดเล็กพิเศษ พร้อมเครื่องส่องขยายภาพรูหูที่มีแสงไฟส่องสว่างอย่างชัดเจน ฯลฯ แพทย์หู คอ จมูก แต่ละท่านจะเลือกใช้เครื่องมือแตกต่างกันไปตามความถนัด และตามรูปทรงหรือขนาดของสิ่งแปลกปลอมที่ต้องการเอาออก แต่สิ่งที่ท่านสามารถทำได้ ก่อนมาหาแพทย์ คือ

กรณีที่เป็นแมลง

- ถ้าเป็นตัวแมลงตัวเล็ก อาจจะหลอกล่อให้ออกมาได้เอง โดยให้เข้าไปในที่มืด เช่น ปิดไฟห้อง เอาผ้าห่มคลุมโปง แล้วใช้ไฟฉาย ส่งเข้าไปในรูหู แมลงเห็นแสงไฟ อาจจะออกมาได้เอง ลองรอสัก 5 - 10 นาที

- แต่ถ้าวิธีแรกไม่ได้ผล หรือแมลงกำลังดิ้นอยู่ เราต้องทำให้แมลงสงบนิ่งหรือตายเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ปวด โดยให้ผู้ป่วยนอนตะแคงเอาหูข้างที่มีแมลงขึ้น แล้วใช้หลอดกาแฟ หยอดน้ำมันชนิดที่สามารถรับประทานได้ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันพืช หรือถ้าดีที่สุดคือยาหยอดหูชนิดใดก็ได้ที่มีไว้ประจำบ้าน หยอดเข้าไปในรูหูทีละน้อย ให้รู้สึกว่ายาหรือน้ำมัน ค่อยๆ ไหลเข้าสู่ภายในรูหู อย่าเทพรวดทีเดียว เพราะอาจจะไม่เข้าไปภายในรูเนื่องจากถูกอากาศในรูหูดันเอาไว้ ใส่จนเต็มเอ่อรูหู จากนั้นรอให้แมลงจมน้ำตาย จะรู้สึกได้ว่าแมลงดิ้นน้อยลงจนสงบนิ่งในที่สุด ท่านต้องใจเย็น ๆ รอประมาณ 15 -30 นาที อย่ารีบเทน้ำมันออก เพราะมีแมลงบางชนิด นิ่งแต่ยังไม่ตาย สามารถดิ้นต่อหลังเราเทน้ำมันออกไปได้อีก หลังจากนั้นค่อยไปให้แพทย์หู คอ จมูกส่องตรวจหรือคีบออกในภายหลัง

กรณีเป็นสิ่งไม่มีชีวิต

- ถ้าส่องไฟแล้วเห็นชัดเจน เป็นสิ่งที่คีบออกได้ อยู่ไม่ลึก เช่น เศษสำลี เศษผ้า ผม ก็ให้เอาที่คีบดึงขนชนิดปากเล็ก คีบออกได้

- ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมใหญ่ อยู่ตื้นๆ ท่านสามารถเอาออกเองได้ โดยใช้เครื่องมือที่ต้องสามารถสอดเข้าไประหว่างผนังรูหูและสิ่งแปลกปลอม เช่น ไม้แคะหูที่มีลักษณะปากแปแป หรือกิ๊บดำหนีบผม เพื่อให้เครื่องมือเข้าไปอยู่ด้านหลังของสิ่งแปลกปลอม แล้วค่อยๆ ลากหรือแคะสิ่งแปลกปลอมออกมาภายนอก ห้ามใช้ไม้แคะหูหรือปากคีบจับวัสดุที่ลื่นกลม เพราะจะยิ่งทำให้สิ่งแปลกปลอมนั้น ลงลึกไปเรื่อยๆ ถ้าสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก แสงไฟส่องเห็นไม่ชัดเจนหรือเครื่องมือไม่พร้อม ไม่แน่ใจ โปรดอย่าพยายามทำอะไร เพราะจะยิ่งกลับไปซ้ำเติมในการเอาออก ให้ยากมากยิ่งขึ้น จนเรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะครับ ผมขอบอก

ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.istockphoto.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook