เซ็กซี่ ซู่ซ่า สาวฮิต ซิกแพค หุ่นปัง ที่อาจไม่มีความสุข

เซ็กซี่ ซู่ซ่า สาวฮิต ซิกแพค หุ่นปัง ที่อาจไม่มีความสุข

เซ็กซี่ ซู่ซ่า สาวฮิต ซิกแพค หุ่นปัง ที่อาจไม่มีความสุข
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฮิตกันเหลือเกิ๊นตอนนี้ กับ "ซิกแพค" หน้าท้องลอนๆ เซ็กซี่ ซู่ซ่า

ยิ่งได้เห็นเหล่าดารา นางแบบ เซเลบริตี้ชื่อดัง อัพรูปลงไอจีโชว์หุ่นเป๊ะเว่อร์อวดลอนบนหน้าท้อง ทั้ง ชมพู่-อารยา เอ. ฮาร์เก็ต, เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ แล้ว ก็ชวนให้ "ตาลุกวาว" เกิดอินสปายอยากมี "หุ่นแซ่บๆ" แบบนี้บ้าง ไปสรรหาสารพัดวิธีที่เนรมิตให้หน้าท้องป่องๆ ฟิตแอนด์เฟิร์มเป็นลอนๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรับประทานอาหารหรือออกกำลังกาย

ก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่สาวๆ หันมาใส่ใจสุขภาพ ถ้า...หนทางที่จะไปสู่การมีซิกแพคนั้นทำอย่างถูกต้อง แต่ถ้าทำ "วิธีผิด" ก็อาจจะมีผลเสียตามมาได้

"โค้ชเป้ง" สาธิก ธนะทักษ์ เจ้าของฟิตเนสและพิธีกรรายการ ข.ขยับ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวถึงเทรนด์ฮิตในขณะนี้ว่า

"นับเป็นเรื่องดีที่ผู้หญิงหันมาดูแลสุขภาพ แต่ไม่อยากให้เอาซิกแพคเป็นตัวตั้ง เพราะการที่ผู้หญิงจะเห็นซิกแพคได้ ต้องค่อนข้างผอม มันไม่ใช่ภาวะปกติ แต่เป็นภาวะที่ร่างกายมีไขมันน้อยเกินไป อาจจะทำให้ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมน จิตใจ อารมณ์ได้"

ที่เป็นเช่นนี้ โค้ชเป้งอธิบายว่า ปกติผู้หญิงมีไขมันมากกว่าผู้ชาย ผู้ชายมีไขมัน 20 เปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงมี 30 เปอร์เซ็นต์

"คนเราจะเริ่มเห็นซิกแพคได้ ต้องมีไขมันต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ จุดที่ดีที่สุดคือ 12 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้น ปริมาณไขมันของผู้ชายจาก 20 ลงมาเป็น 12 เปอร์เซ็นต์ ยังถือว่าไม่เท่าไหร่ แต่ผู้หญิงจาก 30 ลงมาเหลือ 12 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าค่อนข้างลำบาก การที่เราจะลดไขมันขนาดนั้น เราต้องควบคุมอาหารเป็นระยะเวลายาวนาน อาจทำให้ลำบากต่อชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบหลายๆ อย่างได้"

อีกทั้งซิกแพคจะมีง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับรูปร่างของคนคนนั้นด้วย คนที่มีรูปร่างผอมอยู่แล้ว หรือมีลักษณะเป็นนักกีฬา สัดส่วนมีกล้ามเนื้อเยอะ โอกาสที่จะมีซิกแพคก็ง่าย แต่คนที่มีไขมันหน้าท้องเยอะก็อาจจะยากหน่อย ผู้หญิงต้องรู้ข้อจำกัดของตัวเอง

"นักกีฬา นักวิ่ง นักเพาะกาย ที่เราเห็นซิกแพค จริงๆ เขาจะมีก็เฉพาะช่วงแข่งขัน เพราะต้องควบคุมอาหาร ฝึกหนัก แต่พอแข่งเสร็จเขาก็ปล่อยกลับมากินปกติ เพราะเขาไม่สามารถเครียดได้ตลอดชีวิต"

ดังนั้น ใครที่อยากมีซิกแพค โค้ชเป้งย้ำว่า ให้ตั้งมายเซตใหม่ ให้โฟกัสไปที่สุขภาพก่อน แล้วให้ซิกแพคถือเป็นผลพลอยได้ อย่าไปโฟกัสแต่ลดหน้าท้อง ซิตอัพ 10 ท่า 20 นาทีอย่างเดียว

"การลดน้ำหนักวิธีง่ายที่สุดคือ ต้องกินให้ครบมื้อครบหมู่ ลดของหวาน มัน เค็ม ไม่จำเป็นต้องลดแป้ง และอย่าอดอาหาร ส่วนการออกกำลังกาย ก็ให้เน้นไปที่สร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน โดยเน้นเวทเทรนนิ่งซึ่งเป็นการออกกำลังกายโดยใช้แรงต้าน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรง อาทิตย์ละ 2 ครั้ง โดยในหนึ่งครั้งให้ออกกำลังกายให้ครอบคลุมทุกกล้ามเนื้อ และอย่าลืมออกกำลังกายแบบคาดิโอ อาทิ วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน สัปดาห์ละ 150 นาทีด้วย"

ทั้งนี้ โค้ชเป้งแนะนำท่าออกกำลังกายที่สามารถสร้างหุ่นให้ "เฟิร์ม" ได้ทั้งตัว เป็นท่าเบสิก 4 ท่าที่ใช้กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนในร่างกาย ประกอบด้วย ท่าวิดพื้น (push-up), ท่าสควอต (squat), ท่าสะพาน (Bridge) และท่าวาย เรส (Y raise) โดยทั้ง 4 ท่านี้เป็นการออกกำลังกายที่ไม่เน้นหน้าท้องเลย

"เพียง 4 ท่านี้ เพียงพอให้มีสุขภาพและหุ่นที่ดีได้ โดยปรับความหนักให้เหมาะสมกับตัวเอง การมีซิกแพคไม่ต้องฝึกท่าหน้าท้องเลย ไม่ต้องมีซิตอัพ เพียงสร้างกล้ามเนื้อตรงอื่นให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก หลัง ต้นขา สะโพก พอกล้ามเนื้อพวกนี้มีมากขึ้น เผาผลาญไขมันดีขึ้น ชั้นไขมันก็บางลง เราก็จะเห็นซิกแพคเอง"

กระนั้น โค้ชเป้งบอกว่า อย่าคาดหวังว่าซิกแพคจะเห็นชัดเป็นลอนๆ เด่นเป็นสง่ามาแต่ไกล "ผู้หญิงไม่ได้เป็นอย่างนั้น" แต่จะเห็นเป็นเงาๆ เท่านั้น

"ส่วนมากที่เราเห็นซิกแพคของดารานางแบบ จะเป็นการจัดแสง บิดตัว ถ่ายรูปมาแชะเดียว เป็นเพียงเสี้ยว เพียงมุมเดียว อย่าไปเอาภาพรวมตรงนั้นมาเป็นมาตรฐานให้ตัวเอง ไม่อย่างนั้นเราจะเครียด"

สุดท้าย โค้ชเป้งฝากไว้ว่า การออกกำลังกายอยากให้โฟกัสสุขภาพก่อน เรื่องหุ่นเป็นผลพลอยได้ เพราะถ้าเอาหุ่นตั้งเราจะเครียด เราจะไม่มีความสุข จะรู้สึกว่าทำไมไม่ได้ผลสักที แต่เอาสุขภาพตั้ง เราจะมีแต่วิธีที่มันดี มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่พอแขนเล็ก ขาเล็ก สะโพกเฟิร์ม เราก็จะรู้สึกดี แต่ถ้าเอาหุ่นตั้งแต่แรก ไม่ทันใจ ผ่านไป 1 อาทิตย์ 2 อาทิตย์ก็เลิก

"อะไรที่ทำแล้วไม่มีความสุขอย่าทำ เพราะการดูแลตัวเองต้องทำตลอดชีวิต"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook