เข้มแข็งเกินเด็ก น้องซีดี กฤตไน กับ 1 ในล้านคนที่เป็น โรคน่ากลัว โมยาโมยา

เข้มแข็งเกินเด็ก น้องซีดี กฤตไน กับ 1 ในล้านคนที่เป็น โรคน่ากลัว โมยาโมยา

เข้มแข็งเกินเด็ก น้องซีดี กฤตไน กับ 1 ในล้านคนที่เป็น โรคน่ากลัว โมยาโมยา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Sanook! Women พาไปอัพเดทเรื่องราวของนักแสดงเด็กใจสู้ ผู้เข้มแข็งเกินวัย "น้องซีดี กฤตไน เลาหปราสาท" อายุ 12 ปี ที่ป่วยเป็น "โรคโมยาโมยา" โรคที่เกิดขึ้นบริเวณสมอง ซึ่งโรคนี้มีโอกาสเป็นแค่ 1 ในล้านคนเท่านั้นค่ะ

"น้องซีดี" เป็นนักแสดงเด็ก ที่มีความสามารถ ผ่านงานละครมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น แม่ดอกรักเร่, ตุ๊กแกรักแป้งมาก หรือ เทวดาฟันน้ำนม น้องเป็นเด็กน่ารัก อ้วนท้วน จ่ำม่ำ ดูสมบูรณ์ แต่ล่าสุดก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดเมื่อ เฟซบุ๊ก "ซีดีกฤตไน เลาหปราสาท" และ อินสตาแกรม cd_kittanai ได้โพสต์ภาพและข้อมูลอัพเดทของ "น้องซีดี" ว่ากำลังป่วย "โรคโมยาโมยา" อยู่

อาการล่าสุดของ "น้องซีดี" ถูกอัพเดทโดยคุณแม่ ผ่านโลกโซเชียลว่า

27/8/58 วันนี้แม่ดาวมาถึงหน้าห้อง ICU ตอน 9 โมงเช้า เห็นทีมคุณหมอกำลังเข้าไปตรวจน้องซีดี คุณหมอบอกอาการน้องทำตามคำสั่ง ได้ดีมาก อาจออกจาก ICU ได้เร็ว ตอนนี้กำลังรอ ทำ sacan สมองอีกรอบ นับเป็นข่าวที่น่ายินดี จากที่คุณหมอบอก น้องอาจฟื้นตัวช้ากว่าคนอื่น เพราะน้องมีโรคประจำตัวคือ ระบบทางเดินหายใจ คุณแม่มั่นใจว่า กำลังใจที่น้องได้รับ มีส่วนช่วยให้น้องฟื้นเร็ว

ที่สำคัญน้องมี สติ สมาธิดีมากๆ ไม่มีอาการ ต่อต้าน ตื่นกลัว ให้ความร่วมมือในการรักษาทุกอย่าง เจ็บปวดก็อดทน พยาบาลใน icu บอกน้องเก่งมาก ตอนจะใส่แพมเพิส ขณะยังใส่เครื่องช่วยหายใจ น้องก็ขยับก้นช่วย โดนมัดมือก็ไม่ดิ้น แค่ขยับนิ้วบอกอยากให้แก้มัด พยาบาลก็ถามจะไม่ดิ้นใช่ไหม จะได้แก้มัดให้ น้องพยักหน้ารับ เดี๋ยวผลเอ็กซเรย์ ออกมาแม่จะแจ้งความคืบหน้าอีกที ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งมาให้ มีผลต่อการผ่าตัดครั้งนี้มาก

อัพเดท 26/8/58 น้องเข้าห้องผ่าตัด เวลา 9.00 ออกจากห้องผ่าตัดเข้า ICU เวลา 15.00 น. หมอเฝ้าดูอาการให้ครบ 24 ชม. การสนองตอบน้องค่อนข้างไปทางที่ดี แม่แอบเห็น น้องมีน้ำตาไหล ลงมาทางหางตาทั้งสองข้าง

ขอนำภาพเก่า มาประกอบแคปชั่น เมื่อเช้า พยาบาลอนุญาติให้แม่เข้าไปส่งน้อง ในห้องผ่าตัด พอได้เวลา 9.00 หมอวิสัญญีมาเข็ญน้องเข้าห้องผ่าตัด 5 แม่ก้มไปบอกน้องว่า สู้ๆๆ นะลูก ซีดีตอบแม่กลับว่า หนูสู้ๆอยู่แล้ว แม่น่ะแหละอย่าร้องไห้ แล้วน้องก็ถูกเข็ญเข้าห้องผ่าตัด


อัพเดท 26/8/58 เมื่อคืนเริ่มงดน้ำ อาหารเวลา 3 ทุ่ม เช้านี้เวลา 5.00 พยาบาลมาพ่นยาขยายหลอดลมแก้หอบ วัดความดัน คุณแม่ปลุกน้องอาบน้ำแต่น้องยังไม่อยาก ตื่น พยาบาลเลยแจ้งว่า รอให้คุณหมอมาโกนผมก่อน ค่อยอาบน้ำ ประมาณ 6 โมงเช้าจะมีทีมคุณหมอศัลมาโกนผม แล้วใช้ปากกาวาดตำแหน่งที่จะผ่าบริเวณเหนือใบหู ด้านซ้าย เสร็จอาบน้ำสระหัวด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออีกรอบ เสร็จแล้วเปิดเส้นให้น้ำเกลือ ฉีดยาแก้แพ้ ฉีดสเตียรอยด์ 8 โมงเช้าเจ้าหน้าที่จะพาไปห้องผ่าตัด

คุณหมอแจ้งว่าให้คิวผ่าเป็นคนแรก การผ่าตัดครั้งนี้ จะมีทีมแพทย์โรคเกี่ยวทางเดินหายใจอยู่ด้วย เพราะน้องมีปัญหาระบบทางเดินหายใจมีโรคประจำตัวคือ ไซนัส หอบหืด เมื่อวานเย็นคุณหมอหลายๆ ทีมก็เข้ามาตรวจความพร้อม มาให้รายละเอียดเยอะมากมาย น้องแสดงอาการออกคือ อารมณ์ดีมาก คุณหมอถามว่ากลัวไหม น้องบอก*ไม่กลัวอยากให้ถึงเวลาเช้าเร็วๆอยากให้ผ่าจะได้จบ*

คนอื่นอาจจะมองว่าน้องเก่งไม่กลัว แต่คนเป็นแม่ดูออกว่าน้องเริ่มเป็นกังวล แต่ปิดบัง เพราะเวลาอยู่ตามลำพังน้องจะนอนเงียบๆ ไม่ลั่ลล้าเหมือนเวลามีคนมาเยอะๆ เมื่อคืนน้องนอนละเมอหลายครั้ง พูดๆ เหมือนเพ้อ แล้วลุกขื้นมานั่ง แม่ก็เฝ้าดูและจับมือบอก นอนซะนะๆ แล้วลูบหัว จับให้เค้านอนลง เป็นแบบนี้เกือบทั้งคืน ทำให้แม่งีบหลับได้แปบเดียว หลังจากลงไปห้องผ่าตัด คุณแม่ งดรับโทรศัพท์ เพราะต้องการใช้สมาธิจะส่งกำลังใจไปถึงน้อง ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งมาให้มากมาย สารภาพตรงๆ ขณะนั่งเฝ้ามองน้องนอนหลับ อยู่ๆ น้ำตาแห่งความเป็นแม่สงสารลูกมันก็ไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว


25/8/58 อัพเดทการรักษาโมยาโมยา เมื่อวาน เวลา 8.30 คุณหมอพาน้องเข้าห้องฉีดสี เพื่อทำการเปิดหลอดเลือดตรงขาหนีบ แล้วสอดอุปกรณ์เข้าไปจนถึงต้นคอ แล้วฉีดสีเข้าไป เพื่อดูหลอดเลือดที่จะเชื่อม ต่อไปที่สมอง ใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นประมาณสาม ชม..ผลการฉีดสีคุณหมอบอกเป็นที่พอใจ หลังจากถอดท่อหายใจออก น้องหายใจเองได้เริ่มรู้สึกตัวเจ้าหน้าที่พาน้องออกมาส่งที่ห้องพักผู้ป่วย หมอให้นอนราบ ห้ามลุกไปไหน ห้ามงอขาด้านที่เจาะหลอดเลือดตั้งแต่เที่ยงวันถึงสองทุ่ม เพราะกลัวว่าถ้าขยับเดี๋ยวจะมีเลือดออกภายในจะอันตราย

ระหว่างนั้นพยาบาลเฝ้าดูค่าออกซิเจนในเลือดไม่ให้ต่ำกว่าระดับ น้องยังสลึมสลือ หลับมากกว่า จนถึงเวลาประมาณบ่ายสองน้องลืมตาตื่นบอกหิว คุณแม่ป้อนน้ำเปล่า ข้าวต้มให้กิน น้องกินด้วยความหิว แปบเดียวก็หลับต่อบอกเวียนหัว ไม่มีอาการบ่นเจ็บแผลที่เปิด หลับและอยู่นิ่งบนเตียง จนถึงเวลาที่หมอให้ขยับได้ ทีมหมอรังสีประสาทวิทยาเข้ามาตรวจดูว่าเลือดหยุดได้ดี ก็ให้พยาบาลเอาผ้าที่อุดปากแผลกันเลือดไหลออกได้ตอนสองทุ่ม น้องดีใจจะได้ลุกเดิน แต่ยังมีอาการเวียนหัวต้องมีคนประคอง

วันนี้ 25 สค..คุณหมอให้พักเต็มที่ เตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดใหญ่ เชื่อมต่อหลอดเลือดไปที่สมองในวันพรุ่งนี้ 26/8/58 ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆ ที่นำของเยี่ยมมาฝาก เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ป่วยยิ้มหน้าบาน เขาบอกไม่เหงาแล้ว และหลังผ่าตัดหนูต้องรีบฟื้นมาเล่น ของพวกนี้ต่อ กำลังใจดีๆ ของทุกคน และทีมคุณหมอที่รักษาน้อง แม่มั่นใจน้องต้องปลอดในการผ่าตัดสมองครั้งนี้ แม้จะแอบกังวลเรื่องอาการแทรกซ้อนบ้างเรื่องระบบทางเดินหายใจของซีดี

อรุณสวัสดิ์ 24/8/58 เช้านี้ตื่นก่อน 6โมงเช้า แปรงฟันอาบน้ำสระผมด้วย น้ำยาฆ่าเชื้อ เสร็จแล้วพี่พยาบาลมาพาไปเจาะเลือดเปิดเส้นให้น้ำเกลือ ฉีดยาสเตียร์รอย ฉีดยาแก้แพ้ ระหว่างเดิน หนูมีอาการเซไปทางด้านขวาพี่พยาบาลสองคนเลยต้องเดินจูงประกบสองคน ระหว่างนี้ รอเวลา 8 โมงเช้า พ่นยาแก้หอบ แล้วมีรถจากตึกพระเทพมารับเพื่อไปทำหัตถการ ในการฉีดสี (มีเสียงพูดเบาๆ ว่าสาธุขออย่าใส่ท่อหายใจหนูเลย หนูกลัวกลืนน้ำลายไม่ได้ )มีของเล่นแก้เหงา ระหว่างรอ เจ้าหน้าที่มารับ

อัพเดท การเข้าแอดมิทวันนี้ 23/8/58 เวลา 8.00 ยื่นใบนัดนอน รพ..เช็คข้อมูลเสร็จ คุณแม่พาน้องนั่งรถเข็ญไปเอ็กซเรย์ปอด ชั้น 2 เสร็จแล้วพาน้องไปเจาะเลือดชั้น 1 เสร็จแล้ว กลับขื้นมายื่นบัตรเพื่อรอฟังห้อง ช่วงนี้แอบแว็ปมาหาพี่ๆสื่อที่แวะมาหาช่วงเช้า เสร็จแล้ว รับใบจองห้องขื้นห้องผู้ป่วย อาคาร 1 ชั้น 9 ศัลยกรรมเด็ก คุณหมอวิสัญญีให้คำแนะนำเตรียมความพร้อม คุณหมอศัลยกรรมให้คำแนะนำ คุณหมอเด็กให้คำแนะนำ
ช่วงบ่ายพี่ๆ สื่อ พี่ๆ เพื่อนๆ นักแสดง เข้าเยี่ยม เวลา 18.50 อาบน้ำสระผมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วร่างกาย
สองทุ่มเตรียมตัว อดน้ำ อาหาร เช้า 24 สค..8.30 น.. พบหมอวิสัญญีเตรียมวางยาสลบ พบหมอรังสีประสาทวิทยาทำการ เปิดหลอดเลือดเพื่อฉีดสี แล้วจะคอยอัพเดทความคืบหน้าวันพรุ่งนี้ /// วันนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ #เหนื่อยมากมาย #โรคโมยาโมยา #moyamoya #cd_kittanai ( งดรับบริจาคเลือดแล้วคร๊าบบบบ ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกๆท่านครับ)

 

ขอขอบพระคุณในน้ำใจ กัลญาณมิตรทั้งหลายที่ช่วย โพส@แชร์ อาการป่วยของน้องซีดี จาก โรคโมยาโมยา ตอนนี้มีผู้ใจดีอาสาเข้าไปบริจาคเลือดให้น้องเยอะมาก คนไทยน้ำใจงาม แต่ได้สอบถามผู้รู้แล้วบอกว่าเลือดที่บริจาคมา แม้จะเกินที่น้องซีดีใช้ สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยอื่นได้ด้วย ตรงนี้จะได้เป็น อานิสงฆ์ผลบุญ ให้น้องซีดีด้วย ครอบครัวน้องซีดี ขอขอบพระคุณผู้มีจิตเมตตาทุกท่าน จากใจ น้องซีดีบอกว่า หลังผ่าตัด หนูจะรีบฟื้น ให้เร็วที่สุด #กำลังใจของแม่กลับมาแล้วจากเพื่อนคนไทยด้วยกัน #moyamoya #cd_kittanai


 
 
ข้างต้นเป็นการอัพเดทอาการของน้อง "น้องซีดี" แบบละเอียดจากคุณแม่ จะเห็นได้ว่าสภาพจิตใจน้องแข็งเแกร่ง และพร้อมสู้มากๆ โรคนี้แค่ ฟังชื่อ ก็แปลกไม่คุ้นหูแล้ว แต่ความน่ากลัวนั้นมีมากกว่าอีกค่ะ Sanook! Women จะพาไปทำความรู้จัก "โรคโมยาโมยา" กัน

เขียนโดย ผศ.พญ.รวีรัตน์ สิชฌรังษี

โรคโมยาโมยาเป็นโรคที่พบน้อยมากในประเทศไทย คาดว่าจะพบ 1 รายในประชากรหนึ่งล้านคน แต่พบได้บ่อยกว่าในประเทศญี่ปุ่น คือประมาณ 3 คนต่อประชากร 100,000 คน พบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ช่วงอายุที่พบบ่อยคือ ในเด็กช่วงอายุ 10 ปีแรก มักในผู้หญิงมากกว่าในผู้ชาย

โรคโมยาโมยาคืออะไร?
โรคโมยาโมยาเป็นโรคที่เกิดจากการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง ตรงบริเวณ Circle of Willis ซึ่งเป็นเส้นเลือดแดงบริเวณใต้สมองที่มาหล่อเลี้ยงสมองและก้านสมอง ชื่อโรค “โมยาโมยา” เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า กลุ่มควันบุหรี่ เพราะจากการตรวจภาพของหลอดเลือดสมองด้วยการฉีดสีดูเส้นเลือดของผู้ป่วยจะพบเส้นเลือดเส้นเล็กๆ ที่ผิดปกติซึ่งมาช่วยเลี้ยงสมองแทนหลอดเลือดที่เกิดการอุดตันเป็นลักษณะคล้ายกลุ่มควันบุหรี่อยู่รอบๆ เส้นเลือดแดงที่มีการอุดตัน

อะไรเป็นสาเหตุหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคโมยาโมยา?
สาเหตุของโรคโมยาโมยานี้ยังไม่ทราบได้แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางพันธุกรรม ปัจจุบันมีการศึกษาพบตำแหน่งของยีนบนโครโมโซมที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคแล้ว นอกจากนี้พบว่าปัจจัยทางด้านความผิดปกติของภูมิคุ้มกันอาจเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค และมีโรคบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับโรคโมยาโมยา ได้แก่ โรคไทรอยด์เป็นพิษ, กลุ่มอาการดาวน์, โรคติดเชื้อวัณโรค

กลไกการเกิดโรคโมยาโมยาเป็นอย่างไร?
กลไกการเกิดโรคโมยาโมยานี้คือ มีการหนาตัวของกล้ามเนื้อเรียบในผนังหลอดเลือดสมองเกิดขึ้นผิดปกติตรงบริเวณ Circle of Willis ทำให้ค่อยๆ มีการตีบของหลอดเลือดจนหลอดเลือดอุดตัน จึงต้องมีหลอดเลือดขนาดเล็กๆ ข้างเคียงมาช่วยเลี้ยงสมองที่ขาดเลือดนี้ แต่ถ้าปริมาณเลือดเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ก็จะเกิดภาวะสมองขาดเลือด นอกจากนั้น หลอดเลือดข้างเคียงหรือหลอดเลือดที่ตีบ ก็อาจเกิดการโป่งพองของผนังหลอดเลือด ทำให้มีโอกาสเกิดการแตกของผนังหลอดเลือดที่โป่งพอง ส่งผลให้มีเลือดออกในสมองได้

โรคโมยาโมยามีอาการอย่างไร?
ผู้ป่วยโรคโมยาโมยาอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการของโรคหลอดเลือดสมองทั้งสมองขาดเลือดหรือเลือดออกในสมอง เช่น ในผู้ใหญ่และเด็กโตอาจมาด้วยอาการ ปวดศีรษะ, ความจำลดลง, ชัก, มีการเคลื่อนไหวร่างกายผิดปกติ ในเด็กเล็กอาจร้องกวนผิดปกติ หรือซึมลง ไม่ค่อยดูดนมหรือเล่น

คุณหมอสามารถวินิจฉัยโรคโมยาโมยาได้อย่างไร?
เมื่อผู้ป่วยมาพบคุณหมอด้วยอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ดังกล่าวข้างต้น คุณหมอจะสอบถามประวัติอาการต่างๆ ตรวจร่างกายระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบประสาท มีพบความผิดปกติที่น่าสงสัยก็จะส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองซึ่งอาจพบว่าจะมีลักษณะของสมองขาดเลือด หรือเลือดออกในสมอง แล้วคุณหมอก็จะส่งตรวจภาพของหลอดเลือดสมองเพิ่มเติมด้วยการฉีดสี ซึ่งจะพบลักษณะจำเพาะ คือ หลอดเลือดที่ใต้สมองมีลักษณะคล้ายกลุ่มควันบุหรี่

การรักษาโรคโมยาโมยาทำได้อย่างไร?
การรักษาโรคโมยาโมยา ทำได้ด้วยการผ่าตัดเชื่อมต่อหลอดเลือดสมองระหว่างหลอดเลือดสมองที่อุดตันกับหลอดเลือดสมองที่ปกติ เพื่อแก้ปัญหาการอุดตันของหลอดเลือด การใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพื่อป้องกันการตีบตันของหลอดเลือดสมอง

การพยากรณ์โรคของโรคโมยาโมยาเป็นอย่างไร?
ผู้ป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่เสียชีวิตเนื่องจากภาวะเลือดออกในสมอง โดยทั่วไปโอกาสเสียชีวิตในผู้ป่วยเด็กมีประมาณ 4.3% และผู้ใหญ่ประมาณ 10% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะและความรุนแรงของเลือดที่ออกในสมอง รวมถึงการเกิดเลือดออกซ้ำๆ และจากภาวะแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดสมอง

แม้จะเป็นเพียง 1 ในล้านคนเท่านั้นที่เป็น "โรคโมยาโมยา" นี้ แต่ก็ควรศึกษาหาข้อมูลให้ดี และควรระวังป้องกันไว้ด้วยนะคะ โรคภัยสมัยนี้น่ากลัวกว่าที่คิด Sanook! Women ขอเป็นกำลังใจให้ "น้องซีดี" หายจากอาการป่วย กลับมาแข็งแรง สดใส เป็นเด็กร่าเริง เหมือนเดิมในเร็ววันค่ะ สู้ๆ ค่ะ^^

ขอบคุณข้อมูลประกอบ : http://th.theasianparent.com/โรคโมยาโมยา/, https://www.facebook.com/CDVIP
ขอบคุณภาพประกอบ : อินสตาแกรม cd_kittanai


อัพเดทเรื่องราวมากมายที่ผู้หญิงห้ามพลาดได้ที่  : อินสตาแกรม sanookwomen

อัลบั้มภาพ 35 ภาพ

อัลบั้มภาพ 35 ภาพ ของ เข้มแข็งเกินเด็ก น้องซีดี กฤตไน กับ 1 ในล้านคนที่เป็น โรคน่ากลัว โมยาโมยา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook