"จอประสาทตาเสื่อม" ภัยใกล้ตัวคนติดหน้าจอ”

"จอประสาทตาเสื่อม" ภัยใกล้ตัวคนติดหน้าจอ”

"จอประสาทตาเสื่อม" ภัยใกล้ตัวคนติดหน้าจอ”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"จอประสาทตาเสื่อม" ภัยใกล้ตัวคนติดหน้าจอ”

 

นับเป็นภัยใกล้ตัวที่มาแบบเงียบๆแต่อันตรายเหลือล้นกับโรค "จอประสาทตาเสื่อม" รู้หรือไม่ว่า ปกติแล้วโรคนี้จะเป็นโรคที่มักจะเกิดกับผู้มีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไปแต่ปัจจุบันกลับพบโรคนี้ในวัยหนุ่มสาวคนทำงานออฟฟิศกันมากขึ้นจนน่าตกใจ เพราะการใช้สายตาอย่างหนักบนสมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์gadgetต่างๆ ซึ่งจากผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตของในประเทศไทยในปี 2557โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  พบว่า คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตต่อสัปดาห์โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 7.2 ชั่วโมงต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆซึ่งพฤติกรรมการใช้ดวงตาอย่างหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเข้าก็จะทำให้เกิดปัญหากับดวงตาตามมา ซึ่งหลายๆคนอาจจะคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลหรือป้องกันดวงตาในตอนนี้ และยังคงมีพฤติกรรมเช่นเดิม ซึ่งก็จะยิ่งทำให้อาการสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ และมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ในที่สุด ทั้งๆที่ยังไม่ถึงวัยที่จะเกิดโรคนี้ก็ตาม

อาการที่พบเจอ

อาการเริ่มต้นอาจจะเริ่มจากมองเห็นภาพเบลอ เห็นเส้นตรงเป็นเส้นโค้ง หนักขึ้นอาจเริ่มมองเห็นภาพมีสีซีดจางไป อ่านหนังสือได้ลำบาก แยกแยะหน้าคนได้ยากหรือเห็นเป็นจุดดำที่บริเวณศูนย์กลางของภาพและถึงขั้นนี้จะต้องเข้ารับการรักษาโดยจักษุแพทย์ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม และอาจนำไปสู่การตาบอดได้ถ้าไม่รีบทำการรักษา

การป้องกัน

จากการที่เราๆ ท่านๆ ต้องทำงานเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์เวลานานๆ ก็มักจะเกิดอาการเกร็งตา ลืมกระพริบตา  แน่นอนพฤติกรรมเหล่านี้ย่อมมีผลเสียกับสุขภาพตา ซึ่งมักจะมีอาการปวดตาและเมื่อยล้าของนัยน์ตา หรือตาเบลอตามมา อาการแบบนี้ก็คงจะเคยเกิดกับผู้ที่ทำงานหรือใช้งานคอมพิวเตอร์ ฉะนั้นจึงขอแนะนำการป้องกันปัญหาสุขภาพจากการใช้คอมพิวเตอร์ ดังนี้ 

1. นั่งในท่าที่เหมาะสม และห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 20-30 นิ้ว

2. จอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 20-26 องศา

3. จัดเอกสารที่ต้องใช้ดูประกอบไว้ใกล้กับจอเครื่องคอมพิวเตอร์จะได้ลดการส่ายศีรษะไปมามาก และลดการเปลี่ยนระยะการดูของสายตาในระยะที่ต่างกันมาก

 

วิธีถนอมดวงตา

การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ นับเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้สุขภาพของดวงตาดีขึ้นและป้องกันการเสื่อมของดวงตา โดยเฉพาะอาหารประเภทผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ และจากการวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพสายตาในหลายๆ ประเทศพบว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อย่างบิลเบอร์รี่ แบลคเคอร์แรนต์ อะซาอิเบอร์รี่ ฯลฯ มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงม่วงจนไปถึงน้ำเงิน มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูงเมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่นๆ

ที่น่าสนใจคือสารแอนโธไซยานิน มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระทำอันตรายให้กับเลนส์ตาและสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างของกระจกตา (cornea) และเส้นเลือดฝอยในตา จึงช่วยป้องกันการเสื่อมของเลนส์รับภาพและจอประสาทตาจากการถูกทำลายรวมถึงช่วยทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในระบบเส้นเลือดฝอย ทำให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงที่ดวงตาได้ดีขึ้น

 

การทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน นานๆ โดยไม่พักสายตา ล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียหายให้กับดวงตาของเรา ฉะนั้นนัยน์ตาของคนเรานับว่ามีค่ายิ่งควรแก่การทนุถนอมไว้ โดยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมต้นเหตุ โดยใช้ดวงตาแต่พอดี หมั่นพักสายตาบ่อยๆ พักผ่อนให้เพียงพอควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอย่างผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ยิ่งปัจจุบันก็สะดวกสบายมากขึ้น เพราะมีผลไม้ตระกูลเบอร์รี่หลากชนิดในรูปแบบสกัดเข้มข้นก็จะช่วยถนอมดวงตาของเราให้ อยู่กับเราตราบนานเท่านานตลอดไป

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook