สเตลล่า มาลูกี้ นางเอกฟ้าทะลายโจร สูญเสียขาเพื่อแลกกับลมหายใจ

       ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว สำหรับเรื่องราวสุดสะเทือนใจของอดีตนางเอกฟ้าทะลายโจร คนสวย คนเก่งใจสู้คนนี้ 'สเตลล่า มาลูกกี้' ลูกครึ่งอิตาลี-โคลัมเบีย หลังจากที่เธอล้มป่วยด้วยโรคพาราไทรอยด์ จนต้องตัดขาทิ้งเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ สาเหตุเกิดจากแคลเซียมสูงผิดปกติในปอด ซึ่งโรคนี้มีแค่ 5 คนที่เป็น และเขาเป็นคนที่ 2 ที่รักษาจนหายได้

       ต่อมพาราไทรอยด์เป็นเหมือนโครงสร้างรถ คือมีหน้าที่ปรับสมดุลแคลเซียมในร่างกาย คือดึงแคลเซียมออกจากกระดูกมายังกระแสเลือด ดูดกลับแคลเซียมที่ท่อไตมาสู่กระแสเลือด รวมทั้งช่วยในการทำงานของวิตามินดีให้เป็นปกติ ซึ่งมีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ เพราะฉะนั้นหากมีฮอร์โมนพาราไทรอยด์มากเกิน ไป ระดับแคลเซียมในกระแสเลือดจะสูง เมื่อแคลเซียมในกระดูกถูกดึงออกมามากๆ กระดูกก็จะบางลง และเป็นโรคกระดูกพรุนในที่สุด และเมื่อแคลเซียมสูงมากๆ จะส่งผลต่อหัวใจ 

        สเตลล่า เล่าว่า ตอนที่ตั้งครรภ์ช่วงแรกเราไม่เคยมีอาการแพ้ท้องเลย จนประมาณ 5 เดือนก็เริ่มอาเจียนตลอด พอตั้งท้องถึง 8 เดือน น้ำหนักขึ้นแค่ 3 กิโลกรัม  จึงไปหาหมอตรวจดูก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ลองถามญาติๆตอนที่ท้อง เขาก็น้ำหนักขึ้นแค่ 5 กิโลกรัม เราก็คิดว่าเป็นปกติ จนเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2553 ได้คลอดลูกเองตามธรรมชาติ เลี้ยงลูกได้ 7 วัน หลังจากนั้นพอกินอาหารก็อาเจียนทันที เป็นแบบนี้ทุกมื้อ จนไปตรวจหมอบอกว่าเป็นแค่ปัสสาวะอักเสบ

 

        ต่อมาอาการก็เริ่มหนักขึ้น หมอเจาะเลือดปรากฏว่าแคลเซียมในร่างกายสูงมากผิดปกติ มีโอกาสหัวใจวายสูง ต้องส่งเข้าห้องไอซียูทันที พอเข้าไอซียูได้ 2 ช.ม. ปรากฏว่า ตับ ไต ปอด ไม่ทำงานแล้ว และเมื่อเข้าเครื่อง ซีทีสแกน ปรากฏว่าต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ เพราะคนปกติแค่ 2 ซ.ม. หมอบอกว่าต้องตัดทิ้ง แต่ร่างกายอ่อนแอมากไม่สามารถผ่าตัดได้ และแคลเซี่ยมในปอดยังสูงอีก ทำให้เกิดอาการน้ำท่วมปอด

 

       หมอบอกว่า มีวิธีรักษาอยู่ทางเดียวคือใช้เครื่องช่วยทำงานแทนหัวใจและปอด เพื่อให้ปอดได้พัก ซึ่งค่าใช้จ่ายเครื่องนี้ประมาณ 1 ล้านบาท และค่าใช้เครื่องอีกวันละ 1 แสนบาท ความเสี่ยงในการรักษาโรคนี้ อาจมีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดได้ แต่ทางบ้านเสี่ยงที่จะรักษาได้ด้วยวิธีนี้ และมีการวางแผนล่วงหน้าถ้าเราเสียชีวิต ว่าจะให้พี่ชายจะเอาลูกไปเลี้ยง    
 
     การใช้เครื่องช่วยทำงานแทนปอดและหัวใจ ต้องแทงเข็มไปที่เส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาขวา เพื่อต่อเข้าหัวใจ และปอด ตอนแรกอาการดีขึ้น พอใช้ได้แค่ 2 วัน ปรากฏว่าขาเริ่มบวมจนเหมือนจะปริแตกได้ หมอต้องกรีดเนื้อเพื่อเข้าไปนวดกล้ามเนื้อที่ขาก็ดีขึ้น แต่พอรุ่งขึ้นก็บวมใหม่ แต่คราวนี้เท้าเริ่มดำเริ่มจะเน่าแล้ว หมอกลัวว่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดได้  หมอจึงปรึกษาพ่อและสามีว่า ต้องตัดขาทิ้งไป เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด และเพื่อความปลอดภัยต้องตัดที่ต้นขาเลยถึงจะปลอดภัย ทางพ่อและสามีก็ยินดีทำตามที่หมอแนะนำ เพื่อรักษาชีวิตไว้

    หลังจากที่รักษาตัวจนหาย เมือได้สติรู้สึกตัวดีแล้ว สเตลล่า ก็ไม่สามารถพูดได้อยู่นาน แต่เมื่อหายดีแล้วเธอเล่าว่าเธอรู้สึกตัว มองและรู้สึกถึงบรรยากาศรอบๆ ข้าง และพี่ชายก็ได้เล่าทุกๆ อย่างให้เธอฟัง

    ด้วยกำลังใจที่ดี ทั้งจากครอบครัว สามีลูกตัวน้อย และคนรอบข้างที่ส่งมาให้กับเธอ เป็นแรงใจที่สำคัญที่ทำให้เธอสู้ที่จะใช้ชีวิตต่อ ทุกวันนี้เธอสามารถใช้ชีวิตทุกอย่างได้เหมือนปกติ ขับรถ ขี่จักรยาน เดินทำกิจกรรมต่างๆ การสูญเสียขาในการรักษาครั้งนี้ ได้ต่อชีวิตของเธอให้ได้กลับมาทำหน้าที่ของคำว่า 'แม่' และภรรยาที่ดี เพื่อครอบครัวที่อบอุ่น สมบูรณ์แบบอีกครั้ง