คุยหลังไมค์ “พี่อ้อย นภาพร” ดีเจผู้สรรสร้างคำคมความรัก

คุยหลังไมค์ “พี่อ้อย นภาพร” ดีเจผู้สรรสร้างคำคมความรัก

คุยหลังไมค์ “พี่อ้อย นภาพร” ดีเจผู้สรรสร้างคำคมความรัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อย่าคิดว่ามีความรักต้องมีความสุข คำธรรมะคำพระท่านยังบอกเลยว่าที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราคาดหวังว่ามีความรักแล้วต้องสุขเราจะใช้ชีวิตประมาทโดย

“พี่อ้อยเป็นคนชอบภาษาไทยมากค่ะเพราะพี่ว่าคำคล้องจองของภาษาไทยมันมีเสน่ห์อย่างเช่น อย่าอดทนกับคนที่ไม่คู่ควร เรื่องเศร้าแค่เล่าก็เบาลง บางคนไม่ต้องการคำตอบต้องการแค่คำปลอบ อย่ามัวแต่รอสิ่งที่ขาดจนพลาดสิ่งที่ตัวเองมีอยู่”

บทสนทนาเริ่มต้นขึ้นพร้อมการยกตัวอย่างถ้อยคำที่คมคายและโดนใจหลายต่อหลายครั้ง ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ผู้ฟังจะมีภาพจำว่า “ดีเจอ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล” แห่งคลื่น กรีนเวฟ 106.5 เป็น “กูรูความรัก” เพราะสามารถทำให้หัวใจและความรู้สึกของใครหลายคนที่เคยท้อแท้ สิ้นหวัง กลับมาแข็งแกร่ง

Sanook! Women จึงจะพาทุกคนไปรู้จักตัวตนและความคิดของ “ดีเจอ้อย นภาพร” และลองสังเกตว่าตลอดการพูดคุยคุณได้แง่คิดความรักดีๆ อะไรจากเธอบ้าง

จุดเริ่มต้นเส้นทางการเป็นดีเจของพี่อ้อยเป็นมาอย่างไร
พี่เรียนจบมาสายตรงมาก เรียนจบนิเทศฯ จุฬาฯ เอกวิทยุโทรทัศน์แปลว่าทำมาหากินอย่างอื่นไม่ได้แน่นอนเพราะเรียนจบมาทางนี้ ตอนเรียนจบก็เลยร้อนวิชา แน่นอนปีสามวิทยุเป็นชีวิตของฉันอยู่แล้ว ก็เลยอยากออกไปลองทีวีก่อน ทีวีคือทำงานเบื้องหลังก็สมัครบริษัททำทีวี ในที่สุดบริษัททำทีวีจะเรียกช้ากว่าบริษัททำวิทยุเสมอจนได้ทำรายการแรกคือรายการคลื่น Z 88.5

ปัจจุบันไม่มีแล้วทำได้ประมาณหนึ่งปี และเริ่มรู้สึกว่านโยบายบริษัทกับนโยบายเราไม่ตรงกันก็เลยออกมาสมัครบริษัททีวีก็คือบริษัท JSL ในขณะเดียวกันเพื่อนจัดรายการอยู่ที่นี่คือ พี่ไก่ สมพล พี่ไก่เลยบอกว่าทำเดโมมาหน่อยจะให้พี่ฉอดลองฟังดูก็เลยทำเดโมมาที่เอไทม์ด้วย ปรากฏว่าพี่ฉอดเรียกก็เลยได้เป็นดีเจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกจากงานดีเจจะมาจากสิ่งที่พี่อ้อยเรียนโดยตรงแล้ว จะบอกว่างานนี้ยังเป็นงานที่ซึมอยู่ในสายเลือดได้ไหม
ใช่ค่ะ อาจจะเป็นได้ว่าตอนเด็กๆ พี่มีชีวิตปากกัดตีนถีบ บ้านเราเป็นชนชั้นกลางทุกคนจะต้องช่วยกันทำมาหากิน คุณพ่อคุณแม่ค้าขายด้วย เรากับน้องๆ ก็ต้องช่วยกันด้วยความสุขเรียบง่ายราคาถูกสุดคือวิทยุ เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เราเข้าไปใกล้สิ่งนั้นมันจะเกิดคำถามว่า ฟังวิทยุทุกวันเลยถ้าฉันเป็นดีเจก็คงจะดีสินะ

มันก็เลยมีความใฝ่ฝันตั้งแต่ตอนนั้นว่าฉันอยากจัดรายการวิทยุ พี่เป็นคนโชคดีเพราะหาตัวเองเจอไว พอตั้งเข็มไว้ว่าอยาก เราจะนำพาตัวเองไปหาประสบการณ์เกี่ยวกับดีเจทำให้ไมค์กับเราอยู่ใกล้กันมากที่สุดค่ะ

เป็นดีเจที่แม้จะมีต้นทุนคือความฝันและความรักแต่เส้นทางเป็นดีเจก็ไม่ได้เรียบง่ายเลยใช่ไหมคะ
มีอุปสรรคค่ะ คือตอนที่เข้ามาทำที่เอไทม์ต้องบอกว่าดีเจที่นี่ดังหมด ดีเจ Hot Wave พี่ไก่ สมพล พี่จุ๋ม นพพร ป้าแต้ว ลาวัลย์ ป๋าเต็ด ยุทธนา ทุกคนดังหมดเลย ตอนที่เราเข้ามาเราเข้ามาในฐานะที่เอาน่ามันเป็นโอกาสก็เข้ามา พี่ฉอดเป็นคนที่เคี่ยวมากนะคะกว่าจะคัดดีเจแต่ละคนเข้ามาตอนที่บอกว่าพี่รับก็ได้เดือนนี้ไม่ต้องทำอะไรเข้ามาทำเดโมให้พี่ฟังทุกวัน พี่เดินทางจากพระประแดงไปที่สุขุมวิท39 เพื่อการทำเดโมรายการ ทำอย่างนี้ประมาณเดือนนึงพี่ฉอดก็คอมเมนท์มาตลอด

พอคอมเมนท์เสร็จปั๊บก็ได้ลองไปอยู่ที่สถานีสักเดือนนึงไม่ต้องทำอะไรให้นั่งดู 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ได้จัดดีเจครั้งแรกคือตี 1ถึงตี 3 พอเริ่มจัดคราวนี้มันก็จะรันไปเรื่อยๆ คือจัดแทน พี่จัดแทนน็อครอบมาแล้ว 24 ชั่วโมง เอาเก้าอี้ 2 ตัวต่อกันแล้วนอน ตี1 ถึงตี 3 ตี 4 ถึง 7 โมงเช้า 8โมงเช้าถึง 10 โมง 10 โมงถึงเที่ยง วนกลับมาแบบนี้เพราะตอนนั้นดีเจดังมากอย่างที่บอกพอดีเจดังสิ่งที่ตามมาคือทุกคนมีงานนอกเหมือนเป็นการส่งเสริมความดังของดีเจคลื่นเรา

เมื่อเป็นดีเจจัดแทนก็จัดเรื่อยๆ จนพี่ฉอดเดินเข้ามาบอก แกไม่ต้องเป็นคนดีขนาดนั้นก็ได้นะ ถ้าไม่ไหวก็ให้บอกแต่ตอนนั้นเรากลับคิดว่าเราเฝ้ารอการจัดรายการมาตั้งกี่เดือนถ้ามีโอกาสมาคว้าหมดค่ะ

อะไรคือจุดพลิกผันจากดีเจเปิดเพลงสู่การเป็นดีเจที่ปรึกษาความรักคู่หูพี่อ้อย-พี่ฉอดแห่งคลับ ฟราย์เดย์
จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นจัดรายการทั้งเช้าและเย็นวนไปแบบนี้อยู่ 9 ปี จนพี่เขามาบอกว่าไม่ได้แล้ว คาแรคเตอร์มันไม่ชัด พอมาถึงคลับ ฟรายเดย์มันเกิดตอนที่พี่ฉอดอยากทำรายการสักรายการนึงซึ่งตอนนั้นมันจะมีรายการประเภทออกมาเลยว่าคลื่นฉันดีเจพูดน้อย คลื่นฉันไม่มีโฆษณา ซึ่งมาจากการรีเสิร์ชเลยว่าคนไทยเบื่ออะไรมากที่สุดในวิทยุ แน่นอนค่ะหนึ่งโฆษณาสองดีเจ

แต่พี่ฉอดกลับพูดว่าไม่รู้สิพี่ว่าคนชอบคนคุยกันนะแต่อยู่ที่ว่าคนคุยอะไร EFM เลยทำรายการทอล์คโชว์ขึ้นมาคือแฉแต่เช้าแล้วกรีนเวฟจะทำอะไรดีล่ะซึ่งเราไม่อยากยุ่งเรื่องดาราเลยย้อนมาดูที่คนฟัง เวลาคนฟังโทรเข้ามาขอเพลงคนฟังมักจะพูดเสมอว่าพี่คะหนูขอเพลงไกลแค่ไหนคือใกล้หน่อยค่ะหนูแอบรักเพื่อนมาพักนึงแล้ว คนเรามักจะดึงเพลงกับชีวิตเรามาผูกกัน เราก็เลยคิดว่าเอาคาแรคเตอร์ของคนฟังมาเป็นทอล์คโชว์ที่กรีนเวฟดีกว่าคือคลับ ฟรายเดย์

เพราะฉะนั้นเราจะคุยกันเรื่องความรักต้องเป็นวันศุกร์เพราะว่าวันศุกร์เป็นวันที่เราไม่ต้องรีบนอน จึงจัดรายการเป็นตอนค่ำๆ ของวันศุกร์แล้วกัน เปิดสายเพื่อจะคุยกันในเรื่องของความรัก หลังจากนั้นก็จะมีการตั้งชื่อตอน เอาแรกๆ ยังจำได้ว่าชื่อตอนแรกคือรักเราเท่าเพลงไหน ซึ่งไม่นึกว่าจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้เป็นซีรี่ย์มานานถึง11 ปี อาจเป็นเพราะว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องของทุกคนค่ะ

หลายคนที่ฟังคลับ ฟรายเดย์รู้สึกว่าเวลาพี่อ้อยจัดรายการมักจะมีคำคมความรักเสมอตรงนี้พี่อ้อยไปเรียนรู้มาจากไหน
มันบอกไม่ถูกนะ มันมาจากการสั่งสม สังเกตและพี่เป็นคนชอบภาษาไทยมากเพราะพี่ว่าคำคล้องจองของภาษาไทยมันมีเสน่ห์มาก หลายครั้งที่พูดไปชอบประโยคเมื่อกี้เดี๋ยวขอไปจดก่อนเราไม่รู้เลยว่าเราจะสร้างประโยคอะไรขึ้นมาอย่างเช่น อย่าอดทนกับคนที่ไม่คู่ควร แต่ก่อนแต่ไรมาผู้ใหญ่จะบอกว่าอดทนนะความรักต้องอดทนแต่พอมาฟังหลายๆ คนในคลับ ฟรายเดย์ พี่รู้สึกว่าบางเรื่องหมดความอดทนไวมากเท่าไหร่ความสุขยิ่งมาไวมากเท่านั้น

หรืออย่าอดทนเพื่อใครจนใจร้ายกับตัวเอง มันอาจจะมากับการฟังคือหมายถึงฟังเรื่องก่อนคือพี่มีความรู้สึกว่าคลับ ฟรายเดย์มีเสน่ห์อย่างนึงคือพี่อยู่ข้างๆ แต่ไม่เข้าข้าง สมมติมีคนโทรเข้ามาการอยู่ข้างๆ คือความเข้าใจเรื่องบางเรื่องความรักมันใช้เหตุผลไม่ได้ คนฟังคลับ ฟรายเดย์ไม่ได้มีแต่เด็กพี่เรียนรู้เองว่าคนที่มีปัญหาความรักคือพวกที่วัยวุฒิพร้อม คุณวุฒิก็พร้อม กลายเป็นปัญหาความรักที่แก้ยากกว่าอีก เพราะเขารู้หมดแล้วเขารู้ว่าควรทำอย่างไร รู้หมดแล้วว่าทางออกคืออะไร เหลือแค่ข้อเดียวคือไม่ออก ใจมันไปไม่ได้เท่านั้นค่ะ

อะไรคือหัวใจสำคัญในความรักของพี่อ้อยที่ทำให้ชีวิตรักตัวเองมีความสุข
อาจจะเป็นเพราะชีวิตพี่เจออะไรที่มันยากมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ตอนเรียนมีความรักชีวิตคู่ก็ต้องอยู่กันไกลๆ ถ้าพี่เป็นคนที่คิดเหมือนคนอื่นว่าชีวิตพี่ทำไมต้องเจออะไรแบบนี้ใครจะตอบ ทุกคนมีทุกข์เป็นของตัวเองเราก็แค่อยู่ไกลกันแต่เราก็คุยกันเยอะมาก บางทีอาจจะเยอะมากกว่าบางคู่ที่เจอกันทุกวันแล้วไม่คุยด้วยซ้ำ

เราพยายามหามุมที่เราชื่นมื่นเป็นมุมที่สามารถทำให้เราสุขให้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่มีเช่นเดียวกันพี่ชอบประโยคหนึ่งว่าอย่ามัวแต่รอสิ่งที่ขาดจนพลาดสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ถามว่าสิ่งนั้นแปลว่าความรักสวยงามหรอพี่ว่าไม่ใช่ ความรักเป็นความรักของมันแบบนั้นเสื้อตัวนึงก็สวยดีแต่ข้างหลังมันมีรอยปะมันอยู่ที่ว่าคุณมองรอยปะหรือคุณจะมองว่าใส่เหอะสวย

ในฐานะที่เป็นดีเจให้คำปรึกษาเรื่องความรักเคยกลัวไหมถ้าตัวเองต้องตกม้าตายกับความรักบ้าง
ไม่เลย คือพี่ไม่ได้บอกว่าความรักของพี่ต้องสวยงามพี่บอกเสมอว่าเมื่อวานดีพรุ่งนี้ไม่รู้ เพราะฉะนั้นถ้าวันนึงมันจะเกิดอะไรไม่รู้ เราต้องยอมรับความพยายามอยู่ที่ไหนรักที่อยากได้อาจไม่ได้อยู่ที่นั่น ถ้าวันนึงพี่ยังเลือกเขาแต่เขาไม่เลือกพี่แล้วพี่ก็แค่คนธรรมดาคนนึง มันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปแค่ความรักของบางคนมันดับไวกว่าเรา หลายครั้งที่เราต้องจำให้แม่นการลืมอะไรง่ายเกินไปสุดท้ายน้องก็จะพาใจไปเจ็บกับเรื่องเดิมๆ เพราะน้องไม่จำนะคะ

อยากให้พี่อ้อยพูดถึงความรักของคนในปัจจุบันที่มักใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาบางครั้งถึงขั้นทำร้ายกันมากขึ้น
เราอยู่ใกล้กับอุปกรณ์ความว่องไวสูงมากจนบางครั้งรอไม่ได้ พี่คะหนูชอบเขามากบอกเลยได้ไหม แล้วถ้าเกิดบอกไปเขาไม่คิดแบบนั้นกับเราล่ะแต่อย่างน้อยหนูก็ได้บอก ไม่จริงหรอกลูกคนเราทุกคนเนี่ยะต่อให้ไม่บอกบางทีเขาอาจดูออกตั้งนานแล้ว แต่การที่หนูบอกเพียงเพราะว่าหนูอยากให้เขารับ แต่พี่บอกก่อนนะเขารับรู้แต่ไม่ได้แปลว่ารับรักนะ เพราะฉะนั้นถ้าบังเอิญว่าเกิดเขารับรู้แต่ไม่รักแล้วเขาถอยทิ้งห่างไปเลยน้องรับไหวไหมล่ะ

ถ้าน้องรับไหวลุยบอกเลย ปัญหายอดนิยมของคลับ ฟรายเดย์สมัยนี้คือการรักคนมีเจ้าของ บางคนพี่ถามว่าน้องไม่รู้หรอว่าเขามีเจ้าของแล้ว รู้ค่ะ แต่เห็นเขาบอกว่าเขาจะเลิกแล้ว เช่นเดียวกันน้องมีเหตุผลเต็มไปหมด ก็หนูรักเขาหนูรับได้ทุกอย่าง แล้วเมียเขาไม่รักเขาหรอลูก พี่ว่าเขารักเหมือนกันแหละ ใจเขาใจเรา วันนึงหนูมีคนของตัวเองแล้วมีคนมานั่งรอเวลาของแฟนหนู หนูแฮปปี้หรือเปล่าเพราะว่าเรามีภาพบางภาพว่าใครๆ เขาก็เป็นและเช่นเดียวกัน

การไปกรีดหน้าการไปทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ทำให้เราน่ารักขึ้นนะ ที่สำคัญคือเรารักตัวเองน้อยคุณลุกมาแทงเขา เขารักคุณมากขึ้นไหมก็ไม่ และสุดท้ายคุณก็ติดคุก นี่คือการกระทำที่ไม่รักตัวเองเท่าไหร่ และอย่าคิดว่ามีความรักต้องมีความสุข คำธรรมะคำพระท่านยังบอกเลยว่าที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราคาดหวังว่ามีความรักแล้วต้องสุขเราจะใช้ชีวิตประมาทอย่างที่พี่บอก ต่อให้ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกพี่ว่าสติต้องตามให้ทันหัวใจค่ะ

สุดท้ายแล้ว “คำคมของกูรูความรัก” อาจไม่ได้ช่วยนำทางความรักให้กับใครได้เลย ถ้าคนที่ตกอยู่ในห้วงแห่งรักนั้นยังคงใช้เพียงอารมณ์นำทางโดยขาดสติควบคุม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook