“ญาญ่า ญิ๋ง รฐา โพธิ์งาม” กับวิธีก้าวข้ามความทุกข์ด้วยความชิลล์

“ญาญ่า ญิ๋ง รฐา โพธิ์งาม” กับวิธีก้าวข้ามความทุกข์ด้วยความชิลล์

“ญาญ่า ญิ๋ง รฐา โพธิ์งาม” กับวิธีก้าวข้ามความทุกข์ด้วยความชิลล์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าคุณมีโอกาสได้เฝ้ามองชีวิตของศิลปินสาว “หญิง รฐา โพธิ์งาม” ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ คงพบว่าเธอแทบจะไม่มีข่าวคราวเสียหาย หรือภาพเชิงลบให้เราเห็นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะหลังเธอกลับกลายเป็นนักแสดงระดับพรีเมี่ยมที่มีผลงานในวงการบันเทิงหลากหลาย ซึ่งยังไม่นับรวมไปถึงบทบาทลูกสาวยอดกตัญญูช่วยปลดหนี้ให้คุณแม่น้อย โพธิ์งาม

จากเด็กผู้หญิงที่เริ่มต้นทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 16 ปี ก้าวผ่านเรื่องราวความสุข และความทุกข์จากการเป็นหนี้ อะไรทำให้ผู้หญิงคนนี้คิดที่จะสู้ คิดที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง Sanook! Women จึงขอค้นหาคำตอบจากชีวิตของเธอ

ตอนเด็กๆ คุณแม่เลี้ยงดู และปลูกฝังคุณในเรื่องใดเป็นพิเศษ
คุณแม่จะพาหญิงไปด้วยทุกที่ๆ คุณแม่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหลังเวที คาเฟ่ เบื้องหลังมิวสิควีดีโอ หลังกล้องละคร ก็จะเห็นการทำงานของคุณแม่ทุกอย่าง ที่แบบว่าทำงานเป็นชั่วโมงๆ พอเราเข้ามาอยู่วงการนี้เราเลยเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่เราคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรือท้อ มันกลายเป็นว่าเราได้เริ่ม Preschool ตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบเลยค่ะ และได้เห็นการทำงานของหลายๆ คน ไม่ใช่เฉพาะคุณแม่ ของนักแสดง ศิลปิน ดารา นักร้องคนอื่นเราก็เห็น มันก็เลยเหมือนว่าเราได้ศึกษาไปในตัว

เห็นคุณแม่และคุณลุง (ป๋าเทพ) เล่นตลกตามคาเฟ่ เป็นนักแสดงตลกมีชื่อ เคยคิดไหมว่าโตขึ้นมาอยากเป็นแบบพวกท่าน
จริงๆ หญิงเป็นคนตลกมากนะ แต่ว่าในยุคนี้มันคงไม่ได้มีสถานที่เป็นแบบคาเฟ่แล้ว ณ ตอนนี้ตั้งแต่มี ละครเวที ก็เริ่มมีละครซิทคอม ติดต่อมา เราก็ตอบ Say Yes ไปบางเรื่อง ที่รู้สึกว่ามันเป็นตัวเรา เราสนุก เพราะส่วนใหญ่ละครที่หญิงเล่นส่วนใหญ่จะเล่นเป็นตัวร้าย โกรธ เกลียด ร้องกรี๊ดกร๊าดอยู่ตลอดเวลา พอเป็นละครเวทีที่มันได้เป็นตัวเองก็จะง่าย แต่ว่าจะให้เก่งเหมือนคุณลุง คุณแม่ คงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ายุคนั้น เป็นยุคของตัวจริงกันจริงๆ คิดมุกสดไง อย่างเรายังต้องมีซ้อม มีอ่านบทค่ะ

ทำงานบันเทิงตั้งแต่เด็ก เคยคิดเสียดายชีวิตวัยรุ่นไหม
ไม่นะคะ หญิงรู้สึกว่า หญิงใช้ชีวิตค่อนข้างคุ้มนะ ถึงแม้ว่าทำงานตั้งแต่อายุ 16 แต่ว่าหญิงก็มีเพื่อนหลายกลุ่มมาก เคยไปเข้าค่ายต่างจังหวัดกับเพื่อน ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแก๊งเพื่อน คือหญิงเป็นคนที่ค่อนข้างแบ่งสรรเวลาค่อนข้างดี และก็ไม่ได้คิดว่า เฮ้ย! ทั้งหมดของชีวิตเราต้องทุ่มเทให้กับงานเพียงอย่างเดียว รู้สึกว่าสิ่งสำคัญของชีวิตเราต้องมีความสุขกับมันด้วย งานมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตก็จริง แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพื่อน ครอบครัว และตัวเราเอง ถ้าเรามัวแต่เอาเวลาไปยุ่งแต่กับการงานอย่างเดียว เราไม่มี Space ให้กับเรื่องอื่นในชีวิต อย่างนั้นหญิงจะเสียดาย ณ วันนั้น ถึงวันนี้ หญิงไม่เสียดายเลย เพราะว่าหญิงใช้ชีวิตค่อนข้างคุ้ม ได้ไปเที่ยว อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ อยากทำเพลงก็ได้ทำ อยากเล่นละครเรื่องนี้ก็ได้เล่น หญิงว่ามันก็เป็นความสนุก ตอนนี้ก็เลยเหมือนกับมีไทม์ไลน์ให้กับตัวเอง ทำงาน เก็บตังค์ สิ้นปีไปเที่ยว ให้ความสุขกับตัวเองแบบนี้ ต้องแบ่งเวลาให้ดี

ตลอดเวลาที่อยู่ในวงการบันเทิง คิดว่าสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือผลงานชิ้นไหน และชีวิตเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
จริงๆ ต้องปี 2013 หลายอย่างเลย เป็นปีที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์จันดารา ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด Only God Forgives และ การไปเดินพรมแดงเมืองคานส์ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตเรา คิดว่าน่าจะเป็นช่วงชีวิตในตอนนั้น ตอนนี้ก็เริ่มชิวๆ ละ มีความสุขกับการใช้ชีวิต ให้เวลากับตัวเองบ้าง ให้เวลากับครอบครัวบ้าง มีเวลาก็ไปแฮงก์เอาท์กับเพื่อนบ้าง เหมือนว่าตอนนั้นน่าจะพีคสุดแล้ว ทำงานแบบไม่คิดชีวิตเลยตอนนั้น

ช่วงที่เรามีชื่อเสียงมากๆ มีวิธีการรับมือกับความดังอย่างไรไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนลืมตัว
จริงๆ หญิงก็เป็นคนที่ชอบแต่งตัว ทุกคนที่ตาม IG จะรู้ แต่ว่าเราจะซื้อชิ้นใหญ่ๆ ให้ตัวเอง ปีนึงชิ้นนึง บางทีถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อเลย ชิ้นใหญ่อย่างเช่นอย่างวันเกิดเราทั้งที อยากได้นาฬิกาสักเรือนแล้วค่อยซื้อ คือจะมีเหตุและผลในการใช้เงินก้อนใหญ่ๆ หรือว่าจะซื้อรถหรือซื้ออะไรให้แม่ ซื้อให้แม่ก่อน ซื้อให้เราทีหลัง ในปีๆ นึงจะซื้อใหญ่ๆ แค่ชิ้นนึง แต่ในปีนี้ตั้งใจว่าจะไม่ซื้ออะไร (หัวเราะ) ปีที่แล้วหรือสองปีมาแล้วจะซื้อบ้าน ซื้อรถ แต่ปีนี้ตั้งใจว่าจะไม่ซื้ออะไร แต่ก็มีแวบๆ (หัวเราะ) ว่าอยากจะซื้อคอนโดอยู่เหมือนกันแต่ว่า ต้องขึ้นอยู่กับงานด้วยค่ะ หญิงจะชอบซื้อเป็นแบบอสังหาริมทรัพย์มากกว่า ถ้าซื้อเป็นสิ่งของก็จะซื้อเป็นชิ้นเล็กๆ

ทันทีที่รู้ว่าคุณแม่ มีหนี้สิ้นมากมาย ตอนนั้นคุณรู้สึกอย่างไร คิดเลยไหมว่าจะหาวิธีช่วยคุณแม่
ตอนนั้นเรายังไม่มีเวลาที่จะทำงานได้เยอะขนาดนั้น จะช่วยคุณแม่ในจุดที่เราช่วยได้ ตอนนั้นทำร้านอาหารก็จะช่วยเสิร์ฟ ช่วยร้องเพลง แต่หญิงว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่เวลา กว่าจะถึงวันนี้หญิงใช้เวลาเกือบ 9 ปีในการจัดการหนี้สินตรงนั้น แต่ถ้าเราตั้งใจว่าจะทำจริงๆ วันนึงมันก็จะหมดไปเอง ด้วยเหตุและผลมันจะสามารถเคลียร์และคลีคลายมันไปได้เอง หญิงเชื่อว่า 9 ปีนั้น เป็น 9 ปีที่เราได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลย และหลังจากนี้เราน่าจะมีความสุขกับชีวิตได้อีกยี่สิบ สามสิบปี

ช่วงที่คุณหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องหนี้ให้คุณแม่ คุณมีวิธีการอย่างไรไม่ให้เครียดและเป็นทุกข์
หญิงเป็นคนค่อนข้างโชคดีที่ไม่ค่อยยึดติดอยู่กับความทุกข์มากนัก ถ้ารู้ว่าทุกข์เราจะไม่เอาตัวเองเข้าไปกับทุกข์ จะมีความรู้สึกว่า เฮ้ย! เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ช่างมันเดี๋ยวมันก็เคลียร์ได้ แม่ก็จะชอบบอกว่าหญิงเป็นคนชิลล์ๆ ไม่ค่อยซีเรียสกับอะไร ดังนั้นอาจจะเป็นเพราะนิสัยแบบนี้มั้ง ทำให้เราไม่รู้สึกว่าจมปลักอยู่กับมัน มีความสุขกับทุกวัน มีเวลาดูแลตัวเอง มีเวลาไขว่คว้า ว่าตัวเองต้องการอะไร ชอบอะไร

ในช่วงที่คุณได้รับโอกาสเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ตอนนั้นคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง มันเป็นโอกาสที่ดาราหลายๆ คนใฝ่ฝัน
มันยากค่ะ ถามว่ารู้สึกยังไง รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่เราได้ทำ แต่ไม่รู้ว่าในแต่ละคนมันเป็นยังไง แต่สำหรับหญิง ถ้ามีก็ทำ ถ้าไม่มีก็ไม่ไขว่คว้า หญิงเชื่อว่าถ้าทุกอย่างที่มันเป็นของเรา มันก็จะเป็นของเรา และถ้ามันใช่เวลามันจะมาถึงเราเอง ไม่ไขว่คว้า แคสติ้งไหม แคสติ้ง แต่ไม่ถึงขั้นว่าฉันต้องทำให้ได้ ณ วันนั้นมีความสุขค่ะ ได้มีโอกาสร่วมงานกับคนเก่งๆ แต่ไม่ได้โฟกัสว่าฉันจะต้องไปต่อ เพราะอะไรขนาดนั้น หญิงอยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้เราทำอะไร ตอนนี้เรามีธุรกิจ วันนี้เรามีครอบครัวที่อบอุ่น หรือมีเพื่อน มีคนรอบตัวที่เขาต้องการเรา ก็อยู่ตรงนี้แหล่ะ ถ้ามีโอกาสมีหนังดีๆ อยู่ๆ โป๊ะ! มาข้างหน้า มีบทดีๆ ที่อยากได้เรามากก็เล่น ไม่ถึงขั้นต้องไปแคสไกลๆ ค่ะ (ยิ้ม)

คนส่วนใหญ่มองหญิงว่าเป็นเด็กกตัญญู เป็นผู้หญิงเก่งรอบด้าน โปรไฟล์ดี สำหรับตัวเราเองรู้สึกแบบนั้นไหม
ฉลาดทุกอย่าง โง่เรื่องความรัก (หัวเราะ) เลยไม่ค่อยมีใคร คือจริงๆ กลัวค่ะ หญิงค่อนข้างกลัว และเวลามีอะไรก็จะเหมือนว่า จะไปสุดตัว แต่สุดท้ายเราก็จะถอย มันก็เลยไม่ค่อยถึงจุดที่จะต้องมีข่าว ถึงจุดที่จะต้องแตกหักหรืออะไรขนาดนั้น อาจจะเป็นคนที่มีความกลัวเป็นต้นทุน ก็เลยไม่ค่อยได้มีอะไร

ความหมายของคำว่ากลัว นี่เกี่ยวกับเรื่องชีวิตที่ผ่านมาของคุณแม่ด้วยไหม
อาจจะเกี่ยวค่ะ และเราก็มีเพื่อนเยอะเนอะ เพื่อนผู้หญิงและเพื่อนแต่ละคนก็มีปัญหาที่แตกต่างกัน เราก็เริ่มรู้สึกว่าหายากเหลือเกินผู้ชายที่ดี (หัวเราะ) เลยรู้สึกว่าเอาไว้คนที่ดีจริงๆ และรักเราจริงๆ พยายามมากพอจริงๆ ที่จะแบบเข้ามาหาเราเอง เราจะไม่พยายามอีกแล้ว รู้สึกอย่างงั้นค่ะ

เรื่องของหัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
ยังโสดค่ะ (ยิ้ม) ก็มีหลานเยอะแล้ว ลูกเบลล์ ลูกเจนนี่ เลี้ยงลูกเพื่อนก็ได้ค่ะ ยังไม่เจอคนที่อยากมีด้วย (หัวเราะ) ไม่มีเวลาเลยค่ะ อยู่แบบโสดๆ ชิวๆ สนุกกับการใช้ชีวิต สนุกกับการทำงาน อยากไปเที่ยวโน่น เที่ยวนี่ ทำงานๆ เก็บตังค์แล้วสิ้นปีไปเที่ยว แต่ถ้ามีแฟนก็จะทำตามใจตัวเองได้ไม่มาก ขออีกสัก 2 ปีค่ะ ตอนนี้ก็คุยๆ ไปก่อน จริงๆ ถ้าหญิงมีแฟน หญิงก็อยากคบใครสักคนแล้วก็ไม่ต้องแต่งงานกัน อาจจะอยู่ด้วยกันแต่ไม่ต้องแต่งงาน หญิงรู้สึกว่าการแต่งงานมันเป็นการเริ่มต้นชีวิต มีครอบครัว มีลูก แต่ถ้าอยู่ในวัยที่มีลูกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องมีก็ได้ มีกันและกัน ดูแลเอาใจใส่กัน อยากไปเที่ยวไหนก็ไป วางไว้แบบนั้นเพราะเหมือนมีแนวโน้มว่าจะไม่มี (หัวเราะ) ก็เลยวางเผื่อไว้ก่อน

ในตอนนี้ชีวิตของคุณ ถึงจุดที่คุณรู้สึกพึงพอใจแล้วรึยัง ยังมีอะไรที่คิดอยากสร้างขึ้นมาอีก ซึ่งเหมือนตอนนี้คุณมีครบทุกอย่าง
ยังอยากมีครอบครัวที่สมบรูณ์ค่ะ เป็นคุณแม่ มีลูก ถ้าเค้ากำหนดมาให้ไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียสค่ะ หญิงใช้ชีวิตแบบนี้ หญิงมีความสุข ชีวิตดีมาก ตอนนี้หญิงมีความสุขดี ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน

ถ้าหากย้อนกลับไปได้ คิดว่าอยากแก้ไขเรื่องอะไรในชีวิตตัวเอง
ไม่เลยค่ะ ไม่อยากย้อนอะไรเลย เพราะทุกวัน ทุกช่วงเวลาในชีวิตมันทำให้เรามีวันนี้

หลายคนอาจรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองย่ำแย่ พบเจอแต่ปัญหา แต่ถ้าเราลองเทียบชีวิตของเรากับผู้หญิงคนนี้เชื่อว่าชีวิตของเธอกับชีวิตของเราคงไม่แตกต่างกันนัก หากแต่เธอคือผู้ที่ได้รับโอกาสทำงานในวงการที่ได้ผลตอบแทนสูง แต่เธอก็คือคนที่ยังคงมีทุกข์ มีปัญหาชีวิตเช่นเดียวกับเรา และถ้าความชิลล์ที่เธอว่า จะหมายถึงการปล่อยวางทางพุทธศาสนานั่นก็น่าจะเป็นหลักการที่ดีที่เราจะสามารถยึดไว้ปฏิบัติตามได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook