“ปอ พิรชา ช่างสลัก” 1 ชีวิตจากไป กับ 1 ลมหายใจที่อยู่เพื่อพิสูจน์รักแท้

“ปอ พิรชา ช่างสลัก” 1 ชีวิตจากไป กับ 1 ลมหายใจที่อยู่เพื่อพิสูจน์รักแท้

“ปอ พิรชา ช่างสลัก” 1 ชีวิตจากไป กับ 1 ลมหายใจที่อยู่เพื่อพิสูจน์รักแท้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
“ถ้าไม่ไหวจริงๆ กลับมาตายเมื่อไหร่ก็ทัน แต่อยู่มันยากกว่าเยอะ”โดย ปอหญิง

จากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของคณะรองแม่ทัพภาคที่ 3 ตกที่จังหวัดพะเยา เมื่อช่วงปลายปี 2557 ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้กองทัพสูญเสียทหารกล้า พ.อ. วรพงศ์ ช่างสลัก (ปอชาย) เท่านั้น หากแต่กลับทำให้คุณพิรชา (ปอหญิง) ภรรยาที่เพิ่งมีโอกาสใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเพียง 8 เดือนหัวใจแตกสลาย เพราะเธอไม่ได้สูญเสียแค่สามีที่เธอรัก แต่เธอยังสูญเสียความรัก กำลังใจที่ดีที่สุด รวมทั้งในเวลาต่อมาเธอกลับพบว่าตนเองต้องสูญเสียลูกน้อยในครรภ์ตามไปอีกหนึ่งชีวิต

เมื่อความเศร้า ความเสียใจ ความทุกข์ ความคิดถึง รุมเร้าเข้ามาในจิตใจพร้อมๆ กัน เธอจึงเลือกที่จะระบายความรู้สึกผ่านตัวหนังสือลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เบื้องต้นหวังเพียงเพื่อเยียวยาจิตใจตนเอง แต่จากนั้นทุกตัวอักษรของเธอกลับกลายเป็นแบบอย่างรักแท้ให้กับคู่รักคู่อื่นๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว และนั่นเป็นเหตุให้เกิด Pilot Por Story แฟนเพจเล็กๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของปอชายในแง่มุมต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามร่วม 2 แสนคน รวมถึงร้านกาแฟในชื่อเดียวกันก็อยู่บนหมุดหมายที่เธอวาดฝันว่าในอนาคตจะกลายเป็นอนุสรณ์รักแท้ให้กับคู่รักอื่นๆ

อะไรเป็นเหตุผลให้เธอทุ่มเท มุ่งมั่น และพยายามทำทุกสิ่งอย่างแม้เสียงรอบข้างคัดค้าน และอะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้เธอไม่เคยหมดแรง ขาดกำลังใจ และพยายามทำให้คล้ายกับว่าสามีของเธอยังคงอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ถ้านั่นไม่ใช่ “พลังแห่งความรัก” Sanook! Women ขอพาทุกคนไปสัมผัสพลังอันยิ่งใหญ่ที่แม้จะมองไม่เห็นแต่เชื่อว่าจิตใจทุกคนย่อมสัมผัสได้

จุดเริ่มต้นความรักที่ไม่ค่อย “ลงล็อค”
ทั้งคู่เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล แต่เมื่อเติบโตขึ้นกลับแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตนเองโดยรู้จักกันแค่เพียงหน้าตา แต่ไม่ได้มีความสนิทสนมใกล้ชิด
“ตอนแรกๆ ไม่รู้จักกัน จนมันมีเหตุการณ์ให้เราได้รู้จักกันเพราะพ่อพี่ลืมมารับที่โรงเรียน และปอชายก็ตกรถรับส่งนักเรียนทหาร เราเลยได้เดินกลับบ้านด้วยกัน ทำให้จำกันได้ จากนั้นเราก็ส่งยิ้มให้ปอชายเพื่อเป็นการทักทายเสมอ”

แม้จะรู้จักกันแล้ว แต่ต่อมากลับต้องแยกย้ายกันไปจนกระทั่งเมื่อปี 2553 ทั้งสองมีโอกาสได้เริ่มทำความรู้จักกันอีกครั้งโดยที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน
“พี่เข้าไปทักปอชายทางเฟซบุ๊กก่อนว่า “โรงเรียนเดียวกันจำกันได้ไหม ? ” ตอนนั้นปอชายไม่ตอบจนผ่านไป 10 กว่าวัน ถึงตอบกลับมาว่า “จำได้” จากนั้นเราก็คุยกันแบบเพื่อนเรื่อยมา จนเดือนเมษายนปีนั้นเราตัดสินใจคบหากันจริงจัง”

ต่อมาเกิดความเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เหตุเพราะฝ่ายชายคิดว่าฝ่ายหญิงกลับไปคบกับแฟนเก่า เหตุการณ์บานปลายจนทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจจบความสัมพันธ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปฝ่ายชายรู้ความจริงจึงโทรไปง้อฝ่ายหญิง จากนั้นทั้งสองก็กลับมาคบหากันอีกครั้ง และไม่เคยมีเรื่องให้ระคายใจกันอีกเลย

“เรามีความสุขทุกวัน พี่ปอชายภูมิใจมากที่ได้คบกับพี่ พี่อยู่กับปอชายพี่มีความสุขมาก และเขาก็ภูมิใจที่จะบอกใครต่อใครว่าเขาคบกับพี่ พี่รู้สึกว่าเรามีค่ามาก การดูแลของพี่ปอชายมันลงลึกทุกรายละเอียด มันเป็นเรื่องที่เราต่างเจอความรักที่ผิดหวังมา พอมาเจอพี่ ปอชายทำทุกอย่างให้เรา มันเหมือนส่องกระจก สิ่งไหนที่พี่เคยทำให้กับรักไม่สมหวังพี่ได้จากพี่ปอชายหมด ซึ่งพี่ปอชายก็คิดเหมือนกัน มันเลยเป็นความรักที่ “สุด”

 

“ปอชายเป็นคนเขียนไดอารี่ทุกวัน เขียนตั้งแต่วันแรกที่คุยกัน ใส่เสื้อสีอะไร ชอบอะไร ปอชายจะบันทึกไว้ทั้งหมด เขาตั้งใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มาก”
แม้ลมหายใจจากลา แต่ความรักไม่เคยจากไป

 

ความรักที่แสนหอมหวานของทั้งคู่เดินทางมาถึงจุดที่ตัดสินใจร่วมชีวิตเป็นคู่สามีภรรยา แต่แล้วความสุขมักไม่เคยอยู่กับเรายาวนานเท่ากับความทุกข์ เพราะทันทีที่ปอหญิงทราบข่าวการจากไปของสามี โลกทั้งใบของเธอเหมือนถล่ม แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี

“ช่วงแรกเสียใจมาก แม้แต่จะหายใจยังไม่อยากเลย มันหมดเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ แต่ที่ทำให้ไม่คิดฆ่าตัวตายคือกลัวไม่ได้เจอปอชายอีก เพราะพี่ชื่อเรื่องภพภูมิ จากกันแค่นี้ก็ทรมานมากแล้ว ถ้าจะปิดประตูโดยไม่ได้เจอปอชายอีก มันเป็นการทรมานปอชายด้วย ในเมื่อสามีพี่ตายอย่างมีศักดิ์ศรี พี่จะตายแบบกระจอกไม่ได้ “ถ้าไม่ไหวจริงๆ กลับมาตายเมื่อไหร่ก็ทัน แต่อยู่มันยากกว่าเยอะ”

 

ปอหญิงจึงคิดในทางตรงข้ามเธอจะมีชีวิตอยู่เพื่อทำให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวและความดีงามของสามีเธอ และมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ว่าสามีของเธอจะต้องเป็นทหารที่แม้เสียชีวิตไปแล้วจะไม่ถูกลืม นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นเพียงเพราะเธอตั้งใจให้สามีของเธอยังคงเป็นเสมือนผู้ที่มีลมหายใจอยู่

“แม้พี่จะอดทนและเข้มแข็งแค่ไหน แต่มันก็เสียใจมาก และไม่สามารถปรับทุกข์กับใครให้เข้าใจได้ จึงเลือกระบายความเสียใจลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เล่าเรื่องความดีของสามี เล่าทุกวัน เพื่อระบายความเสียใจ เพราะอยากให้ใครก็ได้เข้าใจ จนมีคนมากมายมาให้กำลังใจผ่านข้อความที่เธอเขียน จนมีแฟนเพจ Pilot Por Story เกิดขึ้น”

ทุกครั้งที่ปอหญิงเล่าเรื่องราวเหล่านี้มันเหมือนการกรีดเนื้อตัวเอง ความรักที่ตอนนี้มันอาจมีภาพไม่ต่างจากความเจ็บปวด แต่ก็เพราะความรักนั้นอีกเช่นกันที่ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสามีของเธอ เธอไม่ได้ต่อสู้เพียงแค่ความรู้สึกภายในใจ หากแต่กลับต้องฝ่าฝันกับคำถามจากผู้คนรอบข้างอีกมากมาย

“มีหลายคนเข้ามาถามว่าทำไมเลือกใช้ชีวิตแบบนี้? ทำไมจมปลัก? ทำไมยึดติดกับอดีต? ทำไมถึงไม่ไปข้างหน้า? แก่ตัวไปจะมีคนดูแลไหม? “พี่สองคนผ่านเรื่องราวด้วยกันมามาก ถ้าวันนั้นพี่เชื่อคำพูดเหล่านั้น คนที่น่าสงสารที่สุดคือพี่ปอชาย เขาจะเป็นนายทหารคนหนึ่งที่ตายและถูกลืม เพราะถ้าเขาเลือกได้เขาคงอยากนอนกอดเมียเหมือนคนอื่นทุกวัน แต่เขาไม่ได้เลือก พี่ในฐานะที่เขาเลือกมาเป็นคู่ชีวิต ถ้าพี่กลัวความเจ็บปวด นั่นคือพี่ไม่เห็นคุณค่าความรักของสามีพี่เลย”

เพราะ “ความรัก” ทำให้ระลึกถึง “ความตาย”
แม้ทุกวันนี้เธอจะมีบันทึกความรักความทรงจำในรูปแบบของหนังสือ แฟนเพจ ร้านกาแฟ หรือแม้แต่หุ่นขี้ผึ้งที่กำจัดอยู่ในขั้นตอนการปั้น หากแต่สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงสัญลักษณ์ของความรู้สึกที่เธอมีต่อสามีของเธอเท่านั้น เพราะลึกๆ แล้วสิ่งมีค่าที่เธอได้รับจากเหตุการณ์ครั้งนี้คือการได้รับรู้ถึงตำแหน่งของความตายที่อยู่ใกล้เธอนิดเดียว

“พี่รู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้เรา แต่เราเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงมัน จริงๆ การที่เราระลึกถึงความตายในทุกลมหายใจ ความตายมันใกล้นิดเดียว ทุกวันนี้ความทรมานของพี่น้อยลง เพราะพี่คิดว่าทุกเวลาที่เข็มนาฬิกาขยับ การรอคอยของพี่ก็สั้นลง “พี่ไม่มี 5 ปี 10 ปี พี่มีแค่วันนี้ พรุ่งนี้ ว่าจะทำอะไรให้พี่ปอต่อ” ถ้าพี่เตรียมตัวไว้ก่อน คนข้างหลังจะได้ไม่ต้องมายุ่ง มาเหนื่อย มันเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่เรามีโอกาสเลือกรูปหน้าศพของเราเอง”

ในตอนท้ายเธอยังให้กำลังใจหากใครต้องพบเจอเรื่องราวเช่นเดียวกับเธอ “ใช้ความอดทนให้ถึงที่สุด ความอดทนในตัวมีแค่ไหน ถึงเวลาที่คุณต้องขุดมาใช้ตอนนี้เลย เพราะจากนี้ต้องทนไปชั่วชีวิต บทพิสูจน์หลังจากการสูญเสียคนรักมันคือบททดสอบที่เราต้องอดทน”

เมื่อเรานึกถึงความรักเรามักนึกถึงแต่ด้านของความสุข ความอบอุ่น อิ่มเอมในหัวใจมากกว่าความทุกข์ ความเศร้า หรือแม้แต่การสูญเสียแบบไม่มีวันหวนกลับ หากแต่ความรักมีข้อเท็จจริงเหมือนกับสิ่งอื่นๆ คือมีเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไป

บทบันทึกความรักของทั้งคู่คงไม่ใช่เส้นกำหนดให้ทุกคนดำเนินรอยตาม หากแต่ในท้ายที่สุดมันกลับบอกว่าชีวิตของเราไม่มีอะไรแน่นอน การดับไป หรือการจากลาแบบไม่มีวันกลับเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทำดีที่สุดในขณะที่ยังมีลมหายใจ ขอโทษและกอดกันเสมอในเมื่อคุณยังรู้สึกรักกัน ถ้าวันหนึ่งรักนั้นดับไป คุณจะได้ไม่รู้สึกเสียใจเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว

อัลบั้มภาพ 43 ภาพ

อัลบั้มภาพ 43 ภาพ ของ “ปอ พิรชา ช่างสลัก” 1 ชีวิตจากไป กับ 1 ลมหายใจที่อยู่เพื่อพิสูจน์รักแท้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook