แนะแม่ลูกอ่อน…นอนยังไงให้พอ

แม่ลูกอ่อนส่วนใหญ่ หน้าหมอง ตาคล้ำดำ อาการเหล่านี้มักมาคู่กับความอ่อนเพลีย หากต้องการให้อาการพวกนี้หายไป คุณต้องพยายามสร้างการนอนหลับคุณภาพแบบเต็มตาและเต็มตื่นให้กับทุกช่วงเวลาการนอนของตัวเอง สำหรับเทคนิคที่ใช้ระหว่างวันมีดังนี้

• หาเวลางีบหลับ ตอนที่ลูกหลับแล้ว แต่อย่าหลับยาวเกินครึ่งหรือ 1 ชั่วโมง เพราะจะทำให้คุณหลับยากในตอนกลางคืนและเวลาเหมาะสมคือ ช่วง 13.00-16.00 น.

• ถ้าเป็นสาวทำงาน ควรหาเวลางีบสั้นๆ สัก 10-15 นาทีช่วงพักกลางวัน หรือถ้าเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกอยู่กับบ้านพอคุณสามีกลับมาบ้านสักพักอาจขอให้ช่วยดูลูก เพื่อคุณได้งีบหลับสักครึ่งชั่วโมงก็ยังดี 

• ถ้าคุณเป็นคอกาแฟ ไม่ควรดื่มเกินวันละ 1-2 แก้ว และแก้วสุดท้ายของวันควรห่างจากเวลาเข้านอนของคุณอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นคุณแม่ที่ให้ลูกกินนมตัวเองอยู่ ช่วงนี้ควรงดกาแฟไปก่อนดีกว่า 

• ภาระที่ต้องทำทั้งเลี้ยงลูก ดูแลบ้าน หรือแม้กระทั่งทำงานจะดึงเรี่ยวแรงไปจนคุณรู้สึกอ่อนเพลีย และพร้อมจะม่อยหลับไปได้ง่ายๆ แต่เสียงร้องของเจ้าตัวน้อยก็พร้อมจะปลุกคุณจากการหลับได้คืนหนึ่งๆ ไม่น้อยกว่า 2-3 ครั้งด้วยเหตุผล หิวนม อึ ฉี่ ไม่สบายตัว ฯลฯ

คุณแม่จึงควรมีทริคที่จะรับมือกับการตื่นกลางดึก เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง 

กันแดดต้องมี SPF สูงถึงจะดีจริงหรือ 

ด้วยสภาพอากาศร้อนของเมืองไทย แสงแดดจึงเปรียบเสมือนผู้ร้ายที่คอยมาทำร้ายผิวได้ในทุกที่ ทุกเวลา หลายคนอาจเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์กันแดดที่ดีที่สุด ต้องมีค่าเอสพีเอฟ (SPF) สูงๆ ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงจำเป็นต้องมีคุณสมบัติของการปกป้องที่ครอบคลุมและครบวงจร มากกว่าการปกป้องรังสียูวี นอกจากแสงแดดตัวร้ายที่เราสัมผัสกันอยู่ทุกวันแล้วแสงรังสีจากอุปกรณ์เครื่องใช้ใกล้ๆ ตัว อาทิ หลอดไฟ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ ก็เป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่คอยจ้องทำร้ายผู้หญิงได้แบบไม่รู้ตัว 3 วิทยาการใหม่ล่าสุด แห่งการปกป้องผิวจากแสงแดด พร้อมฟื้นฟูบำรุงผิวแบบครบวงจร สามารถใช้สำหรับวันธรรมดา ที่จะต้องกลายเป็นบิวตี้ไอเท็มคู่กระเป๋าของสาวๆ ด้วยนวัตกรรม HEVshield เอกสิทธิ์พิเศษแห่งเดียวเฉพาะของ เดอร์มาแอ็คชั่นพลัสบายวัตสัน ที่สามารถป้องกันรังสีได้ทุกชนิด นวัตกรรม ไบโอแอ็คทีฟที่ช่วยการบำรุงแบบล้ำลึก ด้วยการช่วยฟื้นบำรุงผิวที่โดนทำร้ายให้กลับแลดูมีสุขภาพดี และนวัตกรรมโฟโต้จีนิคสแคทเทอริ่ง สร้างความเปล่งประกายให้ผิวแลดูกระจ่างใสแบบธรรมชาติ 

Did You Know? 5 ศาสตร์ในการลดความปวดแบบโบราณ 

สมัยอียิปต์โบราณ ชาวอียิปต์จะใช้ตัวยาสมุนไพรเพื่อบรรเทาอาการปวด ในขณะที่การรักษาให้หายขาดจะพึ่งพาเวทมนตร์ และความศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนชาวกรีกโบราณ ใช้ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์รุนแรงที่อาจทำให้ผู้ถูกรักษาหลับ หรือหมดสติ หรืออาจจะมีตัวยาแรงๆ ที่ทำให้เกิดความเย็นจัดหรือร้อนจัดเพื่อทำให้เส้นประสาทชาและไม่รู้สึกปวด ซึ่งมีความเสี่ยงสูง และทำให้ไม่สบายตัว แต่ก็จะคลายความปวดลงได้ ในยุคโรมัน การผ่าตัดทางทหารที่มีการพัฒนาอย่างสูง ทำให้ค้นพบยาระงับปวดที่มีประสิทธิภาพสูง คือ มอร์ฟีน ซึ่งสกัดมาจากฝิ่น และยาในกลุ่มสโคปาลามิน ซึ่งสกัดมาจากเมล็ดเฮนเบน ถูกนำมาใช้ระงับปวด ห้ามเลือด และลดอัตราการเต้นของหัวใจ ชาวจีนโบราณ ใช้การฝังเข็มในการรักษาโรค โดยใช้เข็มปลายมนเป็นเครื่องมือสำหรับกดนวด และเข็มปลายแหลมขอบมนใช้สำหรับแทงรักษาอาการปวดที่อยู่ลึก หรืออีกยุคหนึ่งก็มีการนวดกดจุดเพื่อบรรเทาอาการป่วยต่างๆ ที่เรียกว่า ‘ทุยหนา’ ซึ่งไม่ได้ใช้เพียงแค่มือ แต่รวมถึงการใช้ข้อศอก ใช้เท้า หรืออุปกรณ์นวดอย่างอื่นร่วมนวดด้วย เช่น การครอบแก้ว การใช้น้ำมัน การใช้สมุนไพรเข้าช่วยเสริมประสิทธิภาพการนวด ชาวไทย มีวิชาฤาษีดัดตนมานาน โดยมีการจารึกโบราณเป็นโคลงอธิบายพร้อมประโยชน์ด้านสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการแก้ปวดต่างๆ ด้วย นอกจากนี้บรรพบุรุษไทยยังได้นำเอาสมุนไพรหลากหลายชนิด มาทำเป็นลูกประคบเพื่อรักษาอาการต่างๆ ด้วย ซึ่งต้องอาศัยความต่อเนื่องและระยะเวลาในการรักษา

ทดสอบด้วยการปิดตา 1 ข้างแล้วมอง สายตาปกติ : มองเห็นเส้นเป็นสีดำเท่ากันหมด สายตาเอียง : มองเห็นบางเส้นชัดกว่าเส้นอื่นๆ 

3 เทคนิคเบื้องต้น สังเกตตัวเองเรื่อง ‘สายตาเอียง’ จากสถิติพบว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มีปัญหาสายตา มักมีปัญหาสายตาเอียงร่วมอยู่ในค่าสายตาด้วย บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (ประเทศไทย) จำกัด ฝ่ายวิชั่นแคร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพตา มีบททดสอบง่ายๆ 3 ข้อต่อไปนี้ที่จะช่วยสาวๆ ได้ลองสำรวจสายตาตัวเองเบื้องต้นดังนี้ 

บททดสอบ

#1 เรามัก ‘หรี่ตา’ เป็นประจำหรือไม่? ‘การหรี่ตา’ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาหลายอย่าง เพราะนอกจากจะทำให้สาวๆ เสียบุคลิกและอาจก่อเกิดปัญหาริ้วรอยก่อนวัยแล้ว การหรี่ตาเป็นประจำเพื่อพยายามปรับความคมชัดในการมองเห็นยังอาจเป็นสัญญาณเล็กๆ ที่บ่งบอกว่าคุณกำลังประสบปัญหาสายตาเอียงด้วย บททดสอบ

#2 เรามัก ‘มึนหัวง่าย’ เมื่อใช้สายตาเป็นเวลานาน? เรามักปวดหัว และวิงเวียนเมื่ออ่านหนังสือ ทำงาน หรือแม้กระทั่งการดูโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโดยปกติแล้วผู้ที่มีปัญหาสายตาเอียงจะไม่สามารถจับภาพที่มีลักษณะเบลอ รวมถึงภาพที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้อย่างชัดเจนนัก (เช่น ภาพยนตร์ไซไฟ หรือ 3 มิติ) ดังนั้นการใช้สายตาหลายๆ ชั่วโมง มักจะทำให้ผู้มีค่าสายตาเอียงมึนหัวได้ง่าย บททดสอบ

#3 ภาพที่เราเห็น ‘ชัด’ หรือไม่? สายตาเอียง แตกต่างจากสายตาสั้นหรือสายตายาว วิธีสังเกตง่ายๆ คือ ผู้ที่มีสายตาสั้นหรือสายตายาว จะมองเห็นตัวเลขตัวอักษรชัดเท่ากันทุกตัว หรือมัวเท่ากันทุกตัวแต่ผู้ที่มีสายตาเอียงจะมองเห็นตัวเลขหรือตัวอักษรบางตัวชัด บางตัวไม่ชัด ลองทดสอบด้วยตัวเองจากภาพด้านบนดูกันได้ ถ้าคำตอบคือ ‘ใช่’ อย่างน้อย 1 ข้อจาก 3 ข้อ คุณอาจมีค่าสายตาเอียง! ทำไงถ้าสายตาเอียง? 

หลายๆ คนเชื่อว่า แว่นสายตา คือคำตอบเดียวสำหรับผู้มีปัญหาสายตาเอียง แต่ในปัจจุบันมีคอนแทคเลนส์ที่พัฒนา และผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อแก้ไขค่าสายตาเอียงได้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะคอนแทคเลนส์รายวันสำหรับสายตาเอียง สะดวกสบาย และสะอาด มั่นใจได้ว่าสาวๆ ที่มีปัญหาสายตาเอียงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่ต้องคอยกังวลชีวิตประจำวันหรือแม้กระทั่งแฟชั่นการแต่งตัวอีกต่อไป 

ติดตามคอลัมน์อื่นๆ เพิ่มเติม ดาวน์โหลดนิตยสารในเครือจีเอ็มได้แล้วที่