Dolce & Gabbana's Alta Moda

Dolce & Gabbana ได้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งเดียวของความวิจิตรใน Alta Moda การแสดงผลงานระดับกูตูร์ที่คัดเฉพาะแขกเอลิสต์มาเข้าชม

เรียกได้ว่าฉุดไม่อยู่แล้วสำหรับความเป็นที่สุดในโลกของแม็กซิมัลลิสม์ที่หลายปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรเรียบง่ายโผล่ออกมาให้เห็นจากความเป็น Dolce & Gabbana เลย ถ้าเราเป็นสองคู่หูดีไซเนอร์แห่งอิตาลี Domenico Dolce และ Stefano Gabbana เราก็คงเล่นใหญ่ให้สมกับที่ได้แรงบันดาลใจมาจากละครโอเปร่าไม่ต่างกับพวกเขาที่ถึงกับลงทุนปิด La Scala โรงละครเก่าแก่แห่งเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีเพื่อจัดแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นกูตูร์ Alta Moda อย่างสมเกียรติ

พร้อมกับเชิญแขกที่มีชื่อเสียงและเหล่าผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นและลูกค้ากระเป๋าหนักทั่วโลกให้มาสัมผัสความหรูหราจากการเป็นส่วนหนึ่งในวงเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงไล่ระดับ นั่งชมนางแบบเดินโชว์ภายใต้แชนเดอเลียร์สีสลัว

ปิดท้ายด้วยปาร์ตี้สุดอลังการซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ถนัดนัก แน่นอนว่าสำหรับโดลเช่แอนด์กาบบาน่ามันไม่มีทางเป็น “after party” แสนธรรมดาที่ทุกคนเริ่มหาวตอน 5 ทุ่มแน่ ตรงกันข้ามมันคือการสร้างซีนอันยิ่งใหญ่ประหนึ่งว่าเหล่าแขกเหรื่อคนดังของพวกเขาได้มาพบปะสังสรรค์กันหลังการแสดงละครรอบปฐมทัศน์จบลงจริงๆ!

ทั้งๆ ที่ Alta Moda เพิ่งจะจัดมาได้เพียง 4 ปีเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนโหยหาอยากเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง นี่คือแผนอันแยบยลของทั้งสองที่เลือกเชิญสื่อแฟชั่นเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าชมงานซึ่งจะจัดนานถึง 3 วัน 3 คืน และมันก็สร้างสีสันให้กับมิลานเป็นอย่างมาก เพราะบรรดาเอลิสต์กว่าสองร้อยคนจากทุกละติจูดจะมาปรากฏกายที่งานตามเวลานัดหมาย บ้างก็มาพร้อมเสื้อขนสัตว์เริดหรูอลังการและเครื่องเพชรเต็มยศ บ้างก็มาในชุดกูตูร์ที่อุดหนุนกันมาตั้งแต่ซีซั่นก่อน

แต่ที่น่าสนใจคือลูกค้าของพวกเขามีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่พร้อมจะมา “จ่าย” ไม่อั้น ทำให้บรรยากาศภายในงานแต่ละปีเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยไม่เคยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏกายของครอบครัวจากตะวันออกกลาง หรือแม้แต่คู่สามีภรรยาจากฝั่งยุโรปที่ได้รับเชิญทุกปี รวมไปถึงเศรษฐีชาวเอเชียที่คุ้นหน้าคุ้นตาโดยเฉพาะหนุ่มสาวชาวจีนที่ตอนนี้อัตราการเติบโตของกำลังซื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่รู้กันในกลุ่มสื่ออย่างพวกเราว่าในขณะที่นางแบบกำลังเดินอยู่บนแคตวอล์กยังไม่ทันจะลับตาไป กลุ่มคนเหล่านี้จะรีบพิมพ์ข้อความไปออร์เดอร์ทันที จนเป็นที่เล่าลือกันว่าเพียงแค่กะพริบตาสิทธิ์ของคุณในการจับจองผลงานของ Alta Moda ก็หมดลงทันใด นี่คือเสน่ห์ของกูตูร์อย่างแท้จริง

“อีกสิ่งหนึ่งที่ผมต้องย้ำเสมอก็คือจิวเวลรีพวกนี้เป็นงานฝีมือ ในแบบอิตาลี วิธีการเย็บแบบนี้ก็เป็นการเย็บแบบอิตาลี ดังนั้นเราสองคนจะโชว์ผลงานที่น่าภาคภูมิใจอย่างนี้ได้ที่ไหนล่ะ ก็ต้องเป็นที่อิตาลี และผมก็หมายถึงเมืองอันเป็นที่รักอย่างมิลาน กาปรี พอร์โตฟิโน และเวนิส” คำกล่าวของสเตฟาโนทำให้แอบคิดไม่ได้ว่างานที่พวกเขาทำนั้นเปรียบได้กับจดหมายรักเปิดผนึกถึงประเทศอิตาลีหาใช่ชาตินิยมแบบไร้สติ แต่เขารักของเขาจริงๆ ชาวอิตาลีมีความผูกพันเหนียวแน่นกับชาติกำเนิดของตัวเอง

พวกเขาไม่เคยลืมว่าตัวเองมาจากที่ใดและมักจะถ่ายทอดตัวตนผ่านวัฒนธรรมที่รุ่มรวยไปด้วยสีสันและลวดลายประกอบกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน และมันง่ายมากที่ทั้งสองจะสร้าง Alta Moda ให้สง่างามผ่านสายเลือดของพวกเขา ในปีนี้โดลเช่แอนด์กาบบาน่าใช้ Biki สาวสังคมและนักแสดงสาวคนดังของ Giacomo Puccini มาเป็นแรงบันดาลใจ ทั้งโดเมนิโกและสเตฟาโนต่างชอบละครดราม่าหรือละครเวทีและสาวดีว่าอยู่เป็นทุนเดิม เราจึงได้เห็นโค้ตซาตินโอเวอร์ไซซ์ประดับขนสัตว์และกระเป๋าทรงกล่องปักด้วยผ้าโอเปร่าชิ้นดั้งเดิมจากละครของจาโกโม ปุชชีนีเคปและชุดราตรียาวลายดอกไม้ขลิบริมด้วยวัสดุสีทองอร่ามอย่างพร้อมเพรียงในแนว “ผู้หญิงสุดเพี้ยนและแสนดราม่า”

แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งความเย้ายวนไปเลยเสียทีเดียว เพราะทั้งคู่แทรกมันไว้ในแต่ละสัดส่วนทั้งหน้าอกอันอวบอิ่ม และเอวคอดเผยให้เห็นบั้นท้ายอย่างสมดุล ความประณีตทุกขั้นของการเย็บเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่บางทีเกือบทำเอาทั้งคู่ทะเลาะกัน ไม่แปลกใจเลยที่โดเมนิโกบอกว่า “เสื้อผ้าในทุกคอลเล็กชั่นเปรียบเสมือนลูกของพวกเรา ส่วนแฟชั่นโชว์ก็เหมือนงานฉลองวันเกิดครบ 18 ปีของเขาซึ่งพอถึงเวลาเราก็ต้องปล่อยมือเขาให้ออกไปเจอโลกกว้าง”

แม้โชว์จะกินเวลาเพียงไม่ถึง 10 นาที แต่หลังจากที่เราได้เข้าไปสัมผัสตั้งแต่แรกเริ่ม เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า Alta Moda คือเครื่องย้ำเตือนถึงยุคทองของงานกูตูร์ เพราะความเป็นกูตูร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงความพิถีพิถันของเสื้อผ้า ผลงานการออกแบบ หรือฝีเข็มอันสุดละเอียด แต่สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใดในเวลานี้ กูตูร์คือไลฟ์สไตล์ คือการใช้ชีวิตที่เงินซื้อไม่ได้ ซึ่งสมาชิกคลับโดลเช่แอนด์กาบบาน่าก็ดูจะเข้าถึงความเป็นกูตูร์อย่างเต็มเปี่ยม

ความจริงแล้วพวกเขาจะไม่จัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ แต่บรรดาสาวกเรียกร้อง ทั้งคู่เลยต้องจัดและมันก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างตัวดีไซเนอร์กับลูกค้าแถวหน้าแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในขณะที่งานเองก็ไม่มีการยกยอแขกอย่างออกหน้าออกตาเพื่อดึงดูดสื่อ ไม่มีแสงแฟลชระรัวและการลงโซเชียลมีเดียอย่างบ้าคลั่งให้รำคาญตา ทุกคนได้รับความเป็นส่วนตัว ผ่อนคลายอย่างเสรี อยากทำอะไรก็ทำได้
“ครั้งหน้าเราจะจัดบนหลังคาดูบ้าง” สเตฟาโนหยอกให้ขำ แต่ใครจะรู้ เขาอาจจะคิดและทำจริงก็ได้ นี่ขนาดปิดโรงละครแห่งประวัติศาสตร์ยังทำมาแล้ว!