อำพล (ก็) in love

อำพล (ก็) in love

อำพล (ก็) in love
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อำพล ลำพูน ชูมือขวา กลับมาเรียกเสียงกรี๊ดในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และเนื่องจากเดือนธันวาคมเป็นเดือนของคนเป็นพ่อ จึงขอใช้โอกาสนี้ให้พี่หนุ่ยเปลี่ยนของในมือขวา จากที่เคยถือไมค์ เปลี่ยนมาเล่าเรื่องพ่อๆ ลูกๆ ตั้งแต่สมัยที่ยังใช้มือนี้ไกวเปลให้น้องกาย นวพล ลำกูน ลูกชายสุดหล่อแทน ถ้าใครได้เห็นสีหน้าของพ่อหนุ่ยที่ยิ้มอยู่ตลอดตอนเล่าเรื่องลูกละก็ ต้องบอกว่าคุณพ่อคนนี้กำลังอินเลิฟคุณลูกเอามากๆ ....ไม่น้อยหน้าคุณแม่เลยหละ "ถ้าไม่มีงาน ส่วนใหญ่ผมจะอยู่ระยอง แต่ถ้ามีงานที่ต้องใช้ความต่อเนื่อง ก็พักบ้านที่กรุงเทพฯ สี่ห้าเดือนที่ผ่านมาผมอยู่กรุงเทพฯตลอด ใช้วิธีการสื่อสารกับคนที่ต่างจังหวัดโดยการโทรศัพท์แทน พอเราไม่ว่างคนที่นั่นก็จะเป็นฝ่ายมาหา เราเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่ผูกพันกันมาก" ร็อคเกอร์มือขวาเกริ่นนำด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ขอถามเรื่องพ่อๆ ลูกๆ นะครับ ทราบว่าตอนที่น้องกายคลอด พี่หนุ่ยยังเล่นคอนเสิร์ตอยู่เลย วันนั้นผมเล่นคอนเสิร์ตที่สนามหลวง งานวันพ่อสมัยก่อนทาง กทม.จัดฟรีคอนเสิร์ต ใครอยากมาเล่นก็มา ไม่ได้เงินหรอก เรายังหนุ่มอยู่นี่ ไปครับไป คาราบาว คีรีบูน แมคอินทอช สมัยก่อนมือถือยังไม่แพร่หลาย แต่ผมก็มีแล้วนะ เครื่องเบ้อเริ่ม เหมือนวิทยุสนามเลย หลังร้องเพลง ฝันที่อยู่ไกล ก็มีโทรศัพท์ทางไกลจากอิตาลีมา บอกว่ายูได้ลูกชายนะ ผมรู้ว่าช่า (มาช่า วัฒนพานิช) ใกล้จะคลอด แต่ไม่รู้เป๊ะๆ ว่าวันไหน บังเอิญเป็นวันที่ 5 ธันวาคม และเป็นวันพ่อพอดี ก็ถือว่าเป็นของขวัญเลย ทำไมตอนนั้นไม่ตามไปที่อิตาลีด้วยครับ มันเป็นเรื่องของอาชีพ พอช่าท้องอ่อนๆ ก็ต้องหยุดงานเลย ถ้าผมหยุดอีก ค่าใช้จ่ายต่างๆ ล่ะ ตอนนั้นบ้านก็เช่าอยู่ ยังเป็นวัยรุ่นกันอยู่เลย ช่าอายุยังไม่ถึง 20 ผมแค่ 25 เขาว่าเบญจเพสจะเจอเรื่องไม่ดี แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องดีนะ ออกอัลบั้มก็ขายได้เป็นล้าน แต่ตอนที่รู้ว่าท้องก็ตกใจ เอ้าเหรอ เพราะผมไม่ได้มีช่าเป็นแฟนคนแรก ตอนเป็นหนุ่มก็ควงคนนั้นคนนี้ แต่กับช่า เมื่อรักช่าก็ต้องรักสิ่งที่มีกับเขาด้วย ก็หันหน้ามาปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี ช่าบอกว่าช่าจะเอาไว้นะ มีสักวูบไหมครับที่คิดจะไม่เอาเด็กไว้ ไม่มีเลย แต่ก็มีผู้ที่มีประสบการณ์หลายคนพยายามเตือนว่า เฮ้ย ยังเด็กอยู่ ไม่เหมาะหรอก แต่เราเป็นตัวของตัวเองสูงมาก วางแผนให้ช่าไปอยู่กับคุณป้าที่อิตาลี ปิดข่าวด้วย ตอนนั้นไม่มีใครรู้เลย คนเพิ่งรู้ว่าเรามีลูกเมื่อวันที่ช่าเอาน้องกายใส่ตระกร้ากลับมา กายตัวเท่าลูกหมาเอง ผมไปรับที่ดอนเมือง ตอนนั้นข่าวมันเริ่มออกมาแล้ว ก็มาช่า ใครจะไม่สนใจล่ะ ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศ (ยิ้ม) พอข่าวออก นักข่าวก็โทรมาถามเยอะ ก็เลยให้มาที่บ้าน ตอนนั้นมีแค่ ข่าวสด เดลินิวส์ ไทยรัฐ ที่บ้านมีแค่ผม ช่า น้องกาย เพื่อนผมคนหนึ่งกับคนทำงานบ้านสองคนเท่านั้น กระแสของแฟนเพลงตอนนั้นล่ะครับ ยอมรับได้ไหม จากบรรยากาศดูเหมือนว่าอำพลกับมาช่าอนาคตจะจบแล้ว แต่กลายเป็นว่าคนยอมรับและเป็นจุดพลิกผัน เทปของผมขายดี อีกสองปีต่อมาช่าออกเทปก็ขายดีเช่นกัน มุมมองของคนเปลี่ยนไป เขาไม่ได้ต้องการได้อำพลมาเป็นผู้ชายของเขา แต่เขารักที่อำพลเป็นอำพล และมาช่าเป็นมาช่า เท่าที่เราสัมผัสได้ส่วนใหญ่เขาก็ดีใจด้วย มีเรื่องไหนที่ทำให้รู้สึกประทับใจในตัวน้องกายไหมครับ กายเป็นเด็กดื้อแต่ว่าฟัง เขาสนิทกับแม่ อยู่ด้วยกันตลอดก็เลยเห็นแม่เป็นเพื่อน ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ เขากลัวผมมากกว่า แต่ก็ดี ให้เขากลัวใครสักคน ถ้าไม่กลัวใครเลยทั้งพ่อและแม่ล่ะยุ่งเลย แต่ก็ไม่ได้กลัวถึงขนาดลนลาน เวลาดุเราแค่ใช้คำพูดให้เขารู้สึก "พ่อว่ากายใช้เวลากับคอมพ์มากไปแล้ว ไม่ได้เรื่องละ โตขนาดนี้แล้ว จะให้พ่อมาจับมือกายเปิดหนังสือก็ไม่ใช่ จะให้พ่อล็อคคอกลับไปทำการบ้านเหรอ กายต้องแบ่งเวลาเอง อะไรที่ชอบก็ทำไป แต่แบ่งเวลาให้ถูก" เขาก็ฟัง ความเป็นพ่อ เปลี่ยนพี่หนุ่ยไปอย่างไรบ้างครับ มันเป็นเหมือนกระจกสะท้อน ตอนเด็กเราค่อนข้างเกเร หนีเรียน มีเรื่องทะเลาะวิวาท แต่เป็นแบบลูกทุ่งหน่อย แต่ท้ายสุดมันไม่เกิดประโยชน์พ่อแม่เสียใจ ครูก็วุ่นวาย พอมาเป็นพ่อบ้างเรารู้สึกเลยว่า โห...พ่อแม่กว่าจะเลี้ยงลูกคนหนึ่งจนโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากมีลูก เราก็รอบคอบขึ้น บางเรื่องที่ทำแล้วไม่มีประโยชน์เลยก็ไม่ทำ บางเรื่องที่ไม่สนุกเลยแต่ทำแล้วดี ผมก็พยายามทำ ตอนนี้ใจเย็นลงด้วย เรื่องการสังสรรค์ดื่มสุรา ก็ลดๆ ลง รู้จักแบ่งเวลามากขึ้น พระเจ้าให้เวลามนุษย์มาเท่าๆ กัน ปีละ 365 วัน วันละ 24 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 60 นาที แต่คนเราเอาเวลาไปใช้ต่างกัน บางคนก็ไปเข้มข้นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง บางคนอายุสี่ห้าสิบแล้วยังไม่เป็นโล้เป็นพายก็มี เหล่านี้มันทำให้เราคิดได้ตอนเป็นพ่อคน วันที่แยกทางกันบอกลูกว่าอย่างไรครับ พูดตรงๆ ว่าเราไม่ได้คุยกันเลย สงสารลูกจับใจแต่ไม่ได้พูด ทันทีที่แยกกันอยู่ ช่าก็เอาลูกไป ผมไปรับที่โรงเรียนบ้างในวันเสาร์อาทิตย์ หลังจากนั้นประมาณปีนึงช่าก็พากายไปเมืองนอก ตอนลูกไปก็สงสารเขา วูบแรกก็โกรธว่าทำไมต้องพรากลูกไปจากเรา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็รู้ว่าจริงๆ ช่าเจตนาดีมาก โรงเรียนที่กายไปเรียนได้มาตรฐานโลก ช่าเสียเงินรวมแล้วเป็นสิบๆ ล้าน เขาเหนื่อยมากกว่าที่จะพาลูกเข้าไปเรียนได้ ผมแทบไม่ได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรเลย กายไม่เคยถามเรื่องพ่อกับแม่ แต่เขาเป็นเด็กฉลาด คงพอรู้ จริงๆ เขายังได้รับความอบอุ่นจากทั้งพ่อแม่เหมือนเดิม ผมอยากให้คนที่อ่านอยู่ได้รู้ว่าเรื่องของผมกับช่ามันเป็นเรื่องของวัยวุฒิ เมื่อเวลาผ่านไป ถึงวันนี้ผมรู้แล้วว่าช่าเป็นแม่ของน้องกายที่ดีที่สุด ผมดีใจมากที่เขาดูแลลูกได้ขนาดนี้ และดีใจมากที่กายรักแม่เขามากแล้วก็รักผมมากเช่นกัน มันไม่ใช่เรื่องเศร้าหรือทำใจไม่ได้ ผมอยากให้รู้จริงว่าลึกๆ แล้วผมกับช่ายังเป็นเพื่อนกัน ผมเกี่ยวข้องกับช่าอย่างชัดเจนเพราะเขาเป็นแม่ของลูก ผมไม่มีความโกรธหรือเกลียดช่าเลย ผมยังรู้สึกกับเขาเหมือนเดิม คราวนี้ทำไมถึงยอมให้กายกลับมาเรียนเมืองไทยครับ ผมคุยกับช่าเอง ครั้งล่าสุดที่กายจะกลับไปเรียน เขาร้องไห้หนักมากอยู่ตรงเทอร์มินอล ผมต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่สนามบินว่าขอเดินไปส่งหน่อยเพราะว่าลูกแซดเหลือเกิน อยู่เมืองไทยเขาแฮปปี้ เจอพ่อแม่ตลอด มีเพื่อนฝูง ไปเที่ยวได้ พอต้องกลับ เขาบอกว่าพ่อ กายบอกพ่อตรงๆ ว่ากายไม่ไหวแล้ว คิดถึงพ่อกับแม่ ลูกพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ต้องกลับ ผมก็เลยใจแป้ว กลับถึงบ้านผมก็โทรคุยกับช่าว่าสงสารกายจัง ทำไงดี โรงเรียนไทยที่ได้มาตรฐานก็เยอะนะ ให้มาเรียนที่นี่ไหม เขาเป็นวัยรุ่นแล้วด้วยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เรื่องความรู้สึกมันสำคัญมาก ช่าเห็นก็เห็นดีด้วย เลยพาลูกกลับ เป็นห่วงเรื่องอะไรในตัวลูกชายที่สุด สมัยก่อนมันยังไม่มีผับ มีแต่เธคกับร้านอาหาร แต่ตอนนี้ผับเล็กผับน้อยมีทุกที่ แล้วเขาทำการค้า กฎหมายไทยบอกว่าต้องอายุ 20 ถึงเข้าได้ แต่หลายที่อายุไม่ถึงก็ปล่อยให้เข้าได้ กะขายอย่างเดียว ผมว่าต้องช่วยกันทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ปกครองของเด็ก เราจะดูแลเด็กอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าสถานที่เหล่านั้นไม่ควบคุม มันก็ไม่จบสิ้น เรื่องยาเสพย์ติดสำคัญมาก ยุคนี้ตัวเลือกมันเยอะ ยาไอซ์ ยาบ้า ยาเค โห..อะไรเนี่ย สมัยผมซ่าหน่อยก็แค่กินเหล้า แต่สมัยนี้สาขาของผู้จำหน่ายยาเสพย์ติดเยอะกว่าเซเว่น- อีเลเว่นซะอีก แต่ก็สบายใจได้ในเรื่องนี้ เพราะกายไม่ยุ่งเลย อาจจะกินจุหน่อยก็เท่านั้น (หัวเราะ) แต่เขาไม่ชอบนะเวลาพ่อล้อว่าเป็นหมู รู้ตัวว่าอ้วน มันเป็นไปตามวัย พอเล่นกีฬาเสร็จกลับถึงบ้านก็หิว หิวก็กิน พออร่อยก็เบิ้ล เดี๋ยวมีความรักจริงจังก็ผอมเองแหละ ต้องหล่อ ต้องเท่ ปล่อยให้คุณพ่อเผาลูกชายเสียนาน ว่างจากการเป็นนายแบบ น้องกายเลยแตะมือสลับให้พ่อไปโพสต์ท่าทำเท่บ้าง ตั้งใจจะให้เอาคืนพ่อ แต่กายบอกว่านึกเรื่องเปิ่นๆ ของพ่อไม่ออก เพราะพ่อเข้มตลอด (เลยสงสัยว่านี่อำพลเมืองดีหรือบิลลี่ เข้มตลอดกันแน่) กายดูโตขึ้นทั้งร่างกายและความคิดความอ่าน เรื่องจากปากของหนุ่มวัย 17 ก็เลยออกมาเข้มไม่แพ้พ่อ.... พ่อดุไหมครับ ไม่ดุครับ...เคยดุตอนเด็กๆ แต่โตขึ้นก็ธรรมดา ค่อนข้างตามใจแต่ไม่ถึงกับเลยเถิด อย่างขอเงินซื้อของก็ไม่มีปัญหา เขาจะไม่จุกจิก แต่ก็มีบ้างถ้าขอของที่ไม่จำเป็น พวกเกมส์ไร้สาระ หรืออะไรที่เขาเห็นว่ามันไม่คุ้มค่าเงินก็ไม่ให้ ถ้าเทียบกับแม่ ไม่มีใครดุเลย แต่ถ้ากลัว ผมกลัวพ่อมากกว่านะ เขาเป็นผู้ชาย จะดุหนักกว่า เวลามีคนล้อเรื่องอ้วนรู้สึกอย่างไรครับ พักนี้ติดกินไปหน่อย ไม่ได้กลับบ้านนาน เรียกว่าอ้วนก็ไม่ผิด จะว่าว่าเขาล้อได้ไงในเมื่อเราอ้วนจริงๆ มันไม่ใช่การล้อ กายไม่ได้คิดอะไรเรื่องนี้ ตอนนี้ก็ลดลงเรื่อยๆ แล้ว พยายามออกกำลังกาย วิ่งครึ่งชั่วโมง ไปเล่นหน้าท้อง 10 นาที ต่อด้วยซาวน่าสตีม พ่อแม่ก็บอกให้ลด พยายามอยู่ ตอนอยู่ที่นู่นกายผอมนะ เพิ่งมาอ้วนที่นี่เอง ปกติวันพ่อทำอะไรเป็นพิเศษไหมครับ บอกรักพ่อ...บอกเฉยๆ ไม่มีการ์ดอะไรให้ กายว่าคำพูดมีความหมายมากกว่าการเขียนอะไรให้ คนเราเริ่มพูดก่อนที่จะเริ่มเขียน ตอนเด็กๆ ก็เคยทำการ์ดนะ ครูให้ทำ ปกติวันพ่อเราต้องเจอกันอย่างแล้วเพราะว่าวันพ่อคือวันเกิดของกายด้วย ที่อ่านมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น ติดตามอ่านกันแบบเต็มๆ ได้ในคอลัมน์ Talk-a-Tive นิตยสารสุดสัปดาห์ ฉบับ 548 ปักษ์แรก เดือนธันวาคม 2548

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ อำพล (ก็) in love

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook