ระเบิดไขมันให้กระจาย ด้วยการรับประทาน น้ำมันมะพร้าว

ระเบิดไขมันให้กระจาย ด้วยการรับประทาน น้ำมันมะพร้าว

ระเบิดไขมันให้กระจาย ด้วยการรับประทาน น้ำมันมะพร้าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การลดน้ำหนักที่ดี นอกจากจะต้องควบคุมปริมาณพลังงานที่ได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไปแล้ว ยังควรควบคุมปริมาณไขมันที่จะได้รับจากอาหารให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ ต้องปรับและเปลี่ยนชนิดของไขมันจากน้ำมันที่ไม่ดี เป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ

แล้วน้ำมันอะไรกัน? ที่เรียกว่าเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับช่วงของการลดน้ำหนัก ถึงขนาดมีงานวิจัยรับรองว่ารับประทานแล้วมวลไขมันลดลง พุงหายไป !!

สองสัปดาห์ก่อนผู้เขียนขับรถกลับบ้านนอกครับ กลับไปหาเตี่ยกับแม่ที่บ้าน บ้านเตี่ยกับแม่ของผู้เขียนตั้งอยู่ในโซนที่เขาปลูกมะพร้าวน้ำหอมในอำเภอดำเนินสะดวก บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นมากๆ เลยทีเดียวเพราะหันไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ ถ้าใครเคยไปเที่ยวแถวตลาดน้ำอัมพวา ก็จะพอเข้าใจว่าสภาพรอบๆ บ้านที่ผมกำลังพูดถึงอยู่ว่ามีสภาพเป็นอย่างไร

เป็นปกติทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน ไม่มื้อเที่ยงก็มื้อค่ำที่เราต้องไปกินข้าวนอกบ้านกัน ก็ได้โอกาสพาท่านทั้งสองไปกินข้าวนอกบ้าน

เปลี่ยนบรรยากาศครับ หลังจากอิ่มเรียบร้อย คุณแม่ก็ขอเวลาเดินไปซื้อน้ำมันพืชเพราะสต็อกของที่บ้านหมดพอดี น้ำมันประกอบอาหารที่บ้านใช้ ผมเห็นจนชินตาตั้งแต่เด็กก็คือ ประจำ คือน้ำมันหมู การทำน้ำมันหมูรับประทานเองมีข้อดีอย่างเดียวคือ จะได้กากหมูกรอบๆ เอาไว้รับประทานแกล้มพริกขี้หนู หอมแดง น้ำปลา มะนาว เป็นผลพลอยได้ที่อร่อย แต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพชะมัด

ดังนั้นก่อนที่จะสายเกินแก้ เพื่อสุขภาพของเตี่ยและแม่ผมจึงได้สังคายนาการบริโภคน้ำมันในบ้านด้วยการเปลี่ยนชนิดน้ำมัน ให้เหลือเพียงน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันรำข้าวเท่านั้น

ทว่าวันนี้แม่ผมมาแปลกครับ แม่ผมเลือกหยิบน้ำมันมะพร้าวสำหรับปรุงอาหารขึ้นมา พร้อมกับบอกว่า "แม่ขอลองซื้อไปใช้ดูนะ เขาว่ากินน้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์ กินแล้วไขมันลด" ณ วินาทีที่แม่ของผมพูดกับผมด้วยประโยคนี้ ผมทราบเลยทันทีว่า ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพกำลังเติบโตขึ้นจริงๆ และเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างแข็งแรงทีเดียว เพราะเท่าที่จำความได้การที่ตัวเองเติบโตมาในดงมะพร้าว ไม่ได้ทำให้รู้สึกเลยว่า น้ำมันมะพร้าวนั้นมีประโยชน์

ตอนเด็กๆ ผมนี่ยิ่งแย่เลย ไม่ทราบแม้กระทั่งว่ามันสามารถรับประทานได้ด้วยซ้ำ การเลือกน้ำมันมะพร้าวครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า แม่ผมนี่ช่างทันสมัยจริงๆ ถ้าไม่นับเรื่องของการส่งสติ๊กเกอร์ดอกไม้สีประจำวันที่ค่อนข้างส่งได้คล่องแคล่วแล้ว ก็เลือกอ่านสิ่งที่มีประโยชน์ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณแม่ติดตามข่าวสารได้ตลอดเวลา


คนไทยเราเชื่อมาโดยตลอดว่า น้ำมันที่ตั้งทิ้งเอาไว้แล้วเป็นไข คือน้ำมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ แล้วน้ำมันที่เป็นไขแทบจะตลอดเวลาอย่างน้ำมันมะพร้าวจะดีต่อสุขภาพได้อย่างไรกันเป็นเรื่องจริงครับว่า น้ำมันมะพร้าวเป็น น้ำมันที่ค่อนข้างมีความ
อิ่มตัว น้ำมันมะพร้าวที่เราเห็นวางขายในห้างจึงมักจะเป็นไข เพราะน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 90% เนยสดเองมีไขมันอิ่มตัวประมาณ 60% เท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่จำเป็นต้องถูกจำคุกเสมอไปนะครับ

จากงานวิจัยพบว่าประเทศในแถบหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ นิยมรับประทานน้ำมันมะพร้าวมาก เรียกได้ว่าพลังงานจากอาหารตลอดทั้งวัน ร้อยละ 40 เป็นพลังงานจากน้ำมันมะพร้าว คนในประเทศกลุ่มนี้มีสถิติการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของคนทั่วโลก

จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าถึงแม้น้ำมันมะพร้าวจะมีความอิ่มตัวสูงก็ตาม แต่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ และไขมันอุดตันในเส้นเลือดต่ำลง ทั้งยังพบด้วยว่าคนส่วนใหญ่มีสุขภาพแข็งแรงมากๆ อีกด้วย

ในน้ำมันมะพร้าวยังมีกรดไขมันอิ่มตัวที่ชื่อว่า กรดลอริก(Lauric acid) เป็นกรดไขมันที่มีความยาวขนาดกลาง (Medium Chain Triglycerides ชื่อย่อสั้น ๆ คือ MCT) เป็นกรดไขมันที่ค่อนข้างจะหายาก ไม่ค่อยพบในอาหารชนิดอื่นๆ ซึ่งในร่างกายของคนเรา โดยเฉพาะร่างกายของคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร กรดไขมันชนิดนี้จะถูกเปลี่ยนรูปไปเป็น สารที่ชื่อว่าโมโนลอริน (Monolaurin) เป็นกลุ่มสารที่มีอยู่บริเวณหน้าอกของคุณแม่ ทำหน้าที่เป็นสารกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับลูกน้อย

จากงานวิจัยพบว่า สารชนิดนี้ยังช่วยในการพัฒนากระดูก พัฒนาสมอง และพัฒนาศักยภาพด้านการเล่นกีฬาในคนได้อีกด้วย

กรดไขมันอิ่มตัว ความยาวขนาดกลาง ที่เรียกสั้นๆ ว่า MCT นี้ถือเป็นซูเปอร์แฟต (Super Fat) ไม่ได้แปลว่าอ้วนมากนะครับ!!

แต่หมายถึงไขมันชนิดพิเศษมากๆ ที่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลชนิดดี ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดีในช่วงของการลดน้ำหนักได้มาก เนื่องจากช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น ทั้งยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย

ผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักส่วนมากมักจะเลือกรับประทานน้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันสายยาว แต่มีงานวิจัยที่ออกมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2003 มีการทดลองเปรียบเทียบกันระหว่างการลดน้ำหนักโดยใช้น้ำมันมะกอก และน้ำมันมะพร้าว พบว่าผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการรับประทานน้ำมันมะกอกยังคงมีมวลไขมัน หลงเหลืออยู่มากกว่าผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการรับประทานน้ำมันมะพร้าว งานวิจัยอธิบายว่า เป็นเพราะน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันขนาดสั้นกว่าน้ำมันมะกอก ทำให้การดูดซึมจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ตับและย่อยเป็นพลังงานเพื่อเผาผลาญทำได้อย่างรวดเร็ว งานวิจัยชนิดนี้ระบุถึงขนาดที่ว่า น้ำมันมะพร้าวช่วยลดมวลไขมันในร่างกายได้มากกว่าน้ำมันพืชทั่วไปชนิดอื่นๆ ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด

การเลือกบริโภคน้ำมันมะพร้าวจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งดีต่อสุขภาพ ช่วยในการกำจัดมวลไขมันในร่างกาย แล้วยังช่วยสนับสนุนให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศได้อีกด้วย การเลือกน้ำมันมะพร้าวควรเลือกชนิดที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบสกัดเย็น (Cold Press) และนำมาใช้ในการปรุงที่อุณหภูมิไม่เกิน 200 องศาเซลเซียส ซึ่งก็ได้แก่ การผัด การหมักกับเนื้อปลาแล้วนำ เข้านึ่ง หรือใช้ในการหมักเนื้อสัตว์ต่างๆ แล้วนำเข้าเตาอบ แต่ก็ไม่ใช่ว่ายิ่งรับประทานแล้วจะยิ่งผอม
ขึ้นชื่อว่าน้ำมันยังไงก็ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะน้ำมันเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง ดังนั้นการปรับเปลี่ยนในช่วงของการลดน้ำหนักก็คือการแทนที่น้ำมันชนิดเดิม ด้วยน้ำมันมะพร้าวนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook