ไขความลับ ฉบับ “จิ๊มิ” (ที่หลายคนไม่กล้าถาม)

ไขความลับ ฉบับ “จิ๊มิ” (ที่หลายคนไม่กล้าถาม)

ไขความลับ ฉบับ “จิ๊มิ” (ที่หลายคนไม่กล้าถาม)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชวนสาวๆ มา ไขความลับ กับเรื่องในร่มผ้า
…ที่หลายคนไม่กล้าถาม…


หลายคนมีความกังวลในที่ลับ อย่าง “จิ๊มิ” หรือน้องสาวของเรานี่ล่ะค่ะ เพราะอาจมีสี กลิ่น หรือรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป แต่จะให้ถามใครคงไม่กล้า คุณหมอชัญวลีคนเก่งทราบถึงความกังวลใจนี้ จึงหาวิธี เช็คความผิดปกติ ของน้องสาวด้วยตัวเองมาฝากกัน

Q ขอถามคุณหมอชัญวลีค่ะ ได้อ่านข้อความเจอว่า การมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ จะทำให้ “จิ๊มิดำ” ไม่ทราบเป็นความจริงรึเปล่า นอกจากนี้ เราสามารถเช็คความผิดปกติของน้องสาว และต้องดูแลอย่างไรให้ถูกวิธีคะ ขอบคุณค่ะ

A ความเชื่อที่ว่า การมีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ ทำให้น้องสาวดำนั้น เป็น MYTH หรือความเชื่อที่ไม่เป็นจริงค่ะ ทำให้บางคนที่น้องสาวมีสีค่อนข้างคล้ำแต่กำเนิด หรือมาคล้ำทีหลัง เดือดร้อนมาก เพราะกลัวแฟนว่า เป็นคนมักมาก สำส่อน ไม่บริสุทธิ์มาก่อน ซึ่งไม่เป็นจริงแม้แต่น้อย

อันที่จริงสีของน้องสาวนั้นขึ้นอยู่กับเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นไปตามพันธุกรรม ที่พ่อแม่ให้มา มักจะสอดคล้องกับสีของริมฝีปาก และผิว โดยคนผิวเหลืองหรือผิวขาว น้องสาวมักจะมีสีออกชมพู ส่วนคนผิวสี น้องสาวก็มักจะมีสีคล้ำตามไปด้วย

การมีเพศสัมพันธ์ทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงบริเวณน้องสาวดีขึ้น คนที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยแบบธรรมดาไม่ใช่การติดโรค น้องสาวจึงมีสีสดใส มีเลือดฝาด หรือสีแดงระเรื่อ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “จิ๋มแดง” มากกว่า “จิ๋มดำ”

ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ปกติเฉลี่ยอยู่ที่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งส่วนคำว่า “การมีเพศสัมพันธ์บ่อย” นั้น ไม่มีค่าจำกัดความ แต่ไม่ว่าจะบ่อยแค่ไหนหากทำกิจกรรมแล้วแข็งแรงสบายดี ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน การทำงาน ความสัมพันธ์กับครอบครัวและผองเพื่อน ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่เกิดอันตราย ก็ถือว่ามีเพศสัมพันธ์บ่อยแบบไม่ผิดปกติ

แน่นอนค่ะ หากมีเพศสัมพันธ์บ่อยและติดโรค เช่น เชื้อรา และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่นหนองในแท้ หนองในเทียม หูดหงอนไก่ แผลริมอ่อน เริม เอชไอวี ซิฟิลิส เอชไอวี ฯลฯ อย่างนี้จิ๋มดำแน่ค่ะ

วิธีตรวจเช็กความผิดปกติของน้องสาว ขอแนะนำวิธีง่าย ๆ 2 ประการคือ ดูและดม ค่ะ

1. ดู เราควรดูอะไร

- ดูอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทั่วไป อันที่จริงร่างกายสองข้างของคนเราไม่เท่ากัน ดังนั้น การที่มีแคมใหญ่สองข้างและแคมเล็กสองข้างไม่เท่ากัน จึงถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากมีผื่น มีแผล มีก้อน มีตุ่ม มีไต มีติ่ง แคมเล็กแคมใหญ่เปลี่ยนสีเป็นสีขาว ถือว่าผิดปกติและต้องพบแพทย์ค่ะ

- ดูตกขาว ตกขาวควรเป็นมูกใส มีจำนวนมากในสามช่วง คือก่อนประจำเดือนมา หลังประจำเดือนมา และช่วงไข่ตก โดยช่วงไข่ตกจะมีตกขาวเยอะที่สุดเป็นมูกใสเหนียวยืดได้ประมาณ 10 เซนติเมตร เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศหญิงอย่างไรก็ตาม ตกขาวทั้งสามช่วงควรมาไม่นาน คือไม่เกินสามวัน หากตกขาวมาทั้งเดือน มีปริมาณมาก มีกลิ่น หรือมีสีเช่นสีเขียว สีเหลือง สีช้ำเลือดช้ำหนอง อย่ามัวแต่ใส่แผ่นอนามัยซับไว้ ควรพบแพทย์โดยด่วนค่ะ

- ดูประจำเดือน ประจำเดือนที่ปกติ ควรมาไม่เกิน 7 วัน เฉลี่ยมานาน 3 วัน ไม่ควรมากะปริบกะปรอย หากมีก้อนเลือดขนาดใหญ่เกินเส้นผ่าศูนย์กลางสองเซนติเมตรหลุดออกมาด้วย ปวดท้องรุนแรง มีไข้หรือมีกลิ่นเหม็น ถือว่าไม่ปกติ ควรพบแพทย์

- ดูปัสสาวะ เนื่องจากการอักเสบติดเชื้อของน้องสาว มักจะมีการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะร่วมด้วย ดังนั้นหากปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อยเกิน 1 ครั้งในสองชั่วโมงในตอนกลางวัน ปัสสาวะเกินสองครั้งขึ้นไปในตอนกลางคืน ปัสสาวะมีกลิ่น ขุ่น เป็นฟอง เป็นหนอง ปัสสาวะปนเลือดเจ็บปวดรูปัสสาวะ ควรรีบไปพบแพทย์ค่ะ

2.ดม เหมือนพูดเล่น แต่จริงค่ะ เราควรดมน้องสาวทุกวันค่ะ น้องสาวไม่ควรมีกลิ่นเหม็น ไม่ว่าจะเป็นช่วงปกติธรรมดา ช่วงก่อนหรือหลังประจำเดือนมา ช่วงหลังคลอด ฯลฯ หากน้องสาวมีกลิ่น มักเป็นการติดเชื้อโรค ซึ่งกลิ่นจะบอกได้คร่าว ๆ ถึงความรุนแรงในการติดเชื้อดังนี้

- กลิ่นเหม็นเปรี้ยว มักเป็นการติดเชื้อรา ไม่อันตรายนัก

- กลิ่นเหม็นหืน เหม็นอับเหม็นบูดเหมือนกลิ่นเท้า มักเกี่ยวข้องกับความสะอาด สุขอนามัย

- กลิ่นเหม็นเค็มเหมือนน้ำปลา เหมือนปลาเค็ม มักเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโรคตัวร้าย หรือพยาธิช่องคลอด

- กลิ่นเหม็นเหมือนอุจจาระ มักติดเชื้อที่ปนเปื้อนมาจากอุจจาระ เช่นเชื้อบิด

- กลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ เป็นกลิ่นที่บอกถึงความรุนแรง เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ต้องการออกซิเจน ส่วนหนึ่งเป็นกลิ่นของมะเร็งซึ่งมีการติดเชื้อ

ขอแถมท้ายวิธีดูแลน้องสาวให้มีสุขภาพดี ดังนี้ค่ะ

1. ดูแลสุขภาพกายใจดูแลน้ำหนักไม่ให้อ้วนไม่ให้ผอมเกินไปกินอาหารครบหมู่ ผักผลไม้ อาหารอุดมวิตามินอี ซี แอนตี้ออกซิแดนท์พักผ่อนให้เพียงพอ มีวิธีรับมือกับความเครียด อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่มีมลพิษออกกำลังกายสม่ำเสมอ 4 ครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์ ออกกำลังกายเฉพาะที่(ขมิบ)จะทำให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายได้ดี กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง บริเวณจุดสงวนจะเปล่งปลั่ง ดูแข็งแรง ลดการเกิดปัสสาวะเล็ด และช่วยให้เซ็กซ์ดีขึ้น

2. ดูแลไลฟ์สไตล์ไม่สวมกางเกงหรือกระโปรงคับๆ เป็นประจำ ไม่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นประจำ ไม่สวนล้างช่องคลอดเป็นประจำ ไม่กินอาหารหวาน อาหารดิบของหมักดองเป็นประจำ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่ซื้อยาฆ่าเชื้อ(ปฏิชีวนะ)มากินเอง เพราะเสี่ยงติดเชื้อราที่ช่องคลอดและขาหนีบหรือช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรียเพิ่มจำนวน จึงทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น

3. ดูแลฮอร์โมน การขาดฮอร์โมนเพศหญิง ในผู้หญิงที่ตัดรังไข่ทั้งสองข้างก่อนวัยหมดประจำเดือน หรือในผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน ทำให้ช่องคลอดอักเสบ เจ็บแสบ ตกขาว ติดเชื้อง่าย หากมีปัญหาควรพบแพทย์

4. ดูแลเซ็กส์ควรมีเซ็กส์ที่ปลอดภัย หากไม่แน่ใจควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งไม่ควรมีเพศสัมพันธ์สำส่อน ควรคุมกำเนิดหากยังไม่พร้อม เลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม และระวังความสะอาดหากใช้เซ็กส์ทอย

5. ดูแลสุขอนามัยช่องคลอดของผู้หญิง อยู่ในสภาวะเป็นกรดจากกรดแลคติกสร้างขึ้นโดยแบคทีเรียตัวดีแลคโตแบซิลไล ซึ่งช่วยควบคุมพลเมืองแบคทีเรียตัวร้าย การทำความสะอาดน้อยเกินไป หมักหมม เปียกชื้น ทำให้ช่องคลอดเป็นด่างและเพิ่มแบคทีเรียตัวร้าย การทำความสะอาดหรือสวนล้างมากเกินไป ทำให้ระคายเคือง เกิดผื่นแพ้ ช่องคลอดแห้งแสบ ฆ่าแบคทีเรียตัวดี เพิ่มแบคทีเรียตัวร้าย ทั้งสองกรณีทำให้เกิดเกิดตกขาวกลิ่นเหม็น ทำให้ ช่องคลอด ปากมดลูก และมดลูกอักเสบ

สรุป

อวัยวะสำคัญแบบนี้ ยิ่งต้องใส่ใจตรวจสอบความผิดปกติด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอค่ะ

14 คือ สัดส่วนจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในปี พ.ศ. 2555 ที่คิดจากจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเพศหญิงรายใหม่ทั้งหมดที่เข้ารับการรักษา ณ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ คิดเป็นจำนวน 340 คน

ข้อมูลเรื่อง “เช็คความผิดปกติ “น้องสาว” ด้วยตัวเอง” จากนิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 417

photo : istockphoto.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook