จากสาวอ้วนสู่สาวเพรียว หนัก 130 เหลือ 68 มีวิธีลดน้ำหนักอย่างไร ตาม!

จากสาวอ้วนสู่สาวเพรียว หนัก 130 เหลือ 68 มีวิธีลดน้ำหนักอย่างไร ตาม!

จากสาวอ้วนสู่สาวเพรียว หนัก 130 เหลือ 68 มีวิธีลดน้ำหนักอย่างไร ตาม!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาวๆ หลายคนฝันอยากมีรูปร่างดีเป๊ะเวอร์เหมือนนางแบบ แต่ก็ได้แค่ฝัน เพราะทำไม่ได้สักที วันนี้ Sanook! women มีแรงบันดาลใจจาก คุณผิง สมาชิกจากพันทิปดอทคอม มาเล่าเรื่องราวของตัวเองจากสาวที่เคยมีน้ำหนักมากถึง 130 กิโลกรัม ลดลงมาเหลือ 68 กิโลกรัม เธอจะมีวิธีลดน้ำหนักอย่างไร ตามมาดูเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้ผิงมีประสบการณ์จริงในการลดน้ำหนัก ของผิงเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยาก ไม่ทรมาน ไม่อดอาหาร ไม่หิวกลางคืน ไม่ต้องเสียเงิน ซื้ออาหารคลีนแพงๆ ไม่เสียเวลาเข้ายิม เข้าฟิสเนต เพื่อมาเป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆ ที่คิดว่า การลดน้ำหนักเป็นเรื่องยาก

มาเริ่มกันเลยนะคะ เมื่อก่อน ผิง เป็นสาวอ้วน น้ำหนัก สูงสุด ถึง 130 กิโล เริ่มอ้วนมาตั่งแต่ ม. ต้น เพราะกินเยอะมาตั่งแต่เด็ก แล้วก็กินเยอะๆ โดยไม่สนใจอะไร จนขึ้น ปวช. แก้มเริ่มออก ตัวเริ่มจะแตก แต่ก็ยังคิดว่า ไม่เป็นไร ก็ยังกินไปเรื่อยๆ ยังไม่คิด จน จบ ปวช.

เริ่มน้ำหนักขึ้นน่าจะประมาณ 90 เพราะตอนนั้น ไม่สนใจตาชั่ง ไม่สนใจการดูแลตัวเอง ทั้งอ้วน ทั้งดำ จนขึ้น ปวส.

จนกระทั่งปวส. 1 เทอม 1 เคยนอนคิดนะ ว่าอยากตื่นมาแล้วผอมเลย เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดเหมือนกับผิง มันเป็นความฝันเล็กๆ ของคนน้ำหนักเยอะอย่างเราๆ นะสิ

พีคคคคคคคคคคคคคคคคคค นำ้หนัก 130 แบบไม่ไหวแล้วค่า

ยิ้มอ่อน แบบสล็อต แต่ตัวเท่าช้างแล้วว ตอนนั้นคิดกับตัวเองว่าไม่ไหว ถึงจุดเปลี่ยน นอนดูทีวี เปิดไปช่องไหนสักช่อง เจอ เค้ากำลังเดินแบบ Victoria’s Secret ก็คิดในใจ อยากสวยแบบนั้น อยากหุ่นแบบนั้น แต่ในขณะคิด ปากก็ยังกิน มือยังถือขนม  เราก็คิดว่า แล้วถ้าเรายังกินอยู่อย่างนี้เมื่อไหร่จะผอมละ นั่นคิดนะ แต่ปากยังเคี้ยว เลยตัดสินใจ คายขนมที่อยู่ในปาก แล้วเอาขนมในตู้เย็นไปทิ้ง ตอนนั้นไม่ได้อกหัก ไม่ได้มีความรัก มีแต่คำดูถูกดูแคล้น ว่าฝันไปเหอะ เรื่องลดน้ำหนัก

ตอนนั้นลดจริงจัง ไปปรึกษาคลินิกแห่งหนึ่ง ก็ได้รับคำแนะนำมา แล้วเค้าก็ให้ยามา เรากินได้ 3 เดือนก็หยุดกิน เพราะคิดว่า ยึดคำแนะนำเค้าเป็นหลักดีกว่าคือ
1. ห้ามอดแต่ลดครึ่งนึง ความหมายคือ กินอาหารให้ครบทุกมื้อ แต่ลดเหลือครึ่งนึง
2. อย่าเสียดาย
3. ออกกำลังกายเพื่อไม่ให้โทรม
4.ลดแป้ง งดน้ำอัดลม


เราก็ทำแบบนี้ตลอดมา โดยผสมผสานเทคนิคของเราไปคือ
1. เรื่องอาหาร กินเพิ่ม จาก3 มื้อ เป็น 4 มื้อ โดยมือที่ 4 เป็นผลไม้ เพราะเราเป็นหิวดึก จะให้หักดิบก็ยาก เลย เลือกที่จะกินผลไม้กลางคืน

อาหารที่กินในช่วงนั้น ยังไม่มีอาหารคลีน เราเลย เลือกกินเอง เช่น

ตอนมื้อเช้า หมูปิ้ง โจ้ก ต้มจืด แต่ลดปริมาณ

เที่ยงก็ก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่ เส้นวุ้นเส้น ไม่ปรุงเยอะ ส้มตำ

มื้อเย็น ไข่ต้ม น้ำพริก ปลานึง แกงเห็ด

มื้อดึกเป็นผลไม้ คือ สับปรด มะละกอ แอปเปิ้ล ฝรั่ง

แล้วผิงเป็นคนที่กินจุกจิก ก็เลยหาขนมที่กินแล้วไม่อ้วน ทดแทนกันได้ โดยดูจาก ข้อมูลโภชนาการ อาจจะอยู่หลังซอง เลือกกินที่ไขมันน้อยๆ ซึ่งมีเยอะนะ ถ้าเราดูดีๆ

ที่สำคัญหักดิบ ไม่กินน้ำอัดลมเลยจ้า ลดแป้งหน่อย และหาศึกษาข้อมูลในเน็ตว่าขนมอะไรไม่อ้วน อาหารที่เราชอบแต่ละอย่างให้พลังงานกี่แคลลอรี่

2. เรื่องการออกกำลังกาย ช่วงแรกจะไปเต้นแอโรบิคบ้าง ว่ายน้ำบ้าง แต่ไม่ชอบวิ่ง แต่ช่วงหลังไม่ค่อยมีเวลาไปข้างนอก เลยเลือกศึกษาในเน็ตว่ามีการออกกำลังกายที่บ้านได้ คือ
- ฮูล่าฮูปวันละ 20 นาที
- ปั่นจักรยานกลางอากาศ 200 ครั้ง
- ซิทอัพ วันละ 20 ครั้ง
- ยกเวท วันละ100 ข้างละ 50 ครั้ง

ทำทกวันตอนเย็นหลังกินมื้อเย็นเสร็จ เว้นระยะประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ทำทุกวันจนกระทั่ง ปวส.2

เปิดเทอมมาทุกคนตกใจ และถามเยอะมากก ตัวเราก็ภูมิใจ พ่อแม่ก็โล่งใจ เพราะตอนนั้นพ่อแม่เป็นห่วงเรื่องนี้มาก

ตอนนั้นยังหนักประมาณ 80-90 แล้วเราก็ลดมาเรื่อยๆ ต่อเนื่อง

แต่มันก็ยังมีความย้อยของผิวที่เคยขยาย ยังย้วยอยู่แต่ก็ยังลดน้ำหนักต่อมา

จนประมาณ 80 แต่ผิวและรอยแตก ผิวไม่กระชับก็ยังมีอยู่ เลยหาตัวช่วยทั้งครีมทั้งอาหารเสริมช่วยผิว หุ่นกระชับ และ ผิวแตก

จนขึ้นมหาลัยปี 3 #ต้องขอโทษเรื่องที่ตัวเลขอาจไม่แม่นยำเท่าไรนะคะ เป็นการประมาณเอา เพราะตอนนั้นลดๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลา

ตอนนั้นน้ำหนักเหลือประมาณ 70 กิโล สูง 173

ก็ยังดูแลตัวเองมาเรื่อยๆ

เรื่องผิวก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนความขาวไม่ขนาดในรูปเพราะ ใช้แอฟ กล้อง ช่วย

ได้แต่งตัวสวยๆ ดูแลตัวเองได้ดีขึ้น

ได้รับโอกาสดีๆ เข้ามามากมาย

จากเมื่อก่อนที่มีแต่คนด่า คนดูถูก ล้อเลียน กลายเป็นอีกคนที่ดีกว่าเดิม

จนกระทั่งปัจจุบัน


สุดท้ายนี้ ผิงอยากจะเป็นกำลังใจและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากลดน้ำหนักนะคะ ผิงเชื่อว่าทุกคนทราบดีในวิธีลดน้ำหนัก แต่มันอยู่ที่ใจเราว่าอยากทำมันหรือเปล่า เราไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมายกับการลดน้ำหนัก

แค่เรา "รักตัวเอง" แล้วสิ่งนี้แหละค่ะจะเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจให้เราเอง เราสามารถเก็บคำด่า คำดูถูกมาเป็นแรงกระตุ้น ในการลดน้ำหนักของเราได้ จากคนที่เคยได้แต่นอนฝัน ก็ทำได้แล้ววันนี้ สู้ๆ ค่ะ

 

 

ขอบคุณข้อมูล : คุณผิง Pantip.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook