Dolce & Gabbana: Naples's Love

“โซเฟีย! โซเฟีย! เรารักคุณ! คุณสวยมาก! ชาวเมืองเนเปิลส์ที่มารอต้อนรับหน้าร้านและบนระเบียงตึกบนถนน Via San Gregorio Armeno ต่างส่งเสียงโห่ร้องและชูมือทักทายโซเฟีย ลอเรนขณะเธอกำลังเดินฝ่าวงล้อมช่างภาพ สื่อมวลชน และแฟนคลับไปยังบัลลังก์สีแดงทอง ถนนเก่าแก่แห่งเนเปิลส์สายนี้ถูกปิดเพื่อจัดงานต้อนรับกลุ่มลูกค้ากูตูร์ผู้ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในโลก รวมไปถึงชาวบ้านที่อาศัยและทำงานอยู่แถวนั้น โดยแขกในวันนั้นเดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้ทรงอิทธิพลและภรรยาจากประเทศรัสเซีย มหาเศรษฐีชาวตะวันออกกลาง หรือเจ้าสัวชาวจีน (ผู้มาพร้อมครอบครัวและช่างภาพส่วนตัว) โดยทุกคนแต่งตัวในชุดจัดเต็มประหนึ่งราชนิกุลหรือดาราพรมแดงราวกับฉากหนึ่งในภาพยนตร์

       เมื่อเจ้าของรางวัลออสการ์วัย 81 ปีมาถึงงานพร้อมการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และดีไซเนอร์ชาวอิตาลีทั้งสองคือ Domenico Dolce และ Stefano Gabbana บรรดาแฟนคลับก็แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ โซเฟียมิวส์ของแบรนด์ที่เริ่มปรากฏกายครั้งแรกในหนังสั้นน้ำหอมตัวใหม่ Dolce Rosa Excelsa ก็เติบโตแถบนี้ และเธอนี่แหละคือเหตุผลสำคัญที่ดีไซเนอร์ทั้งสองเลือกเนเปิลส์เป็นสถานที่หลักในการแสดงโชว์คอลเล็กชั่น Alta Moda ของโดลเช่ แอนด์ กาบบาน่าในซีซั่นนี้

       “เรามาเนเปิลส์ก็เพราะเธอเป็นแรงบันดาลใจให้เราทั้งคอลเล็กชั่น” โดมินิโกกล่าว “เราจะหาแรงบันดาลใจจากเมืองต่างๆ ในแต่ละซัมเมอร์ เราถามเธอว่าที่ไหนดี เธอเลือกเนเปิลส์”

       บทบาทที่โซเฟียได้รับในช่วงแรกๆ มีความเกี่ยวข้องกับเมืองนี้ เช่น ใน L’Oro di Napoli ของ Italian Cinecitta โปรดักชั่น ด้วยความพลุกพล่านของตัวเมืองเนเปิลส์จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักสำหรับการจัดโชว์กูตูร์หรือแสดงสินค้าให้แก่เหล่าลูกค้าสินค้าแฟชั่นที่มั่งคั่งที่สุดในโลก แต่ดีไซเนอร์ทั้งสองได้สืบค้นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างละเอียดจนได้พบกับความยุ่งเหยิงในแบบฉบับอิตาลีที่มีความซับซ้อน ลึกซึ้งในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเมืองนี้

ในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ที่ทั้งภูเขา Vesuvius บริเวณอ่าว และตึกราม-บ้านช่องโบราณอาบไล้ด้วยแสงอาทิตย์เป็นสีชมพูราวกับถูกมนตร์สะกด ทางเดินแคบๆ บนถนนพื้นหินสไตล์ยุโรปคลาคล่ำไปด้วยร้านขายงานฝีมือท้องถิ่น ใจกลางย่านประวัติศาสตร์ของเมืองเนเปิลส์นี้เองที่โดลเช่ แอนด์ กาบบาน่านำพาเหรดเครื่องแต่งกายสุดตระการตาถึง 99 ชุดจากคอลเล็กชั่น Alta Moda มาแสดงโดยนางแบบจะโค้งและพยักหน้าทักทายโซเฟีย ควีนของงานบนบัลลังก์ “เราอยากเล่าเรื่องของโซเฟีย เมืองเนเปิลส์ และวัฒนธรรมของเนเปิลส์”

โดมินิโกอธิบายให้ฟังขณะที่นำเราไปชมชุดต่างๆ หลังเวทีก่อนโชว์จะเริ่ม “มีหลายชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทบาทต่างๆ ของเธอในภาพยนตร์ และยังมีพิซซ่า ฟุตบอล หรือแม้แต่ Diego Maradona (นักฟุตบอลชาวเนเปิลส์)” เขากล่าวขณะชี้ไปยังเสื้อฟุตบอลสีน้ำเงินตกแต่งด้วยชื่อและหมายเลข ซึ่งเป็นหนึ่งในลุคที่ซุกซนและเฉลียวฉลาดที่เขาโปรดปรานที่สุดในคอลเล็ก-ชั่นนี้ จับคู่กับกระโปรงสีดำตกแต่งด้วยโลหะตามแบบฉบับ Neapolitan ที่แปลว่า “โชคดี”

       โบสถ์สีทอง นักบวช และประเพณีต่างๆ เป็นแรงบันดาลใจให้ชุดและหมวกสีทองสุดหรูหรา กระจกสีในมหาวิหาร San Lorenzo Maggiore ชุดที่ตกแต่งด้วยลายรูป Madonna and Child และชุดกระโปรงจีบรอบเซ็กซี่ได้แบบมาจากหนังของโซเฟียเรื่อง Sunflower “มีเดรสบางตัวที่เรียบง่ายเป็นโซเฟียมากและเซ็กซี่มากด้วยเช่นกัน” สเตฟาโนเล่าให้เราฟัง ขณะที่ชี้ให้เราดูแคมป์พีซรูปทรงแปลกตา (มันใช่เลย นี่แหละคือโดลเช่ แอนด์ กาบบาน่า!) ยังมีหมวกทรง Baba ขนาดใหญ่ (ที่เข้ามาในแถบนี้โดยเชฟชาวฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างมาก) และอีกชิ้นที่ตกแต่งด้วยพิซซ่าชิ้นใหญ่ “เธอรักดอกกุหลาบ” สเตฟาโนเสริม “เราเลยใช้ดอกไม้เยอะมากในคอลเล็กชั่นนี้”

 

       คอลเล็กชั่น Alta Moda มีทั้งความหรูหราและเฟมินินอยู่มากพอแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือกางเกงเดนิมกูตูร์ขาดที่ตกแต่งด้วยพลอยไรน์สโตนและอัญมณี เป็นเหมือนการเข้าไปสัมผัสสไตล์การแต่งกายลำลองในยุค 1990 ที่เป็นเอกลักษณ์ของเนเปิลส์ “ลูกเล่นของการคอนทราสต์ระหว่างชีวิตสตรีตและ Alta Moda” โดมินิโกกล่าว ชุดสูททางการที่ดูเหมือนยังไม่สมบูรณ์ (ชายด้ายรุ่ย เกือบจะเหมือนแฟชั่นแบบรื้อโครงสร้างหรือดีคอนสตรักชั่นของ Martin Margiela ในหลายส่วน) ได้แรงบันดาลใจมาจากการตัดเย็บเสื้อผ้าบุรุษแบบเนเปิลส์ เป็นการคั่นอารมณ์ แบบน่ารักและมีความแมสคิวลิน “ลองจับดูสิ” โดมินิโกบอกขณะให้เราดูชุดฟินาเล่ที่เป็นชุดราตรียาวไล่ระดับ “ผมอยาก ให้คุณลองสัมผัส” ผ้าที่เพนต์มือลายดอกไม้สไตล์บาโร้กทั้งผืนจากฝีมือศิลปินหลายคน ยากจะลอกเลียนแบบได้”

       ส่วนผสมชั้นยอดนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ โชว์กูตูร์อาจจะดูเหมือนไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสังคมโมเดิร์นมากนัก แต่ครั้งนี้ดีไซเนอร์ทั้งสองได้เชิญร้านค้าท้องถิ่นและชาวเมืองมาร่วมชมโชว์ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นงานที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก “ช่างฝีมือเหล่านี้ต่างก็สร้าง Alta Moda ในแบบของพวกเขาเอง”โดมินิโกพูดถึงงานฝีมือเก่าแก่สไตล์เนเปิลส์ “มีขนาดเล็กกว่า แต่มีความยูนีกตามแบบฉบับงานฝีมือ” ความพิถีพิถันอย่างช้าๆ งานฝีมือ และความเหนือกาลเวลา คือหัวใจของคอลเล็กชั่น Alta Moda ซึ่งสวนกระแสอุตสาหกรรมแฟชั่นชั้นสูงในยุคดิจิทัล ที่ทั้งรวดเร็วและตื้นเขินมากขึ้น “Alta Moda มีความลึกซึ้งและสันโดษมาก ตัวผมเองไม่ค่อยถนัดเรื่องเทคโนโลยี ผมต้องขอโทษจริงๆ แต่ผมไม่ได้อยากจะแชร์เรื่องของผมกับทุกคนหรอกนะ ผมขอเลือกว่าจะให้ใครอยู่ในโมเมนต์ส่วนตัวของผมบ้าง” โดมินิโกพูดถึงกระแสการหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความรวดเร็วและโซเชียลมีเดีย “บางครั้งอุตสาหกรรมแฟชั่นก็ฆ่าตัวแฟชั่นข่าวก็ฆ่าข่าวเอง ทุกวันนี้เราสนใจแค่ว่าใครจะเป็นเจ้าแรก สำหรับผม ผมไม่แคร์ว่าใครจะมาเป็นที่หนึ่ง ผมสนที่ใครจะดีที่สุด ที่ใจมีความสุข ได้ผ่อนคลาย ได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในแต่ละช่วงเวลา ไม่ใช่พะวงอยู่กับ 30 วินาทีแรกเท่านั้น

       “เราไม่สนใจว่ามันจะต้องสุดคูล ทันสมัย จะเป็นรูปแบบใหม่หรือไม่ มันคือโมเมนต์แห่งความเป็นโดลเช่ แอนด์ กาบบาน่าของโซเฟีย เพราะว่าคอลเล็กชั่นนี้จะไม่มีทางสำเร็จขึ้นมาถ้ามันเกี่ยวกับคนอื่น ที่อื่น หรือเมืองอื่นๆ คอลเล็กชั่นนี้คือโซเฟีย ลอเรน เมืองเนเปิลส์ และถนนเส้นนี้ เราเลือกที่นี่ และเราก็ทำงานกันตรงนี้”

       การผสานกันระหว่างวัฒนธรรมแบบเนเปิลส์กับเสื้อผ้าที่ทริบิวต์ให้แก่เส้นทางอาชีพของโซเฟียนั้นสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความใส่ใจและน่าสนใจที่สุดในโชว์ Alta Moda และเพื่อเฉลิมฉลองให้กับความสดใหม่ ความมีชีวิตชีวา ที่มักจะถูกมองข้ามไปจากแฟชั่นเซต และมุ่งไปสถานที่ที่สวยงามกว่า เช่น ชายฝั่ง Amalfi หรือจุดหมายปลายทางอย่าง Capri หรือ Portofino ทั้งนี้ก็เพื่อจะบอกว่าเนเปิลส์ไม่ใช่สถานที่พักผ่อน-หย่อนใจของคนรวย คนมีชื่อเสียง แต่ในทางตรงข้าม น่าจะเป็นที่ขึ้นชื่อของสินค้าก๊อบปี้ราคาถูกมากกว่า

       สเตฟาโนทิ้งท้ายแฝงอารมณ์ขันขณะกำลังถือชิ้นงานกูตูร์จากคอลเล็กชั่น Alta Moda ที่ตกแต่งอย่างสวยงามพิถีพิถันด้วยคำว่า “Napoli” ด้านหน้าและใช้เวลาทำหลายสัปดาห์ว่า “คุณจะสามารถหาซื้อเสื้อผ้าเหล่านี้ได้ในอีกไม่กี่วันนี้ ตามท้องถนนในตลาดแถวเนเปิลส์นี่แหละ”   

 

ชาลิสา วีรวรรณ