"เมโสหน้าใส" นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ให้มากกว่าความงาม

"เมโสหน้าใส" นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ให้มากกว่าความงาม

"เมโสหน้าใส" นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ให้มากกว่าความงาม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องของความสวยความงามเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร โดยส่วนใหญ่สาวสมัยใหม่มักจะเป็น Working Women ใช้เวลาส่วนมากหมดไปกับการทำงานจนแทบจะไม่เหลือเวลาดูแลตัวเอง การพึ่งพาเทคโนโลโยีทางการแพทย์จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทและมีความสำคัญช่วยให้สาวๆ ยังดูสวยวันสวยคืนโดยใช้เวลาเพียงน้อยนิด ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ว่านี้ คือ การทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือเมโสหน้าใส ที่สาวๆ คุ้นเคยและมีชื่อติดหูกันเป็นอย่างดี นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ต้องเจ็บตัว แต่ก็สามารถให้ลัพธ์ที่ดีอย่างที่สาวๆ ต้องการได้สบายๆ ซึ่งการทำเมโสหน้าใสนี้ ถูกค้นพบโดยแพทย์ชาวฝรั่งเศสที่เป็นวิธีการรักาาปัญหาเกี่ยวกับความงามที่ใช้กันมานานกว่า 100 ปีแล้ว

สำหรับหลักการทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือเมโสหน้าใส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กทำการฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวตื้นที่เรียกว่า ชั้นเมโส ซึ่งการกระจายของตัวยานั้นอาจจะยังไม่ดีนัก จึงต้องฉีดยาเข้าไปในปริมาณสารที่ฉีดถึง 0.1 - 0.2 ซีซีต่อจุด และฉีดลึกลงไปในเซลล์ผิวประมาณ 5 - 10 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างไม่เกิน 0.5 - 1 เซนติเมตรในบริเวณที่ต้องการ อีกทั้งยังมีการฉีดตัวยาเข้าไปซ้ำๆ ทุกๆ 7 - 14 วันด้วย

การทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือเมโสหน้าใส สามารถช่วยรักษาสาวๆ ที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอได้ อีกทั้งยังช่วยรักษารอยแผลที่เกิดจากสิว ฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำ จึงทำให้เมโสหน้าใสนั้นได้รับความนิยมในบรรดาคุณผู้หญิงอย่างกว้างขวาง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเมื่อทำการรักษาก็จะฉีดสารแอนติออกซิเดนท์และมัลติวิตามินเข้าไปในชั้นผิวโดยตรงเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ช่วยให้ริ้วรอยและรอยดำบนใบหน้าจางลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเมื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่องผิวหน้าของสาวๆ ก็จะขาวใส เรียบเนียน ซึ่งการทำเมโสหน้าใสนั้นให้ผลเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียว

เมโสหน้าใสที่ให้มากกว่าความงาม

รู้หรือไม่ !? ว่าเมโสเทอราพี หรือเมโสหน้าใสเนี่ยไม่ได้ช่วยให้สาวๆ มีใบหน้าที่ขาวกระจ่างใสและเรียบเนียนเพียงอย่างเดียวนะ แต่ยังช่วยในเรื่องของการลดไขมันส่วนเกิน หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เมโสแฟต ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเมโสแฟตนั้นจะเข้าไปช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ลดปัญหาไขมันส่วนเกินบนใบหน้า รวมถึงจุดต่างๆ ของร่างกาย อาทิ แก้ม ปีกจมูก ท้องแขน พุง สะโพก ต้นขา หรือน่อง ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดสารที่ได้จากถั่วเหลืองและวิตามินหลากหลายชนิดเข้าไปขัดขวางการสะสมของไขมัน ก่อให้เกิดการสลายไขมันที่มีอยู่ และกระตุ้นให้ปล่อยไขมันเหล่านั้นออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ แต่ ! สาวๆ ต้องทำการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อ ตลอดจนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

มีปัญหาผมร่วง ? เมโสเทอราพีก็ช่วยได้ แต่ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องผมร่วงเพียงอย่างเดียว ยังแก้ปัญหาสาวๆ ที่มีผมบางได้ด้วย โดยการที่แพทย์จะฉีดส่วนผสมของวิตามินต่างๆ เข้าสู่รากผม ผสมผสานกับสารกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงรากผมโดยตรง ร่วมกับการใช้ยาแบบรับประทานและยาทา เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผมขึ้นมาใหม่อย่างเป็นธรรมชาติและมีสุขภาพผมที่ดี

เมื่อตัดสินใจทำเมโสหน้าใสแล้วจะเป็นอย่างไร ?

ผลที่ได้จากการทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือเมโสหน้าใสนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนที่เกิดจากปัญหาที่ต้องการแก้ไขแตกต่างกัน อาจขึ้นอยู่กับอายุ เพศ พันธุกรรม สภาพผิว ตลอดจนระยะเวลาที่เปิดปัญหาผิวขึ้น ทั้งนี้ หากสาวๆ คนไหนที่ต้องการมีสภาพผิวหน้าที่ขาวกระจ่างใส อาจเลือกใช้สารอาหารในกลุ่มวิตามินซี วิตามินบี กรดวิตามินเอ สารสกัดจากชะเอมเทศ หรือลิโคไรซ์ โคเอนไซม์ กรดอะมิโน กรดไฮยาลูโรนิกที่ใช้ความชุ่มชื้น รวมไปถึงคอลลาเจนที่ให้ความแข็งแรงกับเซลล์ผิว เป็นต้น

และนี่ก็คือสิ่งที่สาวๆ ควรรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับความงามซึ่งเราเรียกกันว่า เมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือเมโสหน้าใส ถึงแม้ว่าเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมต่างๆ จะล้ำหน้ามากไปเพียงใด เราก็ยังคงต้องระมัดระวังก่อนตัดสินใจทำ เพราะสิ่งเหล่านี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ทางที่ดีแนะนำว่า สาวๆ ควรจะหาเวลาให้กับตัวเอง เว้นว่างจากการทำงานมาดูแลสุขภาพผิวตัวเองดูบ้าง มาร์สคหน้า ทาครีมบำรุง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถึงแม้ว่าจะเห็นผลช้าหน่อย อย่างน้อยก็เห็นผลที่ปลอดภัยชัวร์ แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามไปทำเมโสหน้าใสนะ เพียงแต่ต้องศึกษาให้ละเอียด เลือกแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญ แล้วทุกอย่างก็จะออกมาโอเค ปลอดภัย เป็นไปตามที่เราตั้งใจไว้ เสียเงินมากหน่อยแต่ก็คุ้มค่า

 

photo : istockphoto.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook