วิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการเผาผลาญอาหารเมื่ออายุเข้าวัย 30

วิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการเผาผลาญอาหารเมื่ออายุเข้าวัย 30

วิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการเผาผลาญอาหารเมื่ออายุเข้าวัย 30
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่ออายุย่างเข้าเลข 3 การลดน้ำหนัก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกต่อไป นั่นเป็นเพราะเมื่อเรามีอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของระบบการเผาผลาญอาหารของร่างกายจะลดน้อยลง ซึ่งระบบดังกล่าวนี้ จะทำงานได้ดี เมื่อเราอยู่ในช่วงวัยรุ่น และช่วงวัย 20 กว่าๆ

ผู้หญิงในวัย 30 นั้น ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งนั่นก็จะส่งผลต่อระบบการเผาผลาญอาหารของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต จากการแต่งงาน การมีบุตร หรือแม้กระทั่งความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ ทำให้การลดน้ำหนักกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อเราอายุเข้าเลข 3 แล้วเราจะลดน้ำหนักไม่ได้ เราสามารถลดได้เพียงแต่ต้องมีวิธีการจัดการที่เหมาะสม และวิธีดังกล่าวก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการเผาผลาญอาหารของร่างกายเรา

เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการเผาผลาญอาหาร นั้น เป็นเรื่องของการปรับพฤติกรรมเป็นหลัก ซึ่งสามารถใช้ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยเลข 3 เลข 4 หรือเลข 5 ก็ตาม ดังนี้

1.       ดื่มน้ำให้มากขึ้น หากร่างกายขาดน้ำ พลังงานจะลดน้อยลง ซึ่งนั่นทำให้รู้สึกหิว และคุณก็ต้องหาอาหารมารับประทาน ดังนั้นในระหว่างวันให้ดื่มน้ำให้มากขึ้น

2.       ฝึกท่าทางที่เหมาะสม หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อ ว่าท่าทางของเรานั้น มีผลต่อระบบการเผาผลาญอาหาร จริงๆ แล้ว วิธีการนั่ง และการยืนของคุณนั้น มีผลกระทบต่อระดับพลังงานในร่างกาย รวมทั้งความเชื่อมั่นของตัวคุณเองด้วย คุณอาจจะลองฝึกท่าออกกำลังกายในตอนเข้า และระหว่างวัน เข้าไปสักรอบละ 5 นาที ทำให้ได้เป็นประจำทุกวัน จะเป็นการกระตุ้นพลังงานในร่างกายด้วย

3.       ระมัดระวังเรื่องการบริโภคคาเฟอีน แน่นอนว่า การบริโภคคาเฟอีน เป็นการกระตุ้นพลังงานอย่างเร่งด่วน แต่ถ้าคุณบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ และรู้สึกอ่อนเพลีย และถ้าหากดื่มคาเฟอีนในตอนกลางคืน ก็จะเป็นการรบกวนการนอน ดังนั้น ควรจำกัดปริมาณคาเฟอีน ไม่ให้เกินวันละ 1-2 แก้ว และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวกช็อกโกแล็ต กาแฟ และเครื่องดื่มคาเฟอีนอื่นๆ ในช่วงก่อนเข้านอน

4.       ไม่ควรรับประทานอาหารเช้าหนักเกินไป จริงอยู่ว่าการรับประทานอาหารเช้า จะเป็นการช่วยกระตุ้น ระบบการเผาผลาญอาหารให้กับร่างกาย แต่ถ้าหากเรารับประทานมากเกินไป ก็ไม่เป็นผลดีนัก เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาหารมือเช้าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณแคลอรี่ในร่างกาย ถ้าหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้รู้สึกขี้เกียจ อืดอาด แต่หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยเพิ่มพลังงาน ซึ่งควรจะรับประทานให้ครบทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดต และไฟเบอร์

5.       ใช้อุปกรณ์นับการก้าวเดิน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้ว่า ในแต่ละวัน เราเดินไปกี่ก้าว แต่ละก้าวที่เดินออกไปนั้น เผาผลาญพลังงานไปกี่แคลอรี่ การเช็คตัวเลขเหล่านี้ทำให้คุณวางแผนการเคลื่อนไหวร่างกายได้ กำหนดเป้าหมายให้กับตัวเองได้ โดยอาจจะเริ่มที่ 7,000 ก้าว แล้วค่อยๆ ขยับมาเป็น 10,000 ก้าว หรือมากกว่านั้น

6.       หาข้อมูลจากสื่อออนไลน์ เราสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม ในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการเผาผลาญอาหารได้ จากการใช้สื่อออนไลน์ และเทคโนโลยีตรวจจับต่างๆ ที่ใช้ในฟิตเนสได้ อุปกรณ์และข้อมูลเหล่านี้ มีประโยชน์ สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้

7.       เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญอาหารขณะทำงาน หลายๆ คนนั่งทำงานในออฟฟิสทั้งวัน ดังนั้น หากสามารถเผาผลาญพลังงานในระหว่างที่ต้องทำงานในออฟฟิสได้ ก็จะเป็นการดี เช่น เดินไปทิ้งขยะ เดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงาน เดินออกไปรับประทานอาหารเที่ยง และอีกวิธีที่ดีก็คือ ใช้บันไดแทนลิฟต์

8.       ยืดเส้นยืดสายในตอนเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ให้เวลากับการยืดเส้นยืดสายสัก 10-15 นาที และทำให้เป็นประจำทุกวัน จะส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกาย และจิตใจ ปลอดโปร่งได้ตลอดทั้งวัน

9.       จัดการออกกำลังกายให้เป็นกิจกรรมที่ทำเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายมีความสำคัญต่อการเผาผลาญอาหาร แต่ทั้งนี้ คุณไม่จำเป็นจะต้องออกกำลังกายอย่างหนักทุกวัน เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ให้ได้ปริมาณมาก เพราะการออกกำลังกายที่มากเกินไป ก็อาจจะทำร้ายระบบได้เช่นกัน ควรออกกำลังกายปานกลาง แต่ทำให้ได้เป็นประจำจะดีที่สุด

10.   สร้างกล้ามเนื้อ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด สำหรับการลดน้ำหนัก หลังอายุผ่านเข้าเลข 3 ก็คือ การสร้างกล้ามเนื้อ ยิ่งเรามีกล้ามเนื้อมาก ก็ยิ่งจะช่วยระบบการเผาผลาญ และการสร้างกล้ามเนื้อ ยังทำให้ร่างกายกระชับ ดูดี ลองจัดเวลาสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้แข็งแรง และดูฟิตขึ้น

11.   วางแผนออกกำลังกายทีละเล็กทีละน้อย ในกรณีที่ไม่มีเวลาพอที่จะเข้ายิม ก็ให้วางแผนการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยเช่นที่บ้าน หรืออาจจะติดกระเป๋าชุดออกกำลังกายไว้หลังรถ หากมีเวลาเมื่อไหร่ ก็แวะเข้ายิมได้ทันที

12.   นอกจากวิธีการที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว คุณอาจจะขอความช่วยเหลือจากคู่สมรสก็ได้ เพราะผู้หญิงในวัย 30 ส่วนมาก มักจะต้องให้เวลากับครอบครัวและการทำงาน หากรู้สึกว่า ไม่สามารถจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสมได้ ก็อาจจะให้ช่วยกันวางแผน หรือจัดกิจกรรมครอบครัว ที่ทำให้ออกำลังกายได้เช่น การขี่จักรยานด้วยกัน การปีนเขา หรือแม้กระทั่งการปิกนิค ซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญอาหารแล้ว ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ด้วย

 

 

ขอบคุณข้อมูล : http://gethealthyu.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook