เทคนิคลดอายุ โดยไม่พึ่งศัลยกรรม

เทคนิคลดอายุ โดยไม่พึ่งศัลยกรรม

เทคนิคลดอายุ โดยไม่พึ่งศัลยกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากคุณอยากจะทำให้ตัวเองดูเด็กลง คุณไม่ใช่คนเดียวที่อยากเป็นเช่นนั้น ผู้หญิงหลายคนยอมทุ่มงบไปกับการศัลยกรรม และการรับประทานอาหารเสริมนานาชนิด บางคนก็ได้ผลดี แต่อีกหลายคนก็ไม่สวยและดูดีอย่างที่ฝัน ถ้าคุณอยากลดอายุโดยไม่พึ่งพาวีธีดังกล่าว ลองมาปรับด้วยไลฟ์สไตล์ ทั้งการรับประทานอาหาร และการดำเนินชีวิต ด้วนยเทคนิคที่เรานำมาฝากคุณดังต่อไปนี้

เริ่มด้วยวิธีที่จะทำให้คุณดูอ่อนวัยลง

1. ยิ้มให้มากขึ้น การยิ้มทำให้คุณดูเหมือนเป็นคนที่มีความสุขในชีวิต การทำหน้าบี้งหน้างอ ทำให้คุณดูแก่กว่าวัย ดังนั้น ให้หมั่นยิ้มเข้าไว้

2. ทำผมให้ดูมีวอลลุ่ม การมีผมลีบแบน หรือผมบาง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง ก็ดูไม่ดีทั้งนั้น ดังนั้น การทำผมให้ดูหนา และมีวอลลุ่มจะช่วยได้

3. เลือกสีผมที่เหมาะกับตัวเอง หากมีผมหงอก ก็ให้ยอมผมปิดผมหงอกนั้นเสีย เลือกสีให้เหมาะกับสีผิว การย้อมผมให้เข้มขึ้นนั้น ยังช่วยทำให้ดูผมหนา ปิดหนังศีรษะได้ด้วย

4. รักษาผิวให้ชุ่มชื้น การมีผิวนุ่มชุ่มชื้น ช่วยให้ดูไม่แก่ และดูมีสุขภาพดี วิธีที่จะช่วยให้ได้คือ ไม่อาบน้ำร้อนจัด ใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ และทาครีม หรือโลชั่น หลังอาบน้ำ

5. ดูแลผิวหน้าให้เรียบเนียน ด้วยการป้องกันไม่ให้เกิดสิว ล้างหน้า ล้างเครื่องสำอางค์ออกให้หมด ก่อนนอนทุกคืน เพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตัน

ปรับการดำเนินชิวิตและใส่ใจสุขภาพ

1. ทำร่างกายให้ฟิต ด้วยการออกกำลังกาย การออกกำลังกายนั้น ทำให้เรามีพลังและมีชิวิตชีวา นอกจากนั้นยังทำให้ดูไม่แก่ กล้ามเนื้อจะได้รับการพัฒนาให้เกิดความสมดุลย์ และร่างกายยังหลั่งสารแอนโดฟิน ออกมาในระหว่างการออกกำลังกายด้วย เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด เราควรออกกำลังกายเป็นประจำ อาจจะเป็นการเดิน การวิ่ง ว่ายน้ำ หรือบริหารด้วยวิธีอื่น ๆ อย่างน้อย 70-150 นาที ต่อสัปดาห์

2. ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ การดื่มมากเกินไป ก็ไม่ได้ให้ผลดี เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาสุขภาพบางอย่างได้ เช่นมะเร็งในระบบการย่อยอาหาร ปัญหาโรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตัน ความดันสูง การทำงานของตับมีปัญหา ดังนั้น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น หากจะดื่ม ก็ไม่ควรเกินวันละ 1 แก้ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี แต่หากอายุยังไม่เกิน ผู้ชายอาจจะดื่มได้วันละประมาณ 2 แก้ว

3. งดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรื่ทำให้ผิวหนังเหยี่ยวย่น และยังส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคอีกมากมาย เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หลอดเลือดอุดตัน เบาหวาน โรคตา โรคเหงือก และมะเร็งอีกหลายชนิด โรคเหล่านี้ ยิ่งทำให้เราดูแก่ หารคุณเป็นคนที่สูบบุหรี่มานานหลายปี การเลิกจะทำให้สุขภาพดีขึ้น ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง และทำให้ดูเด็กลง

4. ป้องกันผิวหนังจากแสงแดด การทำให้ผิวเป็นสีแทนด้วยการนอนอาบแดด หรือการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ท่ามกลางแสงแดด ทำให้ผิวถูกรังสีอุลตร้าไวโอเล็ททำลาย ดังนั้น จึงควรป้องกันริ้วรอยและความเหี่ยวย่น ด้วยการใช้ครีมกันแดด ก่อนจะออกไปอยู่ท่ามกลางแสงแดดทุกครั้ง นอกจากนี้ ผู้ที่อยากมีผิวสีแทนบางราย เลือกใช้วิธีทางเคมีช่วย เช่น การการรับประทานยาที่มีสารเคมีบางชนิด สารเหล่านี้ ก่อให้เกิดอันตรายกับตับ และอาจจะมีปัญหาการมองเห็น ในกรณีที่ใช้สเปรย์ฉีด หรือโลขั่นทาให้ผิวสีแทน ก็ต้องระวังการสูดดม และการสัมผัสดวงตาเช่นกัน

5. อย่าให้ร่างการขาดน้ำ การดูแลไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ จะช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ช่วยขจัดสารพิษจากร่างกาย และทำให้ดูเด็กลง ผู้ใหญ่ ควรดื่มน้ำวันละประมาณ 16 แก้ว ซึ่งรวมถึงน้ำที่ได้จากอาหาร เครื่องดื่ม นม น้ำส้ม หรือกาแฟ ด้วย

การเลือกรับประทานอาหารที่ดี ทำให้ดูดี และรู้สึกดี

1. ร่างกายของเราต้องการโปรตีน เพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ดังนั้น การรับประทานโปรตีนในอาหารทุกมื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ และช่วยให้ดูไม่แก่กว่าวัย อาจจะเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว ก็ได้ โดยปกติแล้ว ผู้หญิงในวัย 19-30 ปี ควรรับประทานโปรตีน 5 ½ ออนซ์ ต่อวัน ส่วนผู้หญิงที่อายุมากกว่า 30 ควรรับประทาน 5 ออนซ์ ต่อวัน ผู้ชายอายุ 19-30 ควรรับประทาน 6 ½ ออนซ์ ต่อวัน ผู้ชายอายุ 31-50 ควรรับประทาน 6 ออนซ์ ต่อวัน และเมื่ออายุเกิน 50 ก็ให้รับประมาร 5 ½ ออนซ์ ต่อวัน

2. รับประทานอาหารที่ให้พลังงาน เพื่อทำให้กระปรี้กระเปร่า คาร์โบไฮเดรต เป็นอาหารที่ให้พลังงาน แต่ควรเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการในการแปรรูป เช่นพวกธัญพืช อาหารโฮล์เกรน โฮล์วีท ข้าวโอ๊ด ผัก ผลไม้ ซึ่งจะให้ไฟเบอร์ และให้พลังงานทำให้ไม่อ่อนเพลียตลอดทั้งวัน

3. รับประทานผักสด ผลไม้ เพื่อให้ดูเด็ก และมีชิวิตชีวา โดยเลือกรับประทานผักผลไม้ให้หลากสี หลากชนิด เพราะแต่ละสี ก็มีคุณค่าอาหาร และวิตามินต่างกัน เช่น สีเขียว มีวิตามินเคสูง ช่วยลดอาการบวมช้ำ ส่วนสีแดง มีไลโคปีนสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด นอกจากนี้ ผักผลไม้ ยังมีแคลอรี่ต่ำ แต่มีไฟเบอร์ และวิตามินสูง ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันสูง และเบาหวาน

4. ลดการรับประทานไขมัน เมื่อเราอายุมากขึ้น ระบบการย่อยอาหารจะทำงานแย่ลง ทำให้เรามีน้ำหนักเพิ่มได้ง่าย อ้วนง่าย ดังนั้น จึงควรจำกัดปริมาณการรับประทานไขมัน ให้ต่ำกว่า 65 กรัมต่อวัน และเลือกรับประทานไขมันที่เป็นประโยชน์ ไขมันจากเนื้อวัน เนื้อไก่ ลดไขมันทรานซ์ จากอาหารแปรรูปต่าง ๆ ไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ น้ำมันโอลิเวอร์ น้ำมันจากถั่ว เนยถั่ว อโวคาโด กรดไขมันโอเมก้า 3 ไขมันปลา เป็นต้น การรับประทานไขมันมากเกินไป จะทำให้ไขมันในเลือดสูง ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตันได้

5. ลดอาหารเค็ม เพื่อป้องกันโรคความดันสูง ลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ ตับ ปอด ผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานเกลือมากกว่า 1ช้อนชา ต่อวัน ประมาณ 2,300 มิลลิกรัม ต่อวัน และหากมีโรคประจำตัวเช่น ความดันสูง โรคหัวใจ ก็ไม่ควรรับประทานเกิน 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้น หากจะซื้ออาหารกล่อง อาหารรกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป รับประทาน ก็ควรอ่านฉลากให้ดีเสียก่อน เพราะอาหารแปรรูปต่าง  ๆ มักจะมีปริมาณเกลือสูง

ทำสมองให้ปลอดโปร่ง

1. การปรับให้มีอารมณ์ดี สมองแจ่มใส เริ่มจากการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ หากนอนไม่พอ อารมณ์จะขุ่นมัว หงุดหงิด การนอนให้พอยังช่วยให้รู้สึกสดชื่น เป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้น ไม่โทรม ไม่ดูตรากตรำ การนอนพักผ่อนให้เพียงพอนั้น ควรจะอยู่ในระหว่าง 7-9 ชั่วโมง

2. หาเวลาว่างเพื่อการผ่อนคลาย เป็นการชาร์จร่างกายให้สดชื่น ลดความเครียดให้กับทั้งร่างกายและสมอง อาจจะเป็นการเล่นโยคะ ทำงานศิลปะ หรือฟังเพลงก็ได้ วิธีการผ่อนคลายอย่างง่าย ๆ ให้ลองใช้สูตร 4-7-8 ดังนั้น หายใจเข้า นับ 4 กลั้นหายใจนับ 7 และผ่อนลมหายใจออกนับ 8 และในระหว่างนั้น ให้มีสมาธิอยู่ที่ลมหายใจ ทำซ้ำจนกระทั่งรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เวลาหายใจเข้า หายใจทางจมูก เวลาผ่อนลมหายใจออก ให้ปล่อยออกทางปาก

3. หางานอดิเรกทำ งานอดิเรก ช่วยทางด้านจิตใจ และยังเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ให้เราได้ด้วย ทำให้เราได้พบปะกับคนใหม่ ๆ สนใจหาความสุขจากสิ่งรอบข้าง อาจจะเป็นการทำอาหาร เล่นกีฬา หรือเข้าร่วมงานอาสาสมัครต่าง ๆ ก็ได้

4. ติดต่อกับคนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือครอบครัว อยู่เสมอ จะช่วยเติมเต็มชิวิตและความสุขได้ หากไม่มีเวลาก็อาจจะเป็นการติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ ก็ได้เช่นกัน

5. ดื่มกาแฟ จากการวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไม่ปกติทางจิตใจ และอารมณ์ได้ แต่ไม่ควรดื่มเกินวันละ 3 แก้ว

 

Credit : wikihow.com

Photo : istockphoto.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook