ก้อย รัชวิน ไม่เหลิงกับคำชมและไม่จมกับคำติ

ก้อย รัชวิน ไม่เหลิงกับคำชมและไม่จมกับคำติ

ก้อย รัชวิน ไม่เหลิงกับคำชมและไม่จมกับคำติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นนักแสดงอิสระที่มีผลงานต่อเนื่อง สำหรับ ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ ล่าสุดมีผลงานซีรีส์ชุด Melodies Of Life ตอน เป็นอย่างงี้ตั้งแต่เกิด โดย GMM BRAVO ออกอากาศทุกวันจันทร์ เวลา 21.30-22.30 น. ทางช่อง GMM25 และ in ได้พูดคุยกับก้อยเพื่ออัพเดตเรื่องงาน รวมทั้งมุมมองชีวิตในวันที่โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพอีกคนของวงการบันเทิง มีหลายเรื่องน่าสนใจ และน่าชื่นชมเลยทีเดียว

 

บทบาททอมฮะ ในซีรีส์ล่าสุด
     "เป็นบทสนุกดีค่ะ ก้อยรับบทเป็น ‘มอนต์’ เป็นผู้หญิงผิดหวังกับความรักและคิดฆ่าตัวตาย แต่มีเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย ทำให้ได้พบว่ายังมีคนดีอยู่ในโลก ซึ่งคนนั้นคือ ‘โอม’ รับบทโดยพี่ก้อง-สหรัถ มอนต์ตกหลุมรักอีกครั้งและหาทางรู้จักกับโอม ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ที่ไม่ชอบทำงานกับผู้หญิง

     "นั่นเพราะเขาเคยมีผู้จัดการร้านเป็นผู้หญิงที่เรื่องเยอะ พอมอนต์ไปสมัครเป็นผู้จัดการร้านนี้จึงทำตัวเป็นทอม ทำตัวห้าวๆ เพื่อให้โอมไม่คิดว่าเป็นมอนต์ผู้หญิงจริงๆ เขาจะได้สบายใจ แต่อินเนอร์ของมอนต์คือผู้หญิงที่หลงรักผู้ชายคนนี้

     "ดังนั้นต่อให้ท่าทางเป็นทอม แต่สายตาก็เป็นสายตาผู้หญิงคนหนึ่งที่มองผู้ชาย แอกติ้งก็จโอเวอร์ๆ ดูมีความเกินนิดๆ สนุกดีค่ะ ก็ไม่หนักใจกับบทเพราะปกติก้อยไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย

     "การทำงานกับพี่ก้อง-สหรัถ...ตั้งแต่เด็กๆ ก้อยโตมากับเพลงของนูโว พี่ก้องเป็นไอดอลในยุคหนึ่ง เราชื่นชมผู้ชายคนนี้และประทับใจทุกครั้งที่เจอกันตามงานต่างๆ เขาสุภาพแล้วเป็นขวัญใจทุกเพศทุกวัย

     "ก้อยก็ดึงโมเมนต์นั้นมาใช้ในการแสดง เพราะก้อยชื่นชมพี่ก้อง ฟังเพลงเจาแต่เราไม่เคยรู้จักไม่เคยร่วมงาน เช่นเดียวกับที่มอนต์ชื่นชมโอมโดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เราดึงอินเนอร์ตรงนี้มาใช้ได้"
 

วิธีทำงานแบบนักแสดงอิสระเราเต็มตัว
     "วิธีการทำงานของก้อยในฐานะนักแสดง คือความรับผิดชอบต่ออาชีพ โดยก้อยทำงานกับค่ายไหนก็ตามจะยึดบรรทัดฐานในการทำงานในเรื่องระเบียบวินัย การตรงต่อเวลา การทำการบ้าน นี่คือสิ่งที่ยึดถือเสมอมา

     "รวมทั้งการปรับตัวให้เข้ากับทุกๆ คน เพราะแต่ละกองมีการทำงานไม่เหมือน เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอกับการเริ่มต้นใหม่ ถ้าเปรียบคือหากเราเป็นแก้วที่มีน้ำเต็มแก้วแล้วจะรับน้ำอะไรไม่ได้เลย มันมีแต่ล้นออกไป ฉะนั้นทุกครั้งที่เริ่มต้นการทำงานใหม่ เราต้องเทน้ำในแก้วของเราออกก่อน เพื่อพร้อมรับอะไรใหม่ๆ

     "ก้อยโชคดีที่ได้ทำงานกับหลายคน ได้เจอทีมงานใหม่อยู่เสมอ จริงๆ แล้ววงการนี้จะว่ากว้างก็ไม่กว้างมาก จะว่าแคบก็ไม่ได้แคบนัก สุดท้ายเราจะวนกลับมาเจอกันอีก ฉะนั้นถ้าก้อยทำงานกับใครมาแล้ว ยังต้องเจอเขาอีกในงานต่อๆ ไป

     "ก้อยไม่เคยเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร และไม่เคยเอาใครไปเปรียบเทียบกับตัวเอง เราระลึกว่าตัวเราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล เรามีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจน การที่เรารู้จักเองว่าทำอะไรอยู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

     "ยิ่งเราทำงานมาเข้าหลัก 10 ปีแล้ว สิ่งที่ควรปฏิบัติตัวคือเสมอต้นเสมอปลาย อย่าคิดว่าทำงานเยอะจนเก่งแล้วหรือมีวิชามากกว่าคนอื่น จริงๆ ทุกคนมีความสามารถกันหมด

     "ฉะนั้นอย่าบอกว่าเราอยู่นานกว่า เห็นอะไรเยอะกว่า และเมื่อเรามีเป้าหมายชัดเจนว่าจะไปในทิศทางไหน จุดมุ่งหมายทำเพื่ออะไร จึงไม่มีความกดดัน


 
คำติชมมีผลกับใจขนาดไหน
     "มีผลอยู่แล้วค่ะ คือเราพร้อมรับฟังทุกด้านนะ พอฟังปุ๊บก็กรองก่อนเพราะคอมเม้นต์นานาจิตตัง แรกๆ ก้อยแคร์ทุกคน เช่น อ่านคอมเม้นท์ถึงก้อย 10 คนพูดถึงในข้อความทางที่ดี มีแค่ 1 ข้อความที่ไม่ดี แต่ใจเราไปผูกติดอยู่กับข้อความนี้ โดยที่ไม่ได้มองว่าอีก 10 คนชื่นชมและรักเรา

     "พอโตขึ้นเราเห็นสัจธรรมหลายอย่างในชีวิต เห็นการเกิดการดับมีอยู่ตลอดเวลา ทำให้เข้าใจได้ว่าตัวเราไม่สามารถเอาใจไปผูกกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ เราต้องอยู่กับความเป็นจริง รู้ตัวเรา รู้เท่าทันสิ่งที่ตัวเองเป็น และคนที่กล้าที่พูดความจริงกับเราคือคนที่รักเราจริง

     "ก้อยไม่เหลิงกับคำชมและไม่จมกับคำติ ถ้ามีคำติในการทำงานก้อยชอบมาก เราจะได้แก้ไขจุดข้อบกพร่อง อามาเป็นพลังผลักดันให้เราเรียนรู้แก้ไขทำให้มันดีขึ้น ส่วนคำชมได้ยินก็ดีใจ แต่ที่ดีไปกว่านั้นคือเราจะทำให้มาตรฐานที่คนชื่นชมเรานั้นคงอยู่ต่อไป คือก้อยปฏิบัติธรรมก็เข้าใจหลายอย่างค่ะ"
 


วิธีคิดและการใช้ชีวิตให้มีความสุข
 "ก้อยไม่มีวิธีอะไรเลยค่ะ แค่ใช้ชีวิตปกติ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เราคิดว่าอยากมีชีวิตส่วนตัว ต้องไม่ไปไหน ขังตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่กล้าเดินห้าง ไม่กล้าไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง มันคงไม่ใช่

     "เพราะจริงๆ แล้วอาชีพก้อยคืออาชีพรับจ้างที่มีคนเห็นเรามากกว่าคนทั่วไปเพราะอยู่ในสื่อนะ ก้อยมองว่าคนที่ทำงานตรงนี้มันมีคุณค่ามหาศาล เป็นอาชีพที่โชคดีมาก คือได้ทำงานที่ตัวเองรัก ได้ความสุขจากงาน อาจมีรายได้เข้ามาเยอะ ในขณะเดียวกันก็มีคนรักทั้งที่ไม่เคยเจอตัวเราด้วยซ้ำ แล้วเป็นอาชีพที่มีความสุขด้วย

     "ฉะนั้นก้อยรู้สึกขอบคุณทุกคนที่เดินเข้ามาหาและขอถ่ายรูป เพราะถ้าไม่มีคนเหล่านั้นเราต้องพิจารณาตัวเองแล้วนะว่าเพราะอะไร ยกตัวอย่าง อย่างพี่เบิร์ด-ธงไชย หรือ พี่ตูน บอดี้แสลม จะรักแฟนคลับมาก และคนที่มาหาเขาๆ จะใส่ใจในทุกคน นี่คือตัวอย่างที่ดีมากๆ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคนรักเขามากขนาดนี้

     "นั่นเพราะตัวตนเขาน่ารักเหมือนที่คนเห็นในทีวี น่ารักเหมือนผลงานที่แสดงออกมา ดังนั้น ก้อยเชื่อว่าเราแค่ใช้ชีวิตไปตามปกติ มีความสุขกับสิ่งที่ทำ มีความสุขกับงาน มีความตั้งใจดีกับทุกๆ สิ่ง จะทำอะไรให้คิดและมีสติก่อนทำ

     "แล้วก็แค่ทำในสิ่งที่ดีและถูกต้องเท่านั้นเอง แล้วถ้ามีโอกาสทำอะไรคืนให้กับสังคมได้บ้าง จงทำ และทำอยู่เสมอค่ะ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook