รีวิว ทำสวยแบบ Make over เปลี่ยนสาววัย 40 ให้เป็นคนใหม่

รีวิว ทำสวยแบบ Make over เปลี่ยนสาววัย 40 ให้เป็นคนใหม่

รีวิว ทำสวยแบบ Make over เปลี่ยนสาววัย 40 ให้เป็นคนใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัญหาริ้วรอย เหี่ยวย่น คงจะเป็นเรื่องกังวลใจของสาววัย 30 อัพ หรือในปัจจุบันบางคนอายุไม่ถึง 30 ก็เริ่มมีรอยย่นจนต้องหาวิธีเพื่อให้ตัวเองดูเด็กอ่อนวัย สดใสตลอดกาล 

วันนี้ Sanook! Women มีประสบการณ์อัพหน้าเด็กของสาววัย 40 สมาชิกหมายเลข 1964448 ในเว็บไซต์ pantip.com มาให้สาวๆ ได้ดูหลังจากที่เธอได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเปลี่ยนตัวเอง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ก่อนที่จะเลือกเข้าทำสวยกับคลินิกเสริมความงามกันค่ะ

เกริ่นมาเยอะเริ่มเล่าเลยแล้วกันนะคะ จขกท ก็เป็นเหมือนสาวๆทั่วไปค่ะ ดูแลผิวพรรณหน้าตาแบบง่ายๆ แค่ล้างหน้าทาครีมตามปกติก็คิดว่าพียงพอแล้ว ไม่ได้บำรุงอะไรเป็นพิเศษ

พอตอนนี้เข้าวัยขึ้นเลขสี่ค่ะคุณ ร่างกายสังขารโดยเฉพาะหนังหน้าเริ่มต้านทานความร่วงโรยของธรรมชาติไม่ไหว

ดูรูปภาพประกอบเอาแล้วกันค่ะ โฉมหน้า จขกท

 

นี้แอบใช้แอปแต่งรูปบ้างแล้วนะคะ ก็ยังเห็นริ้วรอยชัดเจน

 

นี้ละคะ แรกๆ ก็เฉยๆนะเพราะคิดว่ามันก็เป็นไปตามวัย แต่งหน้ากลบเกลื่อนเอา แต่พอโดนคนนั้น คนนี้ทักเข้าบ่อยๆ ว่าหน้าแกช่วงนี้ไปไวแล้วนะ อืม ก็จริงนะฉันอายุแค่เลขสี่ แต่หน้ามันวิ่งไปเลขห้าแล้วนะ

แถมเวลาส่องกระจกแม่เจ้า ตีนกามากันแทบจะหมดทั้งรัง ร่องแก้มชัดเจนมาก หนังตาก็ตกคุณพระ! จิตใจที่เคยหนักแน่น สตรองเพียงใดก็เริ่มสั่นคลอนสิค่ะทีนี้ ไม่รอช้าค่ะ จขกท ก็เริ่มเสาะหาครีมไหนว่าดี ครีมไหนว่าเริ่ด ช่วยต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลกได้ ก็ลองหามาใช้ แต่กว่ามันจะเห็นผลก็จะต้องใช้เวลาพักใหญ่เพราะสะสมริ้วรอยตามกาลเวลามามาก

ด้วยความที่แอบเป็นชะนีใจร้อนนิดๆ ระหว่างรอให้ครีมมันเห็นผล จขกท ก็เลยลองค้นหาข้อมูลหาวิธีลัดดูในอินเตอร์เน็ตว่าจะมีวิธีไหนที่น่าสนใจบ้าง

แน่นอนค่ะว่าไม่มีทางลัดไหนเร็วสุดเท่ากับการเข้าสถานบันเสริมความงามค่ะ

ซึ่งเราก็แอบศึกษาหาข้อมูลอยู่พักใหญ่ ยังไม่กล้าพุ่งตัวเข้าไปทำเสียทีเดียว เพราะกลัวเจ็บ กลัวเอฟเฟกต์ที่จะตามมาหลังจากไปทำ ซุ่มดูอยู่พักใหญ่ กดไลค์เพจสถาบันเสริมความงามไปก็หลายเจ้า จนกระทั่งมาเจอ fan page ของ The Klinique ซึ่งช่วงนั้นกำลังมีการรับสมัครอาสาสมัคร ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ The Beauty Reality By The Klinique ทำสวยแบบ Make Over กับทางคลินิกเข้าพอดี

ตอนแรก จขกท ก็มีแอบลังเลใจอยู่แต่หลังจากคิดไปคิดมา ก็ลองสมัครดูแบบขำๆเผื่อว่าฟลุคได้ทำสวยฟรีก็ดีไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปรากฏว่าทางคลินิกได้ทำการติดต่อกลับมาว่า จขกท ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการด้วย บอกตรงๆ เลยตอนนั้นดีใจมากสงสัยหน้าฉันโทรมมากจริงๆถึงผ่าน แต่ก็แอบหวั่นๆนิดหน่อยเพราะยังไม่เคยเข้าคลินิกทำสวยมาก่อน

หลังจากนั้นทางคลินิกได้นัด จขกท เข้าไปพบแพทย์เพื่อดูปัญหาว่าต้องทำการแก้ไขตรงจุดไหนบ้างค่ะ แอบอายนะเนี่ยต้องแก้หลายจุดอยู่เหมือนกันค่ะ

มาดูหน้าป้าก่อนซ่อมกันค่ะหลานๆ

หน้าตรง 

เอียงข้างเบาๆ 



ด้านข้างค่ะ

หลักๆเลยนะคะทางคุณหมอจะทำการ กระชับใบหน้า กรอบหน้า และ ฟื้นฟูริ้วรอย โดยเฉพาะริ้วรอยตามวัยที่เป็นร่องลึก
และทำการปรับชั้นหนังตาที่ตกลงมาให้ จขกท ค่ะ ซึ่งวิธีการต่างๆจะขอเล่าเป็นข้อๆแล้วกันค่ะว่าทำอะไรกับใบหน้าไปบ้าง

หลังจากวันนัดดูหน้ากันเสร็จ คุณหมอก็นัดวันมาทำสวยจริงๆเสียที
เริ่มจากการยกกระชับใบหน้าทางคุณหมอได้ใช้ นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้าที่เรียกว่า Thermage CPT  (เทอมาจ ซีพีที)
เป็นการยกกระชับผิวหน้า เก็บกรอบหน้าที่หย่อนคล้อย และยกหนังตาที่ตกขึ้น โดยใช้คลื่นวิทยุส่งผ่านชั้นผิวหนังเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และสลายไขมันบนใบหน้า ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้นค่ะ

ก่อนทำคุณหมอก็ทายาชาให้ก่อนประมาณ 30-45 นาที จะได้ผ่อนคลาย (หมอบอก อิอิ)
จากนั้นคุณหมอก็จะเริ่มใช้เครื่อง Thermage CPT  ทำการยิงพลังงานลงไป  
ความรู้สึกตอนทำก็รู้สึกแบบร้อนลงไปลึกๆนะคะแต่ไม่มากพอทนได้ค่ะ
เสร็จจากการทำ Thermage CPT  ก็ต่อด้วยการรักษา ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึกทั้งหลายค่ะ
ของ จขกท จะมีปัญหา ที่เจ้าร่องใต้ตา ที่ทำหน้าให้ดูโทรมเป็นหมีแพนด้า ร่องแก้ม
ยาวมาเรื่อยๆ ยันร่องปากที่เป็นทรงคว่ำทำให้หน้าดูบึ้ง แล้วก็คางที่เริ่มถอยไม่เข้ารูป

ก่อนวันนัดทำหน้า จขกท ก็ศึกษาหาความรู้มาบ้างว่าเจ้าฟิลเลอร์เนี่ยมันเป็นสารประเภท ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)
สามารถสลายไปตามธรรมชาติได้ซึ่งหลังจากฉีดแล้วอาจอยู่ได้ประมาณ 1 ปีขึ้นไป แต่ต้องผ่าน อย. เท่านั้นนะ
แนะนำให้ใช้ยี่ห้อดีๆเลย ของอเมริกานี่ดีสุด แต่หมอก็บอกว่าแต่ละส่วนของใบหน้าก็จะใช้ชนิดที่แตกต่างกัน ตามปัญหาของผิวเรา
ซึ่งสี่จุดนี้ก็โดนเข็มจิ้มไปหลายดอกอยู่ค่ะเจ็บไหม เจ็บแบบเข็มจิ้มจึกๆค่ะ แต่ไม่มากเพราะยาชา อยากจะสวยเราต้องอดทนนี้นะ ฮึบ!เข้าไว้

เอาล่ะถ้าคิดว่าปฏิบัติการซ่อมหน้าของ จขกท จบแล้ว ยังค่ะคุณ! ก็บอกแล้วว่าสะสมอารยธรรมแห่งวัยมาเยอะ  
มาต่อกันที่ริ้วรอยบนหน้าผากและเจ้าตีนกามหาภัยที่เวลายิ้มทีไร แทบหมดความมั่นใจทุกที
ตรงนี้ก็โดนฉีดอีกแล้วแต่คุณหมอใช้การฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งเจ้าโบท็อกซ์เนี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนค่ะ ถ้าเสื่อมแล้วก็ต้องเติมกันใหม่นะ

เสร็จภารกิจลดริ้วรอยฟื้นฟูความเสื่อมโทรมต่างๆ แล้วทางคุณหมอยังทำการใช้เลเซอร์กำจัดไรผมตามกรอบหน้าผากให้ด้วยค่ะ
คุณหมอทักว่าหน้าผากแคบ หน้าตาไม่สดใส ไม่รับทรัพย์นะ ทำเสียหน่อยหน้าผากจะได้กว้างขึ้น เปิดรับทรัพย์
แหมเพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าคุณหมอดูโหงวเฮ้งเป็นด้วย

วันนั้นพอทำหน้าเสร็จกลับบ้านทุกอย่างก็ยังตึงๆอยู่นะ คือต้องใช้เวลาสักพักกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางค่ะ  
จขกท ก็ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของคุณหมอค่ะ

เอาล่ะ! ได้เวลาอัพเดตหน้าใหม่กันละค่ะ

ภาพนี้เป็นตอนหลังทำประมาณ  10 วันค่ะ

ยังดูตึงๆ อยู่ แต่ผิวดีขึ้นเยอะเลย เริ่มมีคนทักละ ที่จริงวันแรกที่กลับบ้านไปลูกก็ทักเลยว่าแม่ไปทำไรมาดูผิวหน้าตึงขึ้น  555

ผ่านมาได้ 2 สัปดาห์นิดๆ  โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์เริ่มเข้าที่ รู้สึกผิวกระชับมากขึ้นด้วย

เอาละ 3 สัปดาห์ละ มั่นใจมากขึ้นเยอะ ที่ทำงานทักกันทุกคนหน้าเด็กลงอย่างที่หมอสัญญาไว้เลย ยิ้มแก้มปริ

1 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก วันนี้จะไปออกงาน เลยขอเอารูปมาให้ดูกันค่ะว่าหลังจากโมหน้าเสร็จแล้วเป็นอย่างไรบ้างค่ะ


ว้าย ฉันเปลี่ยนไป







ปลื้มปริ่มมากค่ะ จขกท ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ คนรอบข้างบางคนที่ไม่รู้เรื่อง
ถามกันใหญ่ว่าไปทำอะไรมา ดูเด็กลงไปเยอะมาก เราก็ตอบไปตรงๆนะ
ว่าไปเข้าร่วมโครงการทำสวยมา ทำเอาหลายๆคนอยากไปทำแบบเราบ้าง

ตรงนี้ จขกท ต้องขอบคุณทางคลินิกมากค่ะ ที่ได้เลือก จขกท ให้เข้าร่วมโครงการ
เหมือนได้เกิดใหม่เลย ตอนนี้ความมั่นใจกลับมาเต็มร้อย คนรอบข้างนี้เลิกล้อว่าป้ากันไปเลยค่ะ

การเข้าคลินิกเสริมความงามเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่สนใจจะรักษาความงาม หรือฟื้นฟู ริ้วรอยที่เสื่อมโทรมไปตามวัยนะคะ
ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการที่ไหน ต้องศึกษาหาข้อมูลเพื่อเลือกใช้บริการกับสถานบริการที่ถูกกฎหมาย สะอาดปลอดภัย
และน่าเชื่อถือได้ค่ะ ส่วน จขกท หลังจากนี้ก็จะดูแลรักษาผิวพรรณให้มากขึ้นเพื่อให้ความงาม คงอยู่กับตัวเองไปนานๆค่ะ
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook