อกหักอย่างไรให้เป็นสุข!

 

นานมาแล้วตอนเที่ยงคืนกว่าๆ น้องที่สนิทคนหนึ่งไลน์มาหาจูนค่ะ เขาไลน์มาบอกว่า “พี่จูนช่วยพูดให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่าหน่อย” เอาแล้วค่ะ คิดแล้วว่านางต้องมีซัมติง แต่ด้วยความที่ตอนนั้นกำลังสาละวนอยู่กับภารกิจส่วนตัวเลยยังไม่ได้ตอบไลน์นางทันที แล้วพอผ่านไป 15 นาที นางก็ไลน์มาบอกว่า ไม่ต้องแล้ว โอเคแล้ว ซึ่งหลังจากได้พูดคุยกัน ก็ได้รู้ว่า จริงๆแล้วนางอกหัก อดีตคนรักของนางใช้คำพูดจาบจ้วงทำร้ายน้ำใจจนนางหาค่าตัวเองไม่เจอ แต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจก็คือ ภายในไม่กี่วันนางสามารถดีขึ้นได้ราวกับไม่เคยผ่านการอกหักมาก่อนในชีวิต แถมยังมีความคิดสร้างสรรค์ครีเอทงานของนางได้อย่างพรั่งพรู ยิ่งกว่านั้นค่ะ นางแต่งตัวเป๊ะปังไปช้อปปิ้งเก๋ๆ ชีวิตดี สังคมดี แฮปปี้ดี๊ด๊า ตอนแรกก็คิดว่า กลบความเศร้าหรือเปล่านะ แต่พอมาพูดคุยกัน ไม่ใช่ค่ะ นางไม่ได้กลบเกลื่อนความเศร้า แต่นางมีวิธีจัดการความเศร้าได้อย่างชะงัดนัก!

นอกจากจัดการความเศร้าของตัวเองได้แล้ว นางยังไปช่วยสร้างกำลังใจให้กับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็ดีขึ้นซะด้วย! เห็นน้องเขาอกหักแต่แฮปปี้ได้ขนาดนี้ เลยขอวิธีจัดการอาการอกหักของเขามาแบ่งปันให้คุณผู้อ่านดูบ้าง เผื่อจะทำให้ใครดีขึ้นได้ แม้สักนิดก็ยังดี ซึ่งต้องบอกก่อนว่า วิธีของน้อง ถ้าอ่านแล้วทำ มันจะได้ผลค่ะ แต่ถ้าอ่านแล้วจบ คุณก็จะต้องติดแหง็กอยู่กับอาการเซ็งโลกไม่สร่างซา เลือกเอาแล้วกันนะคะว่าต้องการดีไซน์ชีวิตตัวเองให้เป็นแบบไหน

ก่อนอื่นนางบอกไว้ก่อนเลยว่า นางให้เครดิตครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือครูอ้อย เข็มทิศชีวิต ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง คือช่วงเวลาที่นางเฟล นางอ่านหนังสือและดูยูทูปที่ครูอ้อยสอนวิธีทำใจต่างๆ แล้วเอามาใช้ นางเล่าให้จูนฟังว่า

“อย่างแรกที่ต้องทำก็คือ มันต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดให้ได้อ่ะพี่จูน เราต้องยอมรับว่าอกหักนะ เขาไปแล้วนะ คือบางคนดันทุรังไง ยังมโนว่า ไม่จริง ฉันไม่ได้อกหัก เขาจะกลับมา ยังหลอกตัวเองอยู่ มันไม่ได้อ่ะ คุณต้องยอมรับความจริงให้ได้ก่อน พอเรายอมรับความจริงได้ ทุกอย่างจะง่ายขึ้น ทีนี้พอเรายอมรับสิ่งที่เกิดได้แล้ว เราตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่า เราเกิดมาบนโลกนี้เพื่ออะไร เราเกิดมาเพื่อทำอะไรบางอย่างให้กับโลกอ่ะพี่ เราต้องทำประโยชน์ให้คนอื่น พอเราคิดนะว่าเราจะทำประโยชน์เพื่อคนอื่นๆ เราจะเห็นคุณค่าของตัวเองขึ้นมาทันทีเลย ไอ้ที่เราโดนเขาพูดจาไม่ดีใส่จนเราด้อยค่า มันหายวับไปเลยจริงๆ พอเราคิดว่าเราจะทำประโยชน์เสร็จ เราก็คิดอีก คิดถึงงานบ้าง งานที่ทำอยู่เราจะทำยังไงให้มันเป็นประโยชน์กับลูกค้า คือคิดถึงว่าเราทำอะไรเพื่อคนอื่นได้บ้าง เป็นการให้อย่างแท้จริงอ่ะพี่ เราจะรู้สึกดีขึ้นมาเลย และที่สำคัญที่สุดนะ พอเกิดเรื่องแล้วเราต้องถามตัวเองด้วยว่า เราเรียนรู้อะไร แล้วเราได้อะไรจากมัน อย่างผมเอง อกหัก เจ็บไหม เจ็บมากนะ ผมเรียนรู้ว่า เขาไม่รัก ผมก็ปล่อย ผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับชีวิตเขา เพราะเขาต้องการอย่างนั้น ถ้าถามว่าผมได้อะไรจากการอกหักครั้งนี้ สิ่งที่ผมได้คือ ผมรักพ่อแม่มากขึ้น ได้อ่านหนังสือมากขึ้น ได้เข้าใจธรรมะมากขึ้นด้วย ผมเชื่ออยู่อย่างนะ ว่าวิกฤตมันจะทำให้เราโตขึ้น”

นอกจากแนวคิดของนางที่ได้เล่าให้จูนฟังแล้ว พอบอกนางว่าจะขอเอามาลงบล็อกของ Sanook.com เป็นวิทยาทานให้กับคนอ่าน นางบอกว่าให้เขียนเทคนิคการจัดการอารมณ์เศร้าเพิ่มเข้าไปด้วย ซึ่งเทคนิคที่ว่ามีดังนี้ค่ะ

เศร้าแบบจำกัดเวลา             ตรงนี้นางบอกว่า รู้ว่าคนอกหักใหม่ๆ เศร้าทุกคน นางเองวางสายจากอดีตคนรักก็โซแซดชีช้ำกะหล่ำปลี นางร้องไห้ออกมา นางเศร้าเหมือนคนอื่นๆนี่ล่ะค่ะ แต่นางบอกว่า มันต้องมีลิมิต คืออยากร้องก็ร้อง แต่จำกัดเวลาด้วย ฉันจะร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดแค่ครึ่งคืนนะ คือต้องเสียใจอย่างมีสติ ตอนเช้าฉันจะหยุด แล้วฉันจะปรับสภาพจิตใจใหม่ ทุกอย่างต้องดีกว่านี้

ปรับกายภาพให้ดี             แม้ว่าภายในใจเราจะยังไม่เข้มแข็ง แต่ถ้าเราปรับกายภาพของเรา มันช่วยให้เราดีขึ้นได้ในระดับหนึ่งเลยค่ะ  ห้ามไปก็อปปี้ท่าทางนั่งหงอยๆเหม่อลอยตามเอ็มวีเพลงเศร้า กายภาพเราต้องเปิด อย่าเดินห่อไหล่ ปรับบุคลิกให้ดูสง่า แต่งตัวให้ดีให้ปัง อย่าเผลอแสดงอากัปกิริยาหดหู่เด็ดขาด พอกายภาพเราเปิด เดี๋ยวจิตใจจะเริ่มคล้อยตามกายภาพของเราให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

เห็นภาพชีวิตที่ดีของตัวเองในอนาคต             ข้อนี้สำคัญ นางบอกว่า คุณต้องเห็นภาพชีวิตที่ดีเยี่ยมของตัวเองในอนาคตให้ได้ น้องฝากให้เครดิตครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง มาอีกเช่นเคย น้องบอกว่า ประโยคที่ติดหูของน้องที่ครูพูดก็คือ

“อย่ายอมให้ใครมีความสุขที่เห็นเรามีความทุกข์ หรือสะใจที่เห็นเราพ่ายแพ้ ถ้าอยากเอาคืนใคร ให้เริ่มที่เราเอาชีวิตตัวเองคืนมา”

            น้องบอกว่า ประโยคนี้คือพีคสำหรับนางมาก จากนั้นนางเห็นภาพตัวเองเลยค่ะ ว่าชีวิตนางต้องดี ไม่ใช่ดีธรรมดานะคะ ต้องดีเยี่ยมด้วย ไม่ว่าจะการงานที่ประสบความสำเร็จ เงินทองที่มั่งคั่งมีเข้ามาไม่ขาดสาย คือเห็นทุกอย่างทุกมุมให้ดีเยี่ยม พอเห็นแล้วทำให้รู้สึกว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ชีวิตจะมีพลังขับเคลื่อน แล้วสิ่งดีๆมันจะตามคุณมา! ก่อนจบการสนทนาชะล้างหัวใจกับน้อง เขาฝากมาอีกนิดว่า เปลี่ยนชีวิตมันทำได้เพียงเสี้ยววินาที มันเริ่มที่ความคิดแค่นั้น ใจเราต้องคิดแต่สิ่งดีๆ พูดดี คือแค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตจะเปลี่ยนทันที มันอยู่ที่เราจะทำไหม แล้วเราต้องเห็นตัวเองดีให้ได้ก่อน เพราะเราเห็นตัวเองยังไง คนอื่นเขาก็จะเห็นอย่างนั้น

    จริงๆจูนว่า ไม่ใช่แต่คนอกหักหรอกค่ะที่เอาวิธีการนี้ไปใช้ได้ คนที่กำลังเฟลกับชีวิตไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามก็เอาไปใช้ได้เหมือนกัน จูนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเจอกับวิกฤตทางใจ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ ถ้าเราตั้งใจเปลี่ยนตัวเอง ความสุขอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน:)