เป็นแบบนี้ แบบ กาละแมร์-กาละแมร์

เป็นแบบนี้ แบบ กาละแมร์-กาละแมร์

เป็นแบบนี้ แบบ กาละแมร์-กาละแมร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"คนชอบคิดว่ากาละแมร์ปากจัด เถียงคำไม่ตกฟาก แต่เราเป็นดาวพระศุกร์"

เธอเป็นผู้หญิงที่ทำให้คนนึกถึงภาพแรงๆ ของหญิงมั่นๆ ที่ทำทุกอย่างด้วยความมั่นใจเต็มที่ แถมบางทีอาจจะเต็มที่เกินไป

เถียงซะตั้งแต่ตอนนี้เลย ถ้าไม่คิดอย่างนั้น

อืมม,ดูเหมือนจะหาคนเถียงยาก

...

กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ

พัชรศรี เบญจมาศ ที่ใครๆ ถนัดเรียกว่า "กาละแมร์" มากกว่า บอกว่า ความจริงชื่อเล่นของเธอคือ "แมร์" อันแปลว่า "ทะเล" ในภาษาฝรั่งเศส หรือ "ม้าตัวเมีย" ในภาษาอังกฤษ แต่พอมาทำงาน กลับถูกเรียกเพี้ยนเป็น "แนร์", "แอร์", "เม" และบางครั้งก็ "แมว" ไปโน่น ครั้นอธิบายว่าก็ออกเสียงง่ายๆ เหมือน "กาละแม" สุดท้าย "ทะเล" และ "ม้าตัวเมีย" เลยกลายเป็นขนมไทยไปซะงั้น

ทุกวันนี้นอกจากงานประจำคือ พิธีกร "ผู้หญิงถึงผู้หญิง", "ราตรีสโมสร" และ "เก็บตก" กาละแมร์ยังเป็นคอลัมนิสต์ให้หนังสือมติชนสุดสัปดาห์,คลีโอและเว็บไซต์ชิค กับมีงานไม่ประจำทั้งอีเวนท์ อ่านสปอตโฆษณา แล้วยังเจียดเวลาว่างไปขี่ม้า แบบไม่กลัวขาโก่ง

"อย่าได้แคร์" เธอว่า

"เพราะชีวิตต้องมีแพสชั่นอยู่เสมอ ไม่ใช่ตื่นมาแล้วเซ็งจังเลย แต่แมร์เป็นคนที่พอทำอะไรไปสักพักจะรู้สึกไม่ท้าทาย นิ่งๆ เบื่อๆ ก็จะคุยกับตัวเองว่าอยากทำอะไรอีก"

คำตอบคือ หนึ่ง-ขี่ม้า สอง-อยากไปทำงานต่างประเทศ

"ไปเจอคนใหม่ๆ เรื่องราวใหม่ๆ ให้ได้เรียนรู้ เหมือนเริ่มนับจากศูนย์อีกครั้ง ชอบความรู้สึกที่จะได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้ โดยเฉพาะอะไรที่คิดว่าไม่น่าจะทำได้ อย่างขี่ม้า เมื่อก่อนแค่มองก็กลัวแล้ว ไม่กล้า แต่วันนี้พามันวิ่งได้ ก็ถือว่าไกลแล้วที่มาได้ขนาดนี้"

"แพสชั่น" ความหลงใหล ความกระตือรือร้น อย่างล่าสุดของเธอจึงเป็นการขี่ม้าอย่างที่ว่า

แต่เดี๋ยวคงเปลี่ยน?

ใช่ เธอรับพร้อมหัวเราะร่า

เพราะทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น

งานก็เหมือนกัน

"มันไม่มีคำว่าตลอดไปในแวดวงสื่อ ความไม่แน่นอนคือคำตอบ ซึ่งเราต้องยอมรับ"


ฉะนั้น หากเกิดอะไรขึ้น แมร์จึงยืนยันว่าไม่มีปัญหา

"ชีวิตถูกฝึกให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ยึดติดว่าต้องประสบความสำเร็จตลอด และถ้าไม่ได้ก็ไม่เคยตีโพยตีพายว่าใคร ทำไม เพราะอะไร อย่างไร มันไม่มีประโยชน์"

ด้วยทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีทั้งที่อยู่ในการควบคุมและนอกเหนือการควบคุม

"บางเรื่องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ คำสั่ง ไม่มีประโยชน์ไปตีโพยตีพาย ยอมรับมันซะ"

"แต่อะไรที่อยู่ในความสามารถเรา เราจะทำให้ดีที่สุด แล้วทุกอย่างอยู่ที่ใจ แมร์ใช้ใจเป็นใหญ่ ตั้งใจกับการทำ ไม่ใช่รู้อย่างนี้ทำอย่างนั้นดีกว่า เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นถ้าถามว่าอยากแก้ไขอะไรมั้ย ไม่ เพราะทุกอย่างที่เคยเกิดคือประสบการณ์ในทุกวันนี้"

วิธีคิดของแมร์จึงเป็นว่า โอกาสมา คว้าไว้ และทำให้ดีที่สุด

ทุกงานที่รับ ทุกสิ่งที่ทำ จึงเป็นสิ่งที่ทำด้วยความตั้งใจ

"อะไรที่เห็นคือเลือกแล้ว คิดแล้ว" เธอบอกอย่างมุ่งมั่น

ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วว่า

"เพราะเราเป็นคนฝืนไม่ได้ เก็บอารมณ์ไม่อยู่ เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่มีมารยาททางการเฟคจริงๆ"

ได้ยินแล้วก็ต้องเชื่อ เพราะนอกจากจะพูดด้วยหน้าตาจริงจัง และพยักหน้าอย่างแรงแล้ว แววตาเธอยังคมกล้า ก่อนยืนยันอีกว่าคนอย่างแมร์ถ้าไม่ชอบอย่ามาบังคับ เพราะไงๆ คำตอบสุดท้ายก็คือ "ไม่อย่างแน่นอน"

มิน่าใครๆ ถึงว่าเธอแรง

"วัฒนธรรมสังคมมีแบบหล่อเอาไว้ ว่าหญิง-ชายในอุดมคติเป็นยังไง แต่เราไม่เป็นแบบนั้น แล้วคนอย่างเราก็ไม่น่าจะใช่ส่วนน้อยด้วยซ้ำ เพียงแต่คนอื่นๆ เขาไม่ได้ทำหน้าที่แบบเรา เรามีช่องทางในการพูด เหมือนเป็นตัวแทนของคนที่อยากจะพูด ซึ่งวัดเอาจากฟีดแบ๊คคนดู ก็โห!นี่ละ คนอยากให้พูดแบบนี้ รู้สึกว่าจริงๆ นะว่ามีคนอยากพูดเหมือนกัน แต่ไม่มีโอกาส หรือไม่กล้า เพราะกลัวว่าพูดแล้วจะมีฟีดแบ๊คกลับมา อุ๊ย!เธอ แรงนะจ๊ะ แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราตั้งใจดี มีเจตนาดี แสดงความเห็นในสิ่งที่ไม่ถูกและอยากให้มีการแปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น คนจะค่อยๆ เข้าใจ"

"แรกๆ ที่ทำรายการ คนไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนี้จะหัวเราะดังไปทำไม พูดแรง พูดตรง พูดในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่พูดทำไม จากที่ไม่เข้าใจเลย ค่อยๆ เข้าใจ รับได้ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแบบนี้จริงๆ ไม่ใช่เป็นเดือนสองเดือน ดังตู้มต้าม แล้วเลิก ยายนี่เป็นอย่างนี้จริงๆ และนี่ไม่ใช่ทั้งหมดด้วยซ้ำ ถ้ามีโอกาสเรียนรู้กันก็มีอีกหลายมิติที่อยากให้คนรู้จักเรา"

แล้ว "มิติ" ที่เห็นจากหนังสือเหน็บแนมผู้ชายล่ะ

"มันเป็นอารมณ์สะใจน่ะ" แมร์บอกยิ้มๆ

"คือผู้ชายดีๆ มี แต่ทำไมไม่ค่อยเจอ นึกออกมั้ย เป็นเกย์ เป็นไบ แล้วยังมีพวกถูกคัดสรรแต่งงานไปหมดแล้ว แล้วเรารู้สึกว่าผู้หญิงเป็นเพศรักใครรักจริง รักแล้วยอม ใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล เพราะงั้นเวลาเจ็บจะเจ็บมาก เราไม่ได้แอนตี้ความรัก ไม่ได้เกลียดผู้ชาย เป็นคนที่อยากแต่งงาน แต่ที่ต้องการนำเสนอคือผู้หญิงต้องมีสติเวลามีความรัก แล้วอย่าล้มระเนระนาดเวลาผิดหวัง"

"แล้วผู้หญิงจะมีสี..." แมร์บอก

สำหรับความรักแล้ว คือสีชมพู

"แล้วเวลาผู้ชายมาหลอก โลกจะยิ่งโคตรชมพูเลย ทำให้ไม่ได้เตรียมใจรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราจะบอกว่านี่คือความจริงของชีวิต อย่าคิดว่าโชคชะตากลั่นแกล้ง เพราะโดนกันถ้วนหน้า จะได้ไม่ร้องไห้ล็อคประตูอยู่ในห้องน้ำ ไม่ต้อง เข้าใจ ยอมรับแล้วยืนได้ด้วยขาของตัวเอง"

พูดซะขนาดนี้ แต่อย่าได้คิดเชียวว่ากาละแมร์น่ะ "เป็น" มาแต่ไหนแต่ไร เพราะความจริงก่อนจะ "เป็น" อย่างนั้น เธอก็เคยผ่านแบบโน้นมาก่อน

"นางเอกหนังสือจะมี 2 อย่าง คือนางเอกน้ำเน่ากับนางเอกสู้คน เราเป็นดาวพระศุกร์มาตลอด"

เพิ่งมาเปลี่ยนตอนเลิกกับแฟนคนล่าสุดนี่ละ

คิดไม่ถึงเลยนะนี่-เราว่า

"ก็นั่นไง" แมร์ย้อนทันที

"คนชอบคิดว่ากาละแมร์ปากจัด เถียงคำไม่ตกฟาก แต่เราเป็นดาวพระศุกร์"

"แต่แมร์อยากเห็นผู้หญิงไทยยืนได้ด้วยขาตัวเอง มีชีวิตเป็นของตัวเอง"

ประกาศตัวชัดเจนแบบนี้ แถมงานเขียนที่ออกมาก็มีทั้ง "ผู้ชายเลวกว่าหมาและไม่ได้มาจากดาวอังคาร" , "ผู้ชายร้ายกว่าเสือ" ฯลฯ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าขณะที่ผู้หญิงหลายคนชื่นชม ผู้ชายบางคนอาจจะเบ้หน้าเวลาพูดถึง

"ไม่แปลกใจ" แมร์ว่า

"ต่อหน้าคงไม่มีใครมาแบบผมเกลียดคุณ แต่โดยไม่แสดงตัวคงต้องมี อย่างในอินเตอร์เน็ต ความเห็นกระหน่ำ แต่เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เจตนาเราคืออะไร"

ฉะนั้น ว่าได้ก็ว่าไป ไม่ซีเรียส เธอบอกนิ่งๆ

แน่นอน นี่เป็นอาการระยะหลัง

"ตอนเด็กๆ ก็ปิดประตูร้องไห้ปึงปังในส้วม อ่านหนังสือทีก็ตายแล้ว ทำไมคิดกับเราอย่างนี้ ช่วงทำงานใหม่ๆ 20 กว่า โดนเยอะมาก ชั้นต้องฆ่าตัวตายรึเปล่ายะ โดนด่าซะขนาดนี้" ดูจากอาการหัวเราะเสียงดังหลังเล่า ก็เข้าใจได้ว่าถึงตอนนี้เธอคิดตกแล้วจริงๆ

แต่กว่าจะคิดได้ "ไม่ใช่ง่าย" เธอบอก

"แมร์ว่ามันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ต้องอยู่ให้ได้ ชีวิตเลือกแล้วว่ารักงานนี้ นี่ก็เหมือนแพคเกจของชีวิต เหมือนตำรวจเป็นอาชีพที่มีเกียรติ คนกลัว คนเกรง แต่เสี่ยงตายนะ ทุกอย่างทุกอาชีพมีข้อดีข้อด้อย เหมือนกับที่เราอาจจะได้ค่าตอบแทนสูง แต่นี่คือมูลค่าที่เราต้องจ่าย"

"ดังนั้น อย่าคิดว่าทำไมดาราได้เงินเยอะ เขามีหลายอย่างที่ต้องจ่ายซึ่งคนอื่นไม่ได้รู้"

ถามกาละแมร์ในวัย 33 ฐานที่ทำอะไรมาหลายอย่าง ว่ามีอะไรอีกไหมที่อยาก แต่ยังไม่ได้ทำ เธอนิ่ง คิดอยู่สักพัก แล้วจึงว่า

"เป็นความยากของชีวิตอย่างนึงนะ คือพอได้ทำอะไรที่ยากขึ้นๆ ก็จะเจอโจทย์ที่ยากกว่าเดิม ว่าแล้วจะทำอะไรต่อไป แต่พออายุมากขึ้นเวลาทำอะไรจะคิดว่าคนที่เสพงานเราจะได้อะไรจากผู้หญิงคนนี้ คิดถึงเรื่องการคืนกลับสู่สังคมว่าเขาจะได้อะไร ไม่ใช่แค่มัน สะใจ สนุกสนาน เพราะเขาเสียสละเวลามาดู มาอ่าน เสียเงินเพื่องานของเรา"

นี่คือความคิดพื้นฐาน ส่วนตัวงานที่จะออกมาต่อไปนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องคอยดู

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook