5 เคล็ดลับเพิ่มไอคิวลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์

อยากให้ลูกน้อยมี IQ สูงและสติปัญญาดีทำได้ไม่ยาก แค่คุณแม่เริ่มดูแลตัวเองให้ดีที่สุดตั้งแต่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะการทานอาหารและทำกิจกรรมที่จะส่งผลต่อสติปัญญาของลูก ซึ่งเราก็ได้รวบรวม 5 เคล็ดลับเจ๋งๆ ที่จะทำให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีไอคิวสูงตั้งแต่อยู่ในครรภ์มาฝากกันดังนี้

1.พูดกับลูกบ่อยๆ

รู้ไหมเอ่ยว่าลูกสามารถรับรู้และฟังสิ่งที่พ่อแม่พูดกับเขาได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพ่อแม่กำลังพูดว่าอะไร แต่ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและสายใยรักที่สื่อต่อกัน ก็จะทำให้เขารู้สึกมีความสุขและสามารถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้กับลูกน้อยได้มากทีเดียว ดังนั้นลองหมั่นพูดคุยกับลูกบ่อยๆ ดูสิ

2.ทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว

กรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและไอคิวของทารกน้อยในครรภ์ โดยกรดไขมันประเภทนี้ได้แก่ DHA ARA และ AA นั่นเอง ซึ่งสามารถพบได้มากในปลาทะเลและธัญพืชต่างๆ เพราะฉะนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรเน้นการทานอาหารเหล่านี้ให้เยอะๆ

 

3.ลูบหน้าท้องเป็นประจำ

การลูบหน้าท้องจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองของลูกน้อยในครรภ์ได้ดี ซึ่งก็มีผลต่อการพัฒนาการและเจริญเติบโตของลูก ดังนั้นคุณแม่จึงควรลูบหน้าท้องบ่อยๆ โดยแนะนำให้ลูบเป็นวงกลมวนไปมาจากไหนก่อนก็ได้ เท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มไอคิวให้กับลูกน้อยได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว

4.ฟังเพลงจังหวะเบาๆ

รู้ไหมเอ่ยว่าการฟังเพลงของคุณแม่ก็ส่งผลต่อการเพิ่มไอคิวให้กับลูกน้อยในครรภ์เช่นกัน โดยเฉพาะเพลงเบาๆ สไตล์คลาสสิค ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ลูกมีการจัดลำดับความคิดในสมองได้ดีขึ้น และเติบโตมาเป็นเด็กที่มีความคิดดี สร้างสรรค์ จดจำเก่ง แถมมีอารมณ์ดีไม่หงุดหงิดง่ายอีกต่างหาก ดังนั้นเวลาว่างๆ ก็ลองเปิดเพลงฟังดู

5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่ก็สามารถออกกำลังกายได้ แถมยังส่งผลดีต่อไอคิวของลูกอีกต่างหาก โดยให้เลือกการออกกำลังกายแบบเบาๆ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่เป็นจังหวะ แต่อย่างไรการจะเลือกท่าออกกำลังกายแบบไหนดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับช่วงอายุครรภ์ของคุณแม่ด้วย

อยากให้ลูกน้อยมีไอคิวสูง ฉลาดและมีไหวพริบดี คุณแม่สามารถสร้างให้กับเขาได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยทำตาม 5 เคล็ดลับเหล่านี้ พร้อมกับมีอารมณ์ดีตลอดเวลา เท่านี้ก็จะช่วยพัฒนาไอคิวและการเจริญเติบโตของลูกน้อยได้ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์ อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงความเครียดด้วย เพราะนั่นจะไปชะงักการพัฒนาการลูกได้นั่นเอง