เรื่องจริงสครับหน้า แค่ไหนเรียกว่าดี?

เรื่องจริงสครับหน้า แค่ไหนเรียกว่าดี?

เรื่องจริงสครับหน้า แค่ไหนเรียกว่าดี?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ได้ยินกันมานานซะชินใช่ไหมล่ะ ว่าการสครับผิวหน้าช่วยทำให้ผิวใส เรียบเรียน ทาครีมอะไรๆ ก็ซึมได้ดีขึ้น แต่จะบ่อยแค่ไหน ผิวแบบไหนควรระวังยังไง และประโยชน์จริงๆ ของการสครับคืออะไร...สาวๆ หลายคนคงลืมนึกถึงซะดื้อๆ

 


บ่อยแค่ไหนถึงดี
เรามาถกกันเรื่องความถี่กันก่อน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ปกติแล้วผิวชั้นนอกคนเราจะเสื่อมสภาพและตายทุก 28 วัน เซลล์ผิวที่ตาแล้วเราเรียกว่าขี้ไคล ที่ควรขจัดออกไป เพื่อที่ว่าจะได้ไม่สะสมจนเกิดคราบบนใบหน้า และถ้าปล่อยทิ้งไว้นานไป ก็จะทำให้หน้าดูหมอง ทาครีมบำรุงใดๆ ก็ซึมลงสู่ผิวได้ยากขึ้น

แต่ทั้งนี้ก็ควรดูไลฟ์สไตล์ของเราด้วย ว่าไปเร่งการทำงานของธรรมชาติมากขึ้นหรือไม่ จนทำให้เกิดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพมากขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ก็ควรสครับผิวโดยเฉลี่ย 2 สัปดาห์ครั้ง หรือสครับเมื่อรู้สึกว่าผิวดูหมองๆ ไม่สดใส สำคัญที่ว่าไม่ควรสครับบ่อยจนเกินไป เพราะผิวมีความบอบบางมาก และถูกทำร้ายจากแสงแดดและภาวะภายในมากพอแล้ว การที่เรายิ่งไปขัดลอกผิว ก็ยิ่งเป็นการทำให้ผิวถลอกและเสี่ยงต่อการอักเสบมากขึ้นเท่านั้น
กุญแจสำคัญ


เมื่อหน้าที่ของครีมสครับคือการขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ดังนั้นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดจึงเป็นการเลือกสารที่เป็นตัวขัดบนใบหน้าที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ โดยทั่วไปแล้ว เครื่องสำอางตามท้องตลาดที่เน้นการขายในปริมาณมากๆ อาจใช้เม็ดพลาสติก (ที่มีคำว่า bead ทั้งหลาย) หรือเป็นสารสังเคราะห์ที่มีชื่อบนฉลากว่า Polyethylene นั่นเอง เจ้าสารเคมีตัวนี้ จะลื่นมัน ยืดหยุ่นดี จึงใช้สครับผิวได้ แต่ถ้าถามสาวๆ ว่าต้องการเอาเม็ดพลาสติกมาถูหน้ากันหรือเปล่า เราๆ คงไม่อยากเสี่ยงกับการแพ้แน่ๆ จริงไหม แต่คงปลอดภัยกว่ากับสิ่งที่มาจากธรรมชาติ อย่าง ผงใยบวบ ใยสับปะรด แอปริคอต เป็นต้น และเมื่อใช้ให้นวดถูอย่างเบามือ
ผิวแบบนี้ควรระวัง


ผิวที่ควรระวังสำหรับการสครับมีอยู่สองแบบนั่นคือผิวมีสิวและผิวที่มีรูขุมขนกว้าง เรากำลังบอกว่าผิวนั้นสามารถสครับอย่างเบามือได้แต่หากมีสิว ก็ควรเลี่ยงสครับที่มีกรดธรรมชาติสูงๆ จำพวกกรด AHA ทั้งหลาย เพราะผิวอาจจะอักเสบและระคายเคืองได้


ส่วนผิวที่รูขุมขนกว้าง สาวๆ กลุ่มนี้มักมีหน้ามันๆ เป็นของแถม ขอแนะนำว่าเมื่อหน้ามันและผลิตไขมันออกมามากซึ่งควรสครับออกมากกว่าผิวชนิดอื่น แต่ในส่วนของรูขุมขนแล้ว ยิ่งเรายิ่งขัดถู ก็ยิ่งทำให้กว้างขึ้นได้ ฉะนั้นแล้วทางออกที่ดีก็คือ การสครับผิวบนใบหน้ายกเว้นบริเวณที่รูขุมขนกว้าง


เรื่องเข้าใจผิดบ๊อยบ่อย
เรื่องแบบนี้ต้องจัดการด่วนก่อนที่หน้าจะพังไปเสียก่อน นั่นคือความเข้าใจผิดที่ว่าการสครับผิวบ่อยๆ จะทำให้หน้าเลือดฝาด เรียบเนียน เรื่องจริงก็คือผิวหน้าไม่ใช่จานชามที่ต้องการขัดถูมากนัก เพราะฉะนั้นแล้วโฟมล้างหน้าที่พร้อมกับเม็ดบีดจึงไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ผิวต้องการในทุกวัน แต่สครับเมื่อผิวเกิดขี้ไคลหรือเซลล์เสื่อมสภาพ จึงจะเรียกว่าสครับแบบไม่ร้ายผิว

อีกประการคือการสครับไม่อาจทำให้สิวเสี้ยน หรือสิวอุดตันหายได้ เพราะปัญหาสิวเกิดจากการทำงานภายในที่ไม่สมดุลหรือเกิดจากการระคายเคืองจากการใช้เครื่องสำอาง ฉะนั้นแล้ว เราควรเลี่ยงการสครับบริเวณที่มีสิว และรักษาสิวด้วยความอ่อนโยน ไม่เช่นนั้น ผิวจะยิ่งเกิดสิวมากขึ้น หากเราไปรบกวนผิวบ่อยๆ นั่นเอง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook