อรอนงค์ จิดาภา มารีญา ย้อนอดีตดราม่าเวทีนางงาม และสาวลูกครึ่งไม่ตอบโจทย์การประกวดแล้วจริงหรือ?

อรอนงค์ จิดาภา มารีญา ย้อนอดีตดราม่าเวทีนางงาม และสาวลูกครึ่งไม่ตอบโจทย์การประกวดแล้วจริงหรือ?

อรอนงค์ จิดาภา มารีญา ย้อนอดีตดราม่าเวทีนางงาม และสาวลูกครึ่งไม่ตอบโจทย์การประกวดแล้วจริงหรือ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

25 ปีแห่งความหลัง

กระแสการประกวดนางงามกลับมาคึกคักอีกครั้งในบ้านเรา โดยเฉพาะเวที Miss Universe Thailand ซึ่งปีที่แล้ว น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ ทะลุเข้ารอบ 6 คนสุดท้ายในรอบหลายปี จนเมื่อคืน เราได้ Miss Universe Thailand คนใหม่ประจำปี 2017 เธอทำให้เราคิดถึง จิดาภา ณ ลำเลียง ผู้เข้าประกวดนางสาวไทยที่แฟนๆ นางงามยังไม่ลืม จากเหตุการณ์ดราม่ากระหึ่มสังคม แม้ในสมัยที่โลกเรายังไม่มีโซเชียลมีเดีย


ราว 4 ทุ่มเศษของวันที่ 29 กรกฎาคม 2560 เวทีการประกวด Miss Universe Thailand ได้ตัวแทนคนล่าสุดเพื่อไปประกวดเวที Miss Universe 2017 ซึ่งจะจัดขึ้นในปลายปีนี้ นั่นก็คือ นางสาวมารีญา พูลเลิศลาภ ผู้เข้าประกวดอายุ 25 ปี เธอเป็นลูกครึ่งไทย - สวีเดน ครอบครองส่วนสูงถึง 184 เซนติเมตร ด้วยความที่เธอเคยเป็นศิลปินและมีอาชีพเป็นนางแบบ หุ่นดี ภาษาได้ ทำให้แฟนนางงามจำนวนมากทุ่มหัวใจเชียร์จนมงกุฎหล่นลงบนหัวเธอแบบไม่พลิกโผ

และถ้าหากเราสังเกตหน้าตาของเธอดีๆ ก็จะพบว่าเหมือนกับผู้เข้าประกวดนางสาวไทยประจำปี พ.ศ. 2535 คนหนึ่ง คือ จิดาภา ณ ลำเลียง สาวลูกครึ่งไทย - อเมริกัน ที่จับมือยืน 2 คนสุดท้ายกับ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ซึ่งคว้าตำแหน่งนางสาวไทยปีนั้นไปครอง จนเกิดเรื่องดราม่าขึ้นในข้ามคืน เพราะทั้งสื่อมวลชนและแฟนนางงามต่างพากันลงความเห็นว่า จิดาภาเหมาะสมกับการเป็นตัวแทนประเทศกว่ามาก - - 25 ปีผ่านไป เหตุการณ์เมื่อคืน เหมือนหนังรีเมคที่เกือบจะจบเหมือนเดิม


ความเหมือนกันอย่างน่าขนลุกจนเราคิดเล่นๆ ในใจว่าเป็นสิ่งที่กองประกวดเตรียมการไว้ตั้งแต่ทีแรกหรือเปล่า นั่นก็คือ ผู้เข้าประกวด 2 คนสุดท้ายที่ยืนจับมือรอประกาศผลนั้น คนหนึ่งมีดีกรีเป็นถึงนางสาวเชียงใหม่ (อรอนงค์ และสุภาภรณ์ หมายเลข 38) ส่วนอีกคนเป็นสาวลูกครึ่งหุ่นดี พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว (จิดาภา และมารีญา) ยิ่งไปกว่านั้น แพทเทิร์นการประกวดในปี 2017 นี้ ยังจัดให้นางงามทั้ง 2 คน เดินโชว์ตัวให้คณะกรรมการดูอีกครั้ง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในปีก่อนๆ เช่นเดียวกับการประกวดเมื่อปี พ.ศ. 2535 ที่มีการเดินโชว์ตัวครั้งสุดท้าย (Final Walk) ก่อนประกาศผลการตัดสินเหมือนกันเป๊ะ!

 สิ้นเสียงพิธีกรที่ประกาศว่า อรอนงค์ ได้เป็นนางสาวไทยประจำปี พ.ศ. 2535 และเป็นตัวแทนไปประกวด Miss Universe 1992 แฟนนางงามหลายๆ คนช็อคกับผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะ อรอนงค์ ถือเป็นม้ามืดในการประกวดปีนั้น และ 'ว่ากันว่า' เหตุผลที่เธอได้ตำแหน่งนี้ไป เป็นเพราะความสามารถในการร่ายรำอ่อนช้อย ซึ่งได้มาจากตอนเรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ และประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประกวด Miss Universe ในปีเดียวกัน จึงอยากให้อรอนงค์เป็นคนไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ชาวโลกได้รู้ แทนที่จะเป็นจิดาภาซึ่ง สาวลูกครึ่งพูดภาษาไทยไม่แตกฉานสักเท่าไหร่ ผลลงเอยด้วยการที่ประเทศไทยได้เพียงตำแหน่งชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ส่วนแฟนนางงามก็ได้แต่เปรยว่า 'เราพลาดโอกาสที่จะได้ Miss Universe คนที่ 3 ไปอย่างน่าเสียดาย'

ตัดกลับมาที่การประกวดเมื่อคืน (29/7/2017) มารีญาเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายเป็นคนที่ 15 ทำเอาแฟนๆ ที่เข้าไปเชียร์นั่งไม่ติดเพราะกลัวว่าเธอจะตกรอบแรกไป จากนั้นเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายในลำดับที่ 7 และเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายในลำดับที่ 5! ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้เข้าประกวดที่มีคุณสมบัติพร้อมส่งออกทุกประการ แต่เรื่องหนึ่งที่แฟนนางกลัวอยู่ในใจลึกๆ นั่นก็คือหน้าตาของเธอค่อนไปทางฝรั่งมากกว่าจะเป็นลุคเอเชี่ยน - - ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าสายสะพาย THAILAND ส่งตัวแทนไปเวที Miss Universe เกือบจะทุกรูปแบบแล้ว หลังจากที่ ปุ๋ย - ภรณ์ทิพย์ ได้มงกุฎ Miss Universe คนที่ 2 ของประเทศมา สายสะพาย THAILAND ก็ลดความแข็งแกร่งลงจนมองประเทศฟิลิปปินส์เข้ารอบ 5 ปีติดอย่างน่าอิจฉา

ข้อถกเถียงหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคม คือเรามักส่งผู้เข้าประกวดผิวขาวหรือไม่ก็ลูกครึ่งไป ซึ่งสวนทางกับภาพจำในสายตาของชาวตะวันตก นั่นก็คือผู้หญิงชาวเอเชียต้องมีผิวสีน้ำผึ้ง ผมดำขลับและยิ้มสวย (ความคิดแบบเหมารวมนี้ยังหมายถึงเวทีการประกวดอื่นๆ ที่มีในระดับอินเตอร์อีกด้วย เช่น Miss World ) ยิ่งเมื่อ แนท อนิพรณ์ และ น้ำตาล ชลิตา 2 สาวไทยผิวสีน้ำผึ้งทำผลงานได้ดีใน 2 ปีที่ผ่านมา และกระแสผิวไม่ขาวก็สวยได้แบบ เมญ่า มาพร้อมกัน คนไทยก็คาดหวังว่าผู้เข้าประกวดคนต่อๆ ไปควรมีลักษณะอย่างนั้น และเราจะมีสิทธิคว้าตำแหน่ง Miss Universe คนที่ 3 ของประเทศมาครอง เท่ากับที่ประเทศฟิลิปปินส์ทำได้ คำถามคือ รูปลักษณ์ภายนอกเช่นนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราชนะจริงเหรอ?

เอาอย่างนี้ ถ้าหากเราวัดว่าผิวสีน้ำผึ้งคือความงามแบบ Asian Exotic - - นางงามจักรวาลทั้ง 2 ของประเทศไทยไม่ได้มีคุณสมบัตินั้นอยู่เลย ปุ๊ก - อาภัสรา หงสกุล นางงามจักรวาลประจำปี ค.ศ. 1965 และคนแรกของประเทศไทยเป็นผู้หญิงผิวขาว ส่วนสูง 165 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าเป็นนางงามจักรวาลที่มีความสูงน้อยที่สุด เช่นเดียวกับ ปุ๋ย - ภรณ์ทิพย์ นางงามจักรวาลคนที่ 2 ของไทย เธอมีผิวที่ขาว และภาษาไทยไม่แข็งแรงเพราะบินกลับมาประกวดจากสหรัฐอเมริกา สำหรับนางงามไทยที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงอย่างที่กล่าวมานั้น คงจะเป็น ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม ผู้ผ่านเข้ารอบ 15 คนสุดในในปี 2007 ที่ประเทศเม็กซิโก จากนั้นก็เว้นว่างไปนาน และกลับมาเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายอีกครั้งในปี 2016

ถ้าเข้าใจไม่ผิด กระแสนางงามเอเชียผิวสีน้ำผึ้งถูกจับตามองอีกครั้งเมื่อ Maria Venus Raj ตัวแทนจากประเทศฟิลิปปินส์เข้ารอบ 15 คนสุดท้ายเมื่อปี 2010 จนเราต้องหันกลับมาถามตัวเองว่า ส่งแบบนั้นไปบ้างมั้ยเผื่อจะเข้ารอบเหมือนเขา จากนั้นไม่นาน แนท - อนิภรณ์ก็ตอกย้ำความเชื่อนั้นเมื่อผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายในรอบเกือบ 10 ปี สรุปว่าความเชื่อนั้นจริงถูกจริงเหรอ?

สำหรับเราแล้ว การเข้ารอบของนางงามเกิดจาก 'ศักยภาพ' ของผู้เข้าประกวด ซึ่งรูปลักษณ์นั้นเป็นเพียงปัจจัยที่สนับสนุนให้มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศแถบอเมริกาใต้ เป็นพื้นที่ซึ่งคลั่งไคล้การประกวดนางงามมากๆ เป็นความฝันของเด็กสาวที่ไม่ใช่แค่เพียงการเพ้อฝัน แต่ตำแหน่งนางงามสามารถเปลี่ยนฐานะที่ยากจนให้กลายเป็นคนอีกระดับหนึ่งในสังคมขึ้นมาได้ ความทะเยอทะยานผลักดันให้ผู้เข้าประกวดแต่ละคนฝึกฝนทั้งการเดิน รูปร่าง หรือแม้แต่ความเป็นตัวของตัวเองที่ก็ต้องฝึกให้ชัดเจนเช่นกัน ความมั่นใจคืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราพลาดโอกาสไปหลายครั้ง

เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า เจ้าของลิขสิทธิการประกวดนี้คือประเทศอเมริกา ดินแดนที่ส่งเสริมให้คนมีความมั่นใจ เชื่อในตัวเอง และกล้าที่จะทำ นางงามแบบ 'ไทยๆ' ที่เยื้องย่างกายช้าผิดปกติบนเวทีโลก จึงตกรอบไปอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นั่นเป็นเพียงอดีต เพราะถ้าเราอยากได้ตำแหน่งนี้อีกครั้ง ก็ต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงทัศนคติให้เข้ากับเวทีเขา ถ้าถามเราว่า ใครคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ชัดเจนที่สุดในรอบ 10 ปีมานี้ ก็ต้องตอบว่า ไข่มุก ชุติมา ดุรงค์เดช ตัวแทนปี 2009 ที่เธอมีความมุ่งมั่นในการประกวดมากๆ จนกลายเป็นนางงามในตำนานไปแล้ว ถึงแม้เธอจะไม่เข้ารอบก็ตาม (ปีนั้นสาวจากเอเชียโดนปัดตกหมดเลยจ้ะ ไม่ต้องเสียใจ!)

สุดท้ายแล้ว การประกวดนางงามก็เหมือนเกมโชว์รายการหนึ่งที่ผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมรับรู้ถึงกติกาการแข่งขันเป็นอย่างดี หลังจบการประกวด ก็จะมีบทสนทนาวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเรื่องความสวยในแบบเดียว มายาคติเกี่ยวกับความงาม หรือความไม่เหมาะสมของคนที่ได้ตำแหน่ง แต่สิ่งหนึ่งที่การประกวดนางงามฝากไว้ให้กับคนที่ดูก็คือ ความทุ่มเทและพัฒนาตัวเอง เปีย - อลอนโซ เวิร์ทซ์แบค Miss Universe 2016 คือผู้เข้าประกวดที่กลับมาใหม่หลายครั้ง จนชนะในบ้านตัวเองและคว้ามงใหญ่มาครอบครองได้ ยิ่งในสมัยนี้ที่เวที Miss Universe เปลี่ยนมือจากทรัมป์ มาเป็นของ IMG ก็ยิ่งตอกย้ำถึงนางงามสุขภาพดี รักตัวเอง รักมนุษย์ร่วมโลก และเชื่อมั่นในความสวยที่มี (แน่ล่ะ ต้องไม่ศัลยกรรม) 

หรือคุณจะมองว่านี่เป็นกีฬาชนิดหนึ่งก็ได้ ปลายปีมารีญาจะไปเจอผู้เข้าประกวดกว่าอีก 80 ประเทศทั่วโลก เป็นกำลังใจให้เธอหน่อยก็แล้วกัน ในฐานะสายสะพาย THAILAND! (เสียงสูงงง)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook