ไขข้อข้องใจคนเป็นสิว ข้อดีข้อเสียของยากรดวิตามินเอ/ยาคุม/SOD

ไขข้อข้องใจคนเป็นสิว ข้อดีข้อเสียของยากรดวิตามินเอ/ยาคุม/SOD

ไขข้อข้องใจคนเป็นสิว ข้อดีข้อเสียของยากรดวิตามินเอ/ยาคุม/SOD
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ไขข้อข้องใจ แก้ปัญหาสิววิธีไหนดี มีผลข้างเคียงหรือไม่ ข้อดีข้อเสียของ ยาอนุพันธ์วิตามินเอ / ยาคุมกำเนิด / วิตามิน SOD / ธาตุ Zinc / น้ำมัน EPO

     สวัสดีค่ะ วันนี้ทีมงาน Sanook! นำบทความสาระดีๆมาเสิร์ฟให้คนเป็นสิวได้อ่านกัน โดยเฉพาะคนที่เป็นสิวมานานและผ่านการรักษาสิวมาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมแบรนด์หรู การฉีดสิว หรือแม้กระทั่งการเลเซอร์ แต่ใช่ว่าการรักษาเหล่านั้นจะเหมาะกับทุกคนเสมอไป เพราะบางคนก็แพ้ง่ายตั้งแต่ครีมกันแดด ไม่เว้นแม้แต่ยาแต้มสิว เราเลยอยากจะมาพูดถึงการดูแลสิว ‘จากภายใน’ ด้วยการทาน ‘ยา’ และ ‘วิตามิน’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่คนเป็นสิวฝากความหวังไว้ว่าจะช่วยกู้หน้าใสๆกลับมาในเร็ววัน

     ทีมงานของเราได้ศึกษาข้อมูลและทดสอบกับตัวเองมาแทบจะทุกอย่างแล้ว เลยขอใช้ประสบการณ์ที่มีมาแชร์ให้เป็นประโยชน์กับคนที่ต้องทนปวดใจเรื่องสิวอยู่ทุกวัน จะได้สิวหายกันถ้วนหน้า

     ต้องยอมรับว่ายาและวิตามินแก้ปัญหาสิวมีออกมาวางขายให้เราได้เลือกทานกันสารพัดแบรนด์
จนตาลาย แต่ครั้นจะเลือกตามความพอใจหรือซื้อกินเองตามคำแนะนำของเพื่อนก็อาจต้องเสียใจภายหลัง เพราะประโยชน์และผลข้างเคียงของยาแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน และไม่ใช่ว่าทุกคนจะกินแล้วได้ผล ที่สำคัญถ้าเลือกยาหรือวิตามินผิดตัว อาจทำให้อาการหนักกว่าเดิม

     วันนี้เราจะมาพูดถึงยาและวิตามินแก้ปัญหาสิว 5 ชนิด ที่เป็นที่นิยมใช้แก้ปัญหาสิวในบ้านเรา ได้แก่
1. ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Isotretinoin)
2. ยาคุมกำเนิด (Contraception Pill)
3. แร่ธาตุสังกะสี (Zinc)
4. วิตามิน SOD (Extramel)
5. น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส (EPO)

     บอกเลยว่าห้ามพลาดเป็นอันขาดถ้าอยากสิวหาย! เพราะคุณจะได้รู้ว่าตัวเองเหมาะกับยาประเภทไหน แต่ละประเภทมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร รวมถึงกลไกการทำงาน ระยะเวลาเห็นผล และข้อควรระวังต่างๆ มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ...

 

1. ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่เป็นสิวรุนแรง สิวเห่อขึ้นเต็มหน้า หายยาก ดื้อยาปฎิชีวนะ

ข้อมูลทั่วไป
      ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอหรือกรดวิตามินเอ (ดูได้จากส่วนผสมของตัวยา Isotretinoin) ถือเป็นยารักษาสิว ที่หมอมักจ่ายให้ในกรณีที่เป็นสิวฮอร์โมนหนักมาก จะมีให้เลือก 2 แบบ คือแบรนด์นำเข้าและแบรนด์ไทยที่ราคาถูกกว่า

กลไกการทำงาน
      ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอสามารถลดอาการหน้ามันได้ดีที่สุดในบรรดายาทั้ง 5 ประเภท เพราะ Isotretinoin ที่เป็นตัวยาหลักจะช่วยกดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยลดการอักเสบของสิวและลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหนึ่งของสิวได้เป็นอย่างดี ยากรดวิตามินเอเหมาะสำหรับผู้ที่หน้ามันและเยิ้มมากกก เป็นสิวชนิดรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ คือพูดง่ายๆว่าไม่ว่าจะเป็นสิวแบบไหน เจอตัวนี้เข้าไปยังไงก็ดีขึ้น… แต่! ก่อนจะวิ่งไปซื้อกรดวิตามินเอที่ร้านยาหน้าปากซอย จงอ่านให้จบเสียก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ เพราะโทษของเจ้าตัวนี้รุนแรงไม่ใช่เล่นเลย

ผลข้างเคียงและคำแนะนำ
     ผู้ที่ต้องการรักษาสิวด้วยกรดวิตามินเอ ต้องปรึกษาและได้รับใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ย้ำว่า เท่านั้น! เนื่องจากต้องมีการสอบประวัติการทานยาและตรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่ว่าจะสุ่มสี่สุ่มห้าซื้อมาทานเองได้

     ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้ คือ ในช่วง 1-4 สัปดาห์แรกของการรับประทาน สิวอาจจะเห่อขึ้นและค่อยๆยุบลง และจะมีอาการปากแห้ง ผิวแห้ง ตาแห้ง ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์อาจจะต้องหยอดน้ำตาเทียมบ่อยขึ้นหรือต้องหยุดใส่ไปสักพัก ผิวหนังจะบอบบางและไวต่อแดด ดังนั้นจึงไม่ควรทานร่วมกับการทากรดผลไม้หรือ AHA เพราะจะทำให้ผิวบางยิ่งกว่าเดิม และไม่ควรทานต่อเนื่องเกิน 3 เดือนโดยเด็ดขาด คุณหมอเตือนเลยว่าจะทำให้ตับทำงานหนักมากเกินไป และสิ่งที่ควรระมัดระวังมากที่สุดคือ สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทานยาประเภทนี้เด็ดขาด เพราะอาจทำให้ทารกพิการหรือเกิดภาวะแท้งได้

ข้อดี :
- ลดปัญหาหน้ามันได้ดีที่สุด
- ลดจำนวนแบคทีเรีย ตัวการของสิว
- ลดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้รวดเร็ว

ข้อเสีย :
- มีผลข้างเคียงทำให้ผิวแห้งกร้าน ปากแห้ง ตาแห้ง ผมร่วง
- ผิวบางลง คล้ำง่าย ไวต่อแดด
- มีผลต่อค่าตับรุนแรง ห้ามกินต่อเนื่องเกิน 3 เดือน
- ไม่เหมาะกับผู้ที่วางแผนมีลูก เพราะมีผลต่อเด็กในท้อง
- สำหรับบางคนอาจส่งผลต่อความผิดปกติทางจิตใจ เช่น ภาวะเครียด ซึมเศร้า

ราคา :
ยากลุ่ม Isotetrinoin เม็ดละ 30-50 บาท



2. ยาคุมกำเนิด

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่เป็นสิวฮอร์โมน หน้ามันมากเกินควบคุม

ข้อมูลทั่วไป
     ยากลุ่มที่ 2 นี้ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในหมู่สาวๆ ที่มีปัญหาสิวฮอร์โมน ที่มีลักษณะเป็นสิวหัวหนองหรือสิวอักเสบเม็ดใหญ่ๆ บวมแดง ส่วนใหญ่จะจะชอบเห่อขึ้นมาแถวๆคางและรอบปากทุกครั้งก่อนหรือระหว่างช่วงนั้นของเดือน ซึ่งเกิดจากความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) ในร่างกาย

กลไกการทำงาน
     ยาคุมจะเข้าไปช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน เพื่อลดอาการหน้ามัน ลดการเกิดสิว และได้ของแถมเป็นผิวพรรณที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น

     ผู้ที่ต้องการทานยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิวต้องอดทนและใจเย็นนิดนึง เพราะสภาพผิวจะไม่ได้ดีแบบปุบปับ แต่จะค่อยๆดีขึ้นหลังจากเดือนที่ 6 เนื่องจากต่อมไขมันค่อยๆทำงานน้อยลง

ผลข้างเคียงและคำแนะนำ
     สำหรับผลข้างเคียงของยาคุมนั้นก็ไม่น้อยเช่นกัน เช่น อาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน บวมน้ำ และน้ำหนักตัวเพิ่ม เมื่อทานต่อเนื่องอาจทำให้เป็นฝ้า กระ อาจมีลูกยากในอนาคต และมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าคนทั่วไป บางคนอาจมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีอาการผิดปกติทางอารมณ์ เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า และที่สำคัญ ผู้ที่ไม่ควรทานยาประเภทนี้เลยคือ กลุ่มคนที่เป็นไมเกรนชนิดรุนแรง ผู้ป่วยโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และสตรีมีครรภ์

ดังนั้น การทานยาคุมเพื่อรักษาสิวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับยาประเภทอื่นๆ ที่ไม่ควรซื้อมารับประทานเองเพียงเพราะเชื่อมั่นในการวินิจฉัยโรคด้วยตัวเองผ่านการเสิร์ชทางอินเตอร์เน็ต

ข้อดี :
- เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาสิวฮอร์โมนโดยเฉพาะ
- ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส มีน้ำมีนวล
- ราคาไม่แพง

ข้อเสีย :
- อาจมีอาการบวมน้ำ น้ำหนักเพิ่ม
- กินต่อเนื่องจะทำให้ผิวบาง ไวต่อแดด เกิดฝ้า กระ
- เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมและมีบุตรยาก
- ต้องทานต่อเนื่องถึง 6 เดือน

ราคา :
ยาคุมกำเนิด แผงละ 300-400 บาท


3. วิตามินกลุ่ม SOD

เหมาะสำหรับ : สิวฮอร์โมน สิวผด สิวสเตียรอยด์ ฟื้นฟูผิวแพ้ง่ายให้แข็งแรง

ข้อมูลทั่วไป
     มาถึงวิตามินตัวแรกที่แตกต่างจาก 2 ประเภทด้านบนอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ใช่ยาเคมี แต่เป็นสาร Superoxide Dismutase หรือ SOD (เอสโอดี) สกัดจากผลไม้ (Extramel) ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่ร่างกายผลิตได้เอง เพื่อใช้ซ่อมแซมผิวที่สึกหรอ คนที่ผลิตสาร SOD ได้เยอะ มีแนวโน้มจะแก้ช้ากว่า และไม่ค่อยมีปัญหาสิวมากวนใจ เพราะมี SOD คอยช่วยซ่อมแซมผิวให้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย หรือไวต่อแดด

กลไกการทำงาน
     นอกจากจะช่วยบำรุงผิวแล้ว SOD ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการกำจัดสิว เพราะมีฤทธิ์ต้านอักเสบ ทำให้สิวที่อักเสบหรือบวมแดงยุบเร็วกว่าปกติ ช่วยสมานแผล ทำให้สิวหายเร็วขึ้น ลดโอกาสการเกิดหลุมสิวและรอยแผลเป็น แถมยังช่วยรักษาสมดุลการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะ แก้ปัญหาหน้ามันเยิ้ม แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งเหี่ยว (ผิวแห้งจะทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย) และที่สำคัญคือ SOD จะช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ลดอาการแพ้ โดยเฉพาะสิวผด ทำให้ครอบคลุมปัญหาสิวได้หลายประเภท

ผลข้างเคียงและคำแนะนำ
     เป็นสารสกัดจากผลไม้เลยไม่มีผลข้างเคียงของยาเคมี สามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่ทำให้ตับและไตทำงานหนัก ช่วยเรื่องสิวหลายประเภท เช่น สิวฮอร์โมน สิวอุดตัน สิวผด สิวสเตียรอยด์ และทานเพื่อควบคุมความมันส่วนเกินได้ด้วย การทานต่อเนื่องจะช่วยฟื้นฟูผิวที่แพ้ง่ายให้ค่อยๆแข็งแรงขึ้น ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนพวกยากรดวิตามินเอหรือยาคุม แต่ข้อเสียของอาหารเสริมกลุ่ม SOD คือจะราคาสูงกว่ายา 2 ชนิดแรก

ข้อดี :
- ช่วยลดสิวได้หลายประเภท รวมทั้งสิวฮอร์โมน สิวผด และสิวสเตียรอยด์
- ช่วยสมานแผล ช่วยให้สิวหายเร็ว ลดการเกิดรอยแผลเป็นและหลุมสิว
- ช่วยให้ผิวเกิดสมดุล ช่วยลดน้ำมันส่วนเกิน แต่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- ช่วยฟื้นฟูผิวแพ้ง่ายให้แข็งแรงขึ้น อาการแพ้ลดลง
- ทานต่อเนื่องได้ ปลอดภัย

ข้อเสีย :
- ราคาสูงกว่ายาเคมี

 
4. แร่ธาตุ Zinc

เหมาะสำหรับ : ผิวมันระดับน้อยถึงปานกลาง เป็นสิวฮอร์โมนในระดับที่ไม่รุนแรง

ข้อมูลทั่วไป
     เป็นแร่ธาตุที่อยู่ในอาหารจานโปรดของเราอย่างหอยนางรมและเสต็กเนื้อ (แฮ่ๆ) มีประโยชน์หลายอย่าง นอกจากจะช่วยเสริมภูมิต้านทานแล้ว ยังช่วยลดการเกิดสิว ลดความมันส่วนเกิน และช่วยให้สิวหายเร็วกว่าปกติ

กลไกการทำงาน
     มีส่วนช่วยในการควบคุมฮอร์โมน ที่ไปลดการผลิตซีบัมใต้ชั้นผิวหนัง จึงมีสรรพคุณช่วยลดปัญหาหน้ามัน ทั้งยังมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว จึงมีส่วนช่วยในการลดสิว และทำให้สิวหายเร็วขึ้น ถ้าเป็นคุณผู้ชายก็จะได้ประโยชน์เพิ่ม เพราะมีส่วนช่วยทำให้สเปิร์มแข็งแรงและลดผมร่วงไปด้วยในตัว

     อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือการเสริมอาหารเสริมด้วยสังกะสีบางประเภท อาจมีผลทำให้เกิดรอยดำหลังจากที่สิวแห้ง และคนที่แพ้แร่ธาตุนี้ (เหมือนตัว จขกท) แทนที่ทานแล้วสิวจะลด กลับมีสิวเห่อขึ้นเป็นเม็ดใหญ่ๆอย่างน่าตกใจ เพราะฉะนั้นควรเริ่มจากปริมาณน้อยๆ อย่าเพิ่งรีบซื้อตุนเพราะเห็นแก่ของเซลส์ล่ะ!

ผลข้างเคียงและคำแนะนำ
ควรเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็น Zinc ชนิด Gluconate เพราะจะไม่ทำให้เกิดรอยดำจากสิวและควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพราะถ้าทานมากเกินไป อาจเกิดการสะสมได้ แต่ถ้าทานในปริมาณที่พอดีก็ไม่ต้องกังวลจ้ะ

ข้อดี :
- ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงเหมือนยาเคมี
- ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับคนเป็นสิวไม่รุนแรง

ข้อเสีย :
- สำหรับคนที่แพ้สังกะสี อาจมีสิวเห่อขึ้นเยอะกว่าเดิม
- เหมาะสำหรับทานเสริม มากกว่าจะใช้รักษาสิวโดยตรง
- ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะอาจเกิดการสะสม

  
5. น้ำมันดอกอิฟนิ่งพริมโรส EPO

เหมาะสำหรับ : การลดปัญหาผิวแห้งกร้าน ลดอาการปวดประจำเดือน (แต่ไม่เหมาะสำหรับคนหน้ามัน เป็นสิว)

ข้อมูลทั่วไป
     เป็นพืชที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งยารักษาสารพัดโรค อุดมไปด้วยกรด Gamma-linolenic acid หรือ GLA ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

กลไกและการทำงาน
     น้ำมันสกัดจากดอกอิฟนิ่งพริมโรส ไม่มีกลไกการทำงานที่ช่วยลดสิว แต่ในทางกลับกัน อาจสร้างปัญหาให้กับคนหน้ามันเป็นสิวได้ เพราะถึงจะมีสรรพคุณช่วยลดอาการ PMS ช่วงรอบเดือน และฟื้นฟูผิวแห้งกร้านให้ชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง แต่กลไกการทำงานดังกล่าว กลับกลายเป็นการเพิ่มความมันส่วนเกินให้กับคนผิวมัน ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ (มารู้ตัวอีกทีหลังเลิกทานแล้วอุดตันข้างแก้มหาย)

ผลข้างเคียงและคำแนะนำ
     ตัวนี้นำมารวมอยู่ในกระทู้เพราะไม่อยากให้คนเป็นสิวหลงผิดทานเข้าไป เพราะจะทำให้หน้ามันและเกิดสิวอุดตันเพิ่มมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ครั้งแรกที่ทานไม่ได้เพราะอยากลดสิว แต่ทานเพราะมีปัญหาปวดประจำเดือนหนักมาก ซึ่งทานแล้วก็ช่วยให้ปวดประจำเดือนน้อยลงจริงๆ แต่ทนกับผลข้างเคียงไม่ไหวเลยต้องเลิกไป

ข้อดี :
- ช่วยให้ผิวแห้งชุ่มชื้นขึ้น
- ลดอาการปวดประจำเดือนและ PMS
- เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ทานต่อเนื่องได้ไม่สะสม

ข้อเสีย :
- ไม่เหมาะกับคนเป็นสิว เพราะก่อให้เกิดสิวอุดตัน
- คนผิวมันไม่ควรทานค่ะ หน้าเยิ้มตั้งแต่เช้าแน่นอน

     อ่านจบแล้ว สาวๆน่าจะพอรู้แล้วใช่ไหมเอ่ยว่าอยากลองทานตัวไหน เพราะเราเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละตัวกันให้เห็นชัดๆไปเลย แต่ก่อนจะซื้อลองปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ผิวหนังก่อนเพื่อความปลอดภัยนะคะ 



[Advertorial]

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook