รู้จัก "โรคร่าเริง" โรคที่ไม่คุ้นหู.. แต่มีอยู่จริง

โรคร่าเริง แน่นอนว่าหลายคนคงจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ซึ่งก็ทำให้เกิดความสงสัยว่าโรคร่าเริงมีจริงหรือ และมีอาการอย่างไร เมื่อเป็นแล้วจะสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคร่าเริงกัน

โรคร่าเริง คืออะไร

โรคร่าเริง คือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมบางอย่างของมนุษย์ที่มักจะมีผลเสียตามมาภายหลังเสมอ โดยจะสังเกตได้ว่าคนที่เป็นโรคนี้มักจะชอบเที่ยวตอนกลางคืนเสมอ และมักจะนอนในช่วงกลางวันเป็นหลัก ซึ่งก็เป็นพฤติกรรมที่แปลกไปจากคนปกติที่จะนอนตอนกลางคืนและตื่นในตอนกลางวันนั่นเอง โดยโรคนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ทั้งยังทำให้สุขภาพแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย

รักษาโรคนี้ได้อย่างไร

สำหรับการรักษาโรคร่าเริงทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนานพอสมควร โดยมีวิธีการรักษาดังนี้

1.เปลี่ยนเวลานอน

จากที่เคยมีพฤติกรรมเที่ยวกลางคืนและนอนกลางวันอยู่นาน ควรเปลี่ยนเวลานอนใหม่ โดยเข้านอนตั้งแต่ช่วงก่อน 4 ทุ่ม เพราะในช่วงเวลา 22.00 – 02.00 น. จะเป็นช่วงที่ร่างกายมีการหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งจะทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกายได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ควรนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมงจะดีที่สุด

2.ปรับนิสัยการทานอาหาร

การทานอาหารก็มีผลต่อโรคร่าเริงเหมือนกัน เพราะการทานอาหารที่มีแป้งเยอะจะทำให้เกิดอาการง่วงนอนในตอนกลางวันได้ง่าย ดังนั้นควรหันมาทานเนื้อสัตว์ให้มากขึ้นและทานแป้งให้น้อยลงกว่าเดิม เท่านี้ก็จะช่วยให้ร่างกายมีความตื่นตัวมากขึ้นในช่วงกลางวันและนอนหลับได้อย่างสบายในช่วงกลางคืนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงนื้อสัตว์ที่ติดมันและเน้นเนื้อปลาเป็นหลัก

3.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายจะสร้างความตื่นตัวให้กับร่างกายได้ดี โดยเฉพาะการออกกำลังกายในตอนเช้า เพราะจะช่วยแก้ปัญหาการง่วงนอนในตอนกลางวันได้อย่างดีเยี่ยม และยังทำให้ร่างกายเกิดความกระปรี้กระเปร่าพร้อมสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ในตอนกลางวันมากขึ้นอีกด้วย

โรคร่าเริงอาจเป็นโรคที่ดูเหมือนไม่อันตราย แต่ก็จะส่งผลเสียในระยะยาวต่อสุขภาพร่างกายได้ ซึ่งจะทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ตามมาได้อีกมากมายนั่นเอง  เพราะฉะนั้นมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองใหม่ เพื่อให้ห่างไกลจากโรคร่าเริงกันเถอะ และที่สำคัญควรหมั่นดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ เพื่อการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงตลอดไปด้วย